แฟรคตันกับอัศวินที่เหลือถูกอาร์โนลด์คุมตัว
ไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องสอดมือเข้าไปยุ่ง ที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของโรสกับแอนนา แล้วก็ไปเก็บรวบรวมพวกมนุษย์แมลง แต่ว่าหลังจากนั้นจะทำอะไรต่อดีล่ะ เอาเป็นว่า จากความทรงจำแล้วลองไปยังที่ที่แม่อยู่ก็ดีเหมือนกัน ไหนๆก็ถูกปลดปล่อยจากโซ่ตรวนของทางตระกูลแล้ว ก็อยากออกเดินทางเที่ยวรอบโลกอย่างอิสระดูเหมือนกัน แต่การเดินทางจำเป็นต้องใช้เงิน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องลงทะเบียนเป็นฮันเตอร์เพื่อหาเงินไว้ใช้เป็นค่าเดินทางล่ะนะ ถ้างั้น บัสเซที่อยู่ใกล้ๆก็น่าจะเหมาะสมที่สุดแล้วล่ะ เพราะตรงนั้นมี ผืนป่าใหญ่ซิลเก้ ซึ่งเป็นถ้ำที่พวกอสูรอาศัยอยู่ นั่นสินะ เอาแบบนั้นเลยแล้วกัน พอจะออกเดินเข้าป่า—
“ร-รอเดี๋ยว!”
กลับโดนแฟรคตันส่งเสียงเรียกให้หยุด
“ฉ-ฉันคือผู้ที่เปรียบเสมือนดาบและโล่ขององค์ชายกิลเบิร์ตว่าที่ราชาองค์ต่อไป จงมาอยู่เคียงข้างพวกเราซะ! ขอแค่มีพลังของแกต่อให้เป็นผู้ถือครอง กิฟท์ ไร้ความสามารถ องค์ชายต้องมองว่ามีประโยชน์เป็นแน่!”
“แก! หยุดพูดเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นได้แล้ว!!”
อาร์โนลด์กระชากคอเสื้ออย่างเดือดดาล เข้าใจเลยว่าทำไมถึงโกรธ ทำให้เพื่อนอัศวินได้รับบาดเจ็บ ไหนจะเรื่องคิดจะข่มขืนอีก แถมเจอคำพูดไร้เหตุผลแบบนี้เขาไปอีก
“หุบปาก เจ้าสามัญชน! ฉันคือเอิร์ล ใช่ เป็นถึงท่านเอิร์ล! คุณค่าในฐานะบุคคลมันต่างจากสามัญชนอย่างพวกแก!”
ให้ตายสิ น่ารังเกียจซะจริง หมอนี้เลวทรามจนไร้ทางเยียวยาไปแล้ว ประเทศที่มีสวะไร้ค่าพรรค์นี้อาศัยอยู่ล่มสลายไปซะได้ก็ดี
“แกเป็นคนบอกฉันเองว่า ทรยศไร้ความสามารถแล้วก็ถูกทำเรื่องหยาบคายสารพัด ไม่ใช่ว่าโดนเกลียดไปแล้วหรอกเหรอ?แล้วทำไมฉันต้องไปอยู่กับพวกแกด้วยล่ะ?”
แค่ทางเลือกนี้เท่านั้นที่ไม่มีทางเป็นไปได้ล่ะนะ
“น-นั่นน่ะ ด้วยอำนาจขององค์ชาย อีแค่ผลลัพธ์ของกิฟท์ ลบให้หายไปได้อยู่แล้ว! แล้วก็ ไม่ว่าจะเงินหรือผู้หญิง ก็สามารถหามาได้ตามที่แกต้องการ!”
“เพระแบบนั้น อัศวินโง่เง่าพวกนั้นถึงได้โดนจุงจมูกสินะ?”
พอเหล่สายตาไปยังพวกอัศวินที่ถูกอาร์โนลด์มัดอยู่ พวกมันตัวสั่นพร้อมกับกรีดร้องเสียงเล็กๆออกมา ไร้สาระ เป็นพวกโง่เง่าจริงๆ
“อีกไม่นาน องค์ชายกิลเบิร์ตก็จะได้ขึ้นครองบัลลังก์ หากเป็นเช่นนั้น——“
ฉันเดินเข้าไปใกล้และใช้มือจับหน้ามัน
“ฟังนะ?ฉันฟังเรื่องสมมุติฐานมามากพอแล้ว ฉันไม่สนหรอกว่าใครจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ เพราะไม่ว่ายังไงปรสิตอย่างพวกแก คนใหนได้ขึ้นปกครองมันก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“จะหาว่าท่านโรสเป็นปรสิตด้วยงั้นเหรอ!?”
แอนนาขึ้นเสียงอย่างเดือดดาล พอเปลี่ยนชุดก็กลับเป็นผู้หญิงน่ารำคาญเหมือนเดิมเลยนะ เอาเถอะ ดูจากสีหน้าแล้วดูเหมือนพวกอัศวินคนอื่นก็เห็นด้วยเหมือนกัน จะเหลือก็แค่อาร์โนลด์ที่ไม่ได้มองฉันในแง่ลบแต่กลับมองด้วยความสนใจ
“อืม แน่นอนไม่ผิดเพี้ยน ขออธิบายเป็นรูปธรรมให้เข้าใจง่ายๆเลยแล้วกัน ไม่ว่าจะขุนนางหรือราชวงศ์ก็เป็นได้แค่ปรสิตที่เข้าสิงและคอยดูดเลือดจากประชาชนเท่านั้นแหละ”
เดิมที คนพวกนี้ก็เลือกที่จะทำตามสิ่งในที่แม้แต่ตัวเองยังไม่เข้าใจอย่าง ผลประโยชน์ ข่มเหงผู้เห็นต่าง ท้ายที่สุด คนพวกนี้ก็ไม่ต่างจากแฟรคตันนักหรอก เป็นเพียงแค่แมลงที่คอยกัดกินประเทศนี้เท่านั้นแหละ
“แก!?”
แอนนาขึ้นเสียง
เห็นไหมล่ะ นี่แหละคือแก่นแท้ของคนพวกนี้ พออะไรไม่เป็นไปตามที่พวกตนคิด ก็จะพยายามใช้กำลังให้อีกฝั่งเงียบปากและบังคับให้เชื่อในสิ่งที่พวกตนเชื่อ เพราะงั้นฉันถึงได้เกลียดคนพวกนี้ซะจนอยากให้พวกมันตายไปซะให้หมดก็ดี
“โฮ่ จะเอางั้นเหรอ ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะ ไหนๆแล้วก็เอาจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะตายไปเลยเป็นไง”
ฉันปล่อยมือจากแฟรคตันและหันไปเผชิญหน้ากับพวกมัน ฟาฟคำรามออกมาพร้อมกับลดจุดศูนย์ถ่วง แอสทารอสถอนหายใจลากยาวทันใดนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนไปเป็นการจ้องมองราวกับสัตว์ร้ายพร้อมกับหักนิ้ว
อีกฝั่งเป็นราชอาณาจักรอเมเลีย ประเทศมหาอำนาจ แถมยังมีพวกผู้กล้าในตำนานอยู่ด้วย แล้วผู้กล้าในตำนานเหล่านั้นยังเป็น ผู้ถือครองกิฟท์ คงจะต่างกับจักรวรรดิ ที่มีจักรพรรดิดาบไร้ประสบการณ์กับเหล่าผู้ติดตามโง่เง่าพวกนั้นสินะ ถ้าเป็นตัวเองในอดีตก็คงมีลังเลอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ ฉันไม่มีทางยอมคุกเข่าให้กับเรื่องเล็กน้อยพรรค์นี้เด็ดขาด ถ้าคิดตั้งตัวเป็นสัตรูกับฉันแล้ว ต่อให้อีกฝ่ายจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตามก็จะบดขยี้พวกมันให้สิ้นซาก
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
แอนนาและอัศวินคนอื่นๆตัวตรงทันทีเมื่อได้ยินเสียงอันเข้มงวดพร้อมกับอาร์โนลด์ที่โค้งคำนับ
“ฮะ!เจ้านายปรากฏตัวสินะ แล้ว?จะทำยังไงต่อล่ะ?คิดจะสั่งประหารฉันในโทษฐานดูหมิ่นเหรอ?”
พวกชนชั้นปกครองของประเทศนี้ ทำแบบนั้นมาตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว เพื่ออุดมการณ์ไร้ค่าจับต้องไม่ได้ ที่เรียกว่า ชาติตระกูล ทำให้ชีวิตมากมายต้องถูกพรากไป วิญญาณถูกลบหลู่
การเหยียดกิฟท์ก็เหมือนกัน ถ้าจะให้พูดง่ายๆเลยก็คือ จงใจสร้างชนชั้นที่ถูกกดขี่ขึ้นมาเพื่อให้เหล่ามวลชนระบายความคับข้องใจที่แต่เดิมควรจะมุ่งไปยังชนชั้นปกครองให้หันไปหาคนพวกนั้นแทน เป็นการแก้ผ้าเอาหน้ารอดของพวกชนชั้นปกครองพวกนั้นนั่นแหละ
“ไม่มีทาง นั่นนะฉันออกจะยินดีด้วยซ้ำ”
“หา? สติเลอะเลือนรึไง?”
ผู้หญิงคนนี้ จู่ๆพูดอะไรออกมาน่ะ?
“ส-เสียมารยาท——”
ตามคาด แอนนาพุ่งเข้ามาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ก็บอกแล้วไง! ว่าให้หยุด!!”
แอนนาหยุดชะงัก ด้วยคำพูดกระแทกน้ำเสียงเหมือนไม่ใช่ตัวของโรส
“เป็นครั้งแรกเลยล่ะค่ะ”
“หา?”
“เป็นครั้งแรกในประเทศนี้ ที่ฉันได้เจอกับคนที่มีต่อมความรู้สึกแบบเดียวกับตัวเองค่ะ”
“หูหนวกรึไง!? ฉันเป็นคนบอกว่าพวกขุนนางกับเชื้อพระวงศ์อย่างพวกเธอ เป็นตัวต้นเหตุทำให้ประเทศนี้เน่าเปื่อยเลยนะเฮ้ย?”
“เพราะแบบนั้นฉันถึงได้เห็นด้วยไงล่ะคะ ประเทศนี้กำลังเน่าเปื่อย ทั้งๆที่ความยากจนโรคภัยไข้เจ็บแพร่กระจายไปทั่วแท้ๆ แต่รัฐบาลกลับนิ่งเฉยไม่ยอมทำอะไร มัวแต่หาผลประโยชน์เข้าตัวพวกตน ถ้าปล่อยโครงสร้างแบบตอนนี้ไปเรื่อยๆ ในอานาคตอันใกล้ประเทศนี้ได้ล่มสลายจริงๆแน่ค่ะ”
“ก็คงเป็นอย่างนั้น แล้ว จะทำยังไงล่ะ ถ้าเธอขึ้นปกครองได้แล้วคิดจะลงทัณฑ์คนพวกนั้นรึไง ? นั่นน่ะไม่ใช่วิธีกำจัดปัญหาตั้งแต่รากฐานไช่ไหมล่ะ?”
“ค่ะ ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ฉันรู้ดีว่าทั้งพลังและความคิดเห็นของตัวเองนั้นมีแค่ไหน แต่ ถ้าประชาชนทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการปกครองได้ล่ะคะ?”
น่าตกใจ แนวคิดที่ให้ประชาชนจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมาด้วยตัวเองและเพื่อตัวเอง เป็นสิ่งที่แตกต่างจากโลกในความเป็นจริงอย่างเห็นได้ชัด ถ้าเป็นฉันที่ยังไม่ได้อ่านพวกตำราที่อยู่ในเขาวงกตนั่น ก็คงคิดเรื่องแบบนี้ไม่ได้แน่ๆ
อืม เริ่มสนใจผู้หญิงคนนี้ขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ
“ไปเอาแนวคิดนั่นมาจากไหน?”
“มันปรากฏอยู่ในเรื่องราวของอีกโลกหนึ่งซึ่งเขียนไว้ในหนังสือที่ได้รับจากคุณลุงที่เป็นฮันเตอร์สมัยตอนฉันยังเด็กค่ะ”
“เรื่องราวจากต่างโลก?”
“ค่ะ ที่นั่นเป็นโลกที่ถูกปกครองโดยแนวคิดที่ต่างจากโลกของพวกเรา ซึ่งเรียกว่า คากาคุ ที่นั่นแม้ว่าฐานะจะต่างกัน แต่ก็เป็นสังคมที่สามารถตัดสินใจและเลือกเดินไปยังเส้นทางที่ตนเองเลือกได้ค่ะ”
9ใน10ก็คงเป็นเรื่องของ 『วิทยาศาสตร์』อย่างไปต้องสงสัย เป็นคำที่เจอบ่อยในพวกตำราที่ได้จากเขาวงกตนั่น ถ้าเป็นแบบนั้น หนังสือนั่นก็คงมาจากต่างโลกล่ะนะ แน่นอน ยังไงก็เป็นได้แค่เรื่องเฟ้อฝัน ถึงจะต่างจากตำราที่ฉันเคยอ่านก็เถอะ แต่—
“ยังไงนั่นก็เป็นได้แค่เรื่องเฟ้อฝัน ไม่ใช่โลกในอุดมคติหรอกนะ?”
ต่างโลกในหนังสือเล่นนั้นคงจะเขียนแต่เรื่องสวยหรูจนน่าขยะแขยง ทุกสิ่งย่อมมีหน้าหลัง เรื่องราวที่เขียนไว้ในหนังสือที่โรสอ่านเล่มนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าจะแสดงแค่ด้านหน้าให้เห็นด้านเดียว
“เข้าใจสิ่งที่อยากจะสื่อดีค่ะ ถึงจะอย่างนั้น ก็อยากเห็นเห็นโลกที่เป็นแบบนั้นไปซะแล้วค่ะ เพราะแบบนั้น นี่แหละคือความฝันของฉัน”
โรสเอามือทาบอกและปิดเปลือกตาลง
เจ้าหญิงคนนี้ ไม่ปกติ ถ้าเป็นคนธรรมดาถึงจะวาดฝันเรื่องราวของโลกให้สวยหรูขนาดไหนก็ไม่คิดจะลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริงหรอก แต่ว่า สิ่งตอบแทนนั้นคือจุดยืนของตัวเองในฐานะราชวงศ์ ไม่ใช่กระบวนการคิดที่คนปกติเขาคิดกัน ไม่แปลกที่จะถูกพวกขุนนางใช้เป็นร่างสังเวย
“เธอนี่บ้าบอไปกันใหญ่แล้วนะ”
“แก กับท่านโรสยัง——”
แอนนาขึ้นเสียงอีกครั้ง แต่
“แอนนา”
เมื่อได้ยินเสียงปรามของโรส เธอก็ปิดปากด้วยความตื่นตระหนก โรสลบสีหน้าของตัวเองและหันหน้าไปยังพวกแฟรคตัน
“แฟรคตัน และเหล่าอัศวินที่สมรู้ร่วมคิดทุกคน เหตุการณ์ในครั้งนี้จะถูกรายงานต่อฝ่าบาท โดยเฉพาะเรื่องสมคบคิดกับจักรวรรดิในครั้งนี้เลวร้ายเป็นพิเศษ ช่วยคิดเผื่อไว้ด้วยนะคะ ว่าไม่สามารถเลี่ยงโทษประหารได้”
คำประกาศแห่งหายนะแก่เจ้าพวกนั้น
“ม-ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่!ฝ่าบาทกิลเบิร์ตจะต้อง——”
“เห็นน้องชายของฉันเป็นคนมีน้ำใจขนาดที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยคนที่ต้องสงสัยสมคบคิดกับจักรวรรดิเหรอคะ?”
ในที่สุดก็ตระหนักถึงขอผิดพลาดของตัวเองที่ไม่อาจแก้ไขได้ แฟรคตันหน้าเปลี่ยนสีและตัวสั่น
“วันนี้ ณ เวลานี้ ในนามขององค์หญิงลำดับหนึ่งแห่งราชอาณาจักร อเมเลีย โรสแมรี่ โลโต อเมเลีย ขอแต่งตั้งให้ ไค ไฮเนมัน เป็นราชองครักษ์ค่ะ!”
โรส ประกาศคำงี่เง่าที่คิดว่าตัวเองชอบธรรมออกมา
ราชองครักษ์เนาะ นับเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับผู้ที่ปรารถนาจะเป็นอัศวินในราชอาณาจักรอเมเลียแห่งนี้ ก็รู้อยู่น่ะนะ จริงอยู่ว่าเป็นตำแหน่งอัศวินสูงสุดที่ได้รับจากผู้ที่มีสิทธิสืบทอดบัลลังก์ แต่ ราชองครักษ์คือผู้พิทักษ์ของราชทายาท ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจทางการเมืองและการทหาร ให้คนไร้ความสามารถที่มีตัวตนตกเป็นเป้าของการดูถูกอย่างฉันรับตำแหน่ง ว่าแล้วเชียวยัยนี้บ้าไปแล้ว
“ช-ช-ช่วยรอเดี๋ยวนะเพคะ!หมอนี่คือคนทรยศไร้ความสามารถนะเพคะ!การแต่งตั้งให้เป็นราชองครักษ์ไม่มีทาง—”
ตามคาด แอนนาเปลี่ยนสีหน้าและกล่าวคัดค้าน
“ช่วยเงียบด้วยค่ะ!ถ้าอย่างนั้นขอถามอะไรหน่อยนะคะ แอนนาแล้วคุณคิดว่าใครเหมาะสมเหรอคะ?”
โรสขัดจังหวะและถามกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ห-ให้เลือกจากเหล่าอัศวินองครักษ์ที่มีฐานะเหมาะสมก็ได้ไม่ใช่เหรอเพคะ?อย่างน้อยประเพณีนี้พวกเราก็ทำกันมาตลอดเพคะ!”
“แฟรคตัน ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของอำนาจในราชสำนักคือกบฏในครั้งนี้นะคะ?ถ้าจะให้พูดถึงคนเหล่านั้นที่พยายามจะทำเรื่องหยาบคายกับคุณก็คืออัศวินที่แฟรคตันจ้างมานั่นแหละค่ะ ในความหมายกว้างๆ พวกเขาคืออัศวินใกล้ชิดของกิลเบิร์ตค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่ฉันเชื่อใจคนจากราชสำนักไม่ได้อีกต่อไปแล้วค่ะ”
“ถึงจะเป็นแบบนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องแต่งตั้งคนทรยศพรรค์นี้เป็นราชองรักษ์เลยนิ……”
“คนทรยศ? บ้าบอสิ้นดี !คุณไม่เห็นทักษะดาบของไคที่เหนือกว่าจักรพรรดิดาบนั่นเหรอคะ ?พรสวรรค์ที่พวกคุณรักนักรักหนาไม่มีทางไปถึงได้นั่นแหละคือที่ที่เขาอยู่”
“นั่นมัน—”
“ถึงจะรุนแรงไปหน่อย แต่ ถ้าหากฉันเป็นพระเจ้าล่ะก็คงจะอวยพรให้เขามีพลังมากกว่าพวกคุณอีก แล้วถ้าเกิดเป็นพระเจ้าผู้รู้ทุกสรรพสิ่งและทรงอำนาจก็จะอวยพรให้เขามากขึ้นไปอีก”
“!!?”
ได้รับการอวยพรน้อยกว่าฉัน แอนนาช็อคกับเรื่องไร้สาระพรรค์นั้นหน้าดู ถึงกลับปิดปากและก้มหน้าลง สิ่งที่เรียกว่ามนุษย์นั้นจะเจ็บปวดที่สุดก็คือตอนนี้ค่านิยมของตัวเองถูกปฏิเสธนั่นแหละ แต่เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น อุส่าคิดว่าจะได้ออกเที่ยวรอบโลกทั้งทีใครมันจะยอมให้ถูกรั้งไว้แบบนี้ล่ะ
“อย่ามาแต่งตั้งมั่วซั่วเอาเอง ฉันไม่คิดจะรับมันตั้งแต่แรกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำปฏิเสธของฉันอัศวินรอบๆก็ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ
“ไม่ค่ะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องขอให้คุณเป็นราชองครักษ์ของฉันค่ะ!”
ยัยนี่ ไม่คิดเลยว่าจะดื้อดึงขนาดนี้ จนสัมผัสได้ถึงความรู้สึกยึดติดของยัยนี่ในตอนนี้เลย
“ราชองครักษ์ก็เท่ากับเป็นหน้าเป็นตาของรัชทายาทใช่ไหมล่ะ?”
“ค่ะ ก็เปรียบเสมือนแจกันกับดอกไม้นั่นแหละค่ะ”
“ถ้างั้น การที่จะให้ดอกไม้เปล่งประกายก็จำเป็นต้องมีแจกันที่เหมาะสมเหมือนกันไช่ไหมล่ะ ไปหาคนอื่นไป”
“ไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าคุณแล้วค่ะ!”
“ผู้เหมาะสมสินะ ผู้กล้าของราชอาณาจักรล่ะ?ดูเหมือนอีกฝั่งจะแข็งแกร่งพอตัวเลยนิ แถมในราชอาณาจักรแห่งนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นที่นิยมพอตัวเลยไม่ใช่เหรอ?”
“ผู้กล้า คือกองกำลังหลักในการต่อต้านทัพจอมมาร ถ้าหากฉันดึงเอาผู้กล้ามาเป็นราชองครักษ์ สมดูลอื่นก็จะถูกทำลายและในที่สุดก็จะนำไปสู่สงครามกลางเมือง เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่ได้เชื่อใจท่านผู้กล้าเหล่านั้นขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ถ้างั้น ก็รอให้ราชาเกษียณแล้วดึงตัวหัวหน้าอัศวินตรงนั้นมาก็ได้นิ ทั้งความแข็งแกร่งกับความเหมาะสมก็น่าจะเหมาะกับตำแหน่งนั้นเลยนิ”
“ราชองครักษ์ถูกตัดสินให้รับใช้ราชาได้เพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตค่ะ ถึงราชาองค์ปัจจุบันลงจากบัลลังก์ อาร์โนลด์ก็ยังเป็นราชองครักษ์ของท่านพ่ออยู่ดีค่ะ”
“ถ้างั้นก็หาจากพวกลูกน้องของเธอสิ อย่าลากฉันเข้าไปเอี่ยว”
“ราชองครักษ์ คือตำแหน่งอันทรงเกียรติที่จะมอบให้แก่อัศวิน เพราะอย่างนั้นความแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องรัชทายาทได้จึงเป็นสิ่งจำเป็นค่ะ ถึงจะเป็นเรื่องน่าเสียดาย แต่ในหมู่ลูกน้องของฉันไม่มีคนที่มีความสามารถระดับนั้นอยู่เลยค่ะ”
“……”
โรสปล่อยคำพูดออกมาอย่างไร้ปราณี ไม่เพียงแอนนาเท่านั้น อัศวินที่อยู่รอบๆก็พลอยเบียนหน้าหนีด้วยความเศร้า เช่นกัน
“เหนือสิ่งอื่นใด ฉันอยากให้คุณเป็นราชองครักษ์ให้ฉันค่ะ!”
โรสเหลือบมองไปยังเหล่าอัศวินที่อยู่รอบๆและประกาศออกมาอย่างหนักแน่น
“นั่นน่ะก็แค่ตรรกะของทางนั้น ไม่ได้เกี่ยวกับฉัน ไปหาคนอื่นไป”
“ไม่ค่ะ ราชองครักษ์ของฉันมีเพียงแค่คุณเท่านั้นค่ะ”
“งั้นก็ขอค้านหัวชนฝาล่ะนะ”
“จะดีเหรอคะ?”
รอยยิ้มของโรสทำให้รู้สึกหนาวจนขนลุก
“หมายความว่าไง?”
ฉันตอบกลับคำถามนั่นโดยสัญชาตญาณ
“ถ้าคุณไม่ยอมรับข้อเสนอ ฉันก็จะแต่งตั้ง เรน่า โกรท ให้เป็นราชองรักษ์แทนค่ะ”
“หา!ยัยนั่เป็นมือสมัครเล่นที่สู้ยังไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ?”
จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ ก็ชัดเจนแล้ว สัตรูคือสวะเจ้าเลห์ ต่างกับการโค่นอสูร แค่ดาบในมืออย่างเดียวไม่พอจะปกป้องได้หรอก ตำแหน่งนี้ไม่เหมาะกับเรน่า เรื่องแบบนั้นโรสก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น
“แต่ว่าก็เป็นถึงนักบุญดาบค่ะ ในแง่ของวิชาดาบเธอเหนือกว่าผู้กล้าอีกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ได้ผู้ถือครองกิฟท์ นักบุญดาบที่ช่วยราชอาณาจักรมานับครั้งไม่ถ้วนมาเป็นราชองครักษ์ ความจริงในข้อนั้น สำหรับประเทศแห่งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เพราะเธอจะกลายเป็นเครื่องขัดขวางที่เหมาะสมที่สุดในการขัดขวางผู้มีสิทธิขึ้นครองบัลลังก์คนอื่น”
“แล้วความตั้งใจของยัยนั่นล่ะ?”
ถึงจะเข้ากับคนง่าย แต่ก็ไม่คิดว่าเธออยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับองค์กรสวะแสนยุ่งยากอย่างราชวงศ์หรอก
“เธอบอกว่าถ้าฉันต้องการก็จะยินดียอมรับมันค่ะ”
ยัยโง่เอ้ย!จะว่าไปยัยนั่นมีนิสัยเจ้าปัญหาอย่างถ้าเพื่อนเป็นคนขอร้องก็จะไม่ปฏิเสธอยู่ด้วยนินะ
“แล้วในกรณีที่ไม่รับตำแหน่งราชองครักษ์จุดยืนของเรน่าจะเป็นยังไง?”
“สำหรับราชอาณาจักร ทั้งนักบุญดาบและผู้กล้ามีความสำคัญอย่างยิ่งในฐานะธงสัญลักษณ์ในการต่อกับทัพจอมมาร เราไม่สามารถสูญสียพวกเขาไปได้ค่ะ การสนับสนุนจากแนวหลังคือหน้าที่หลักของพวกเขาก็จริง แต่ถึงกระนั้น——”
“พอแล้ว เข้าใจแล้วล่ะ สรุปคือถ้าเรน่าไม่รับตำแหน่งราชองครักษ์ ระดับความอันตรายก็จะอยู่อีกระดับหนึ่งสินะ?”
“ค่ะ”
อย่างที่โรสพูด กิลเบิร์ตไม่ใช่สวะธรรมดา เพราะยังไง ถึงขนาดยอมขายพี่สาวแท้ๆของตัวเองให้จักรวรรดิ ถ้าหากเรน่ากลายเป็นตัวแทนอัศวินของโรส ก็จะชัดเจนแล้วว่าชีวิตของเธอจะถูกเพ่งเล็งอย่างไม่ลดละ แล้วอีกอย่าง ฉันในตอนนี้ก็มีความทรงจำสมัยเด็กหลงเหลืออยู่มากมาย คงเป็นเพราะแบบนั้น อย่างน้อยฉันก็ไม่อยากให้เด็กที่ชื่อเรน่าต้องทุกทรมาน ถึงจะอย่างนั้น—ถ้าคิดว่าฉันในตอนนี้จะยอมจำนนต่อการข่มขู่โดยใช้ตัวประกันพรรค์นี้ล่ะก็คิดผิดมหันต์
“หรือก็คือเธอกำลังขู่ฉันอยู่งั้นสินะ?”
ฉันกล่าวถามโรสโดยใส่ความโกรธเข้าไปด้วย เพียงแค่นั้นก็ทำให้เหล่าอัศวินที่อยู่รอบๆที่ไม่ตกเป็นเป้าโดยตรง ล้มก้นกระแทกพื้นและเปล่งเสียงเล็กๆออกมา แอนนาตัวสั่นพร้อมกับใบหน้าซีดเซียว คนที่ไม่สะทกสะท้านมีเพียงแค่อาร์โนลด์และโรสที่กำลังเผชิญหน้าอยู่เท่านั้น
“ฉันต้องขอโทษจากใจจริงที่ทำเรื่องแบบนี้ แต่ว่าสิ่งที่ฉันต้องการคือทำสัญญากับคุณอย่างเท่าเทียมค่ะ”
“สัญญา?ตัดสินใจอยู่ฝ่ายเดียว คิดจริงๆเหรอว่านั่นน่ะ เท่าเทียมกัน?”
เป็นวิธีคิดที่ยโสมาก เอาเถอะ ก็สมเป็นเชื้อพระวงศ์ดี ถึงสิ่งที่เจ้าหญิงคนนี้ทำมันจะผิดแต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าคัดค้านหรอก ของมันแน่อยู่แล้ว นั่นคือภาพลักณ์ที่ไค ไฮเนมัน ในตอนนี้ผู้มีประสบการณ์ชีวิตไม่เพียงพอเห็นยังไงล่ะ
“ฉันแย่งความตั้งใจไปจากคุณ ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้เท่าเทียมกัน ฉันก็จะมอบความตั้งใจของตัวเองให้กับคุณเหมือนกัน แค่นั้นก็น่าจะพอแล้วใช่ไหมล่ะคะ?”
“หา? กำลังพูดอะไรอยู่ เธอน่ะ?”
“ใช้นี่สิคะ”
โรสหยิบแหวนสีทองที่ประดับด้วยอัญมณีออกมากระเป๋ากระโปงแล้วยื่นให้ฉัน พอใช้ประเมินดู—
———————————-
★แหวนแห่งการปกครอง: เมื่อสวมแหวน จากสีทองแหวนจะกลายเป็นสีแดงเพื่อยืนยันว่าถูกใช่งานแล้ว เพียงแต่ จะไม่ส่งผลต่อผู้ที่มี【พลังเวทย์】สูงกว่าหรือผู้ที่มี【ต้านทานเวทย์】
ระดับไอเทม: กลาง
———————————
แหวนที่ช่วงชิงความตั้งใจของผู้อื่นสินะ และโรสก็เอาแหวนอีกวงหนึ่งสวมที่นิ้วชี้ข้างซ้ายของตัวเองแหวนกลายเป็นสีแดงเพื่อยืนยันว่าเริ่มทำงานแล้ว ให้ฉันควบคุมเจตจำนงของโรสงั้นเหรอ
ถ้าเพื่อให้อุดมการณ์ของตัวเองเป็นจริง จะเสียสละตัวเองก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ หรือก็คือจะเสียสละเจตจำนงของตนเองสินะ ยัยนี่ไม่เข้าใจอะไรเลยซักนิด การเสียสละตัวเองต้องมีการเตรียมใจ และการเตรียมใจนั้นต้องบีบออกมาจากข้างในของตัวเอง ไม่ใช่สิ่งที่จะพึ่งไอเทมน่าสงสัยพรรค์นี้ แล้วก็วิธีการมันไม่สมเหตุสมผลเลยซักนิด หรือก็คือ มันมั่วซั่วไปหมด
“นี่คือสิ่งที่ถูกมอบให้กับราชวงศ์ในแต่ละสมัย แหวนแห่งการปกครองค่ะ สาเหตุในการส่งมองให้แต่ละราชวงศ์ในจำนวนหลายวง ก็เพื่อป้องกันการทรยศ ส่วนวิธีการใช้ก็——”
“เข้าใจความสามารถส่วนใหญ่ของแหวนนี่แล้วล่ะ เพราะงั้นไม่จำเป็นต้องอธิบาย ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเกิดว่าฉันใช้แหวนวงนี้ ควบคุมเธอก่อความวุ่นว่ายในราชอาณาจักรขึ้นมาจะทำยังไง?”
ฉันขัดจังหวะคำอธิบายของโรสและถามกลับโดยใสความระอาไปด้วยครึ่งหนึ่ง
“คุณไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
คำพูดที่ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจนั่นมาจากไหนออกจากปากโรส
“งี่เง่า มนุษย์แต่เดิมก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เต็มไปด้วยความปรารถนานั่นแหละ สิ่งที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าทั้งหมดก็แค่เรื่องเฟ้อฝันเท่านั้น”
ดูเหมือน จะเริ่มบ้าไปกันใหญ่แล้ว ยัยนี่ก็ไม่ต่างอะไรกับจักรพรรดิดาบนั่นเป็นแค่เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอ่อนประสบการณ์ แต่ ถ้ายังไร้เดียงสาอยู่แบบนี้ ครั้งต่อไปได้ตายจริงๆแน่ ถ้าสัตรูเป็นพวกสวะเจ้าเล่ห์ทางนี้ก็พร้อมจะฟันพวกมันทิ้งอย่างไม่ลังเล แต่ว่าถ้าพิจารณาจากพฤติกรรมอันไร้เดียงสาของผู้หญิงคนนี้ในตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้สินะ
ถ้าหามาตรการตอบโต้ไม่ได้ก็ต้องคิดหาวิธีที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันตัวเองจากสิ่งมีชีวิตเจ้าเล่ห์อย่างกิลเบิร์ต แล้วก็ อาร์โนลด์ไม่ได้เป็นอัศวินตัวแทนของโรส ไม่มีทางที่จะปกป้องเธอไปได้ตลอด หรือก็คือผู้หญิงคนนี้จะไร้พลังในอีกไม่ช้า การทำเรื่องงี่เง่าในครั้งนี้ก็น่าจะมาจากหมดความอดทนแล้วสินะ
“ต้องขอโทษจริงๆที่หยิบยกประเด็นของเรน่าขึ้นมา แต่ว่า—”
“พอแล้ว”
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่และบีบแหวนที่เธอมอบให้ทิ้ง
“ท-ทำอะไร—”
โรสหน้าเปลี่ยนสีและพ่นคำถามออกมาพร้อมกับแหวนสีแดงที่อยู่นิ้วชี้ข้างซ้ายของเธอแตกเป็นเสี่ยงๆ
ฉันหันไปหาอาร์โนลด์ที่กอดอกเฝ้าดูการสนธนาของพวกเรา
“อัล ตอนนี้ นายเป็นพี่เลี้ยงของยัยนี่สินะ?”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น”
อัล พยักหน้า
“ถ้างั้น ไปสั่งสอนยัยงี่เง่านี่ซะ แล้วไว้คุยกันหลังจากนั้น”
ยัยนี่จะมองยังไงก็อันตรายจนละสายตาไม่ได้ เรื่องที่คีสกับเรน่าคือเพื่อนก็คือความจริง จะให้ทิ้งเด็กคนนี้ไปตรงนี้ก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกัน ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำก็ยังไม่แน่ชัด แค่ปกป้องโรสในฐานะราชองครักษ์จนกว่าจะหาคนแทนได้ จะยอมเล่นด้วยกับเรื่องเด็กเล่นพรรค์นี้หน่อยก็ได้
“อืม จะทำแบบนั้นก็แล้วกัน”
อาร์โนลด์คว้ามือเล็กๆของโรสและพยายามดึงเธอเข้าเต็นท์
“อาร์โนลด์ แต่ฉันยังคุยกับไคไม่จบ——”
“องค์หญิง มันจบแล้วพะยะค่ะ”
“หมายความว่ายังไง—”
“ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงเราต้องคุยกันเกี่ยวกับเรื่องพฤติกรรมก่อนหน้านี้ด้วยพะยะค่ะ”
อาร์โลด์ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ดึงโรสไปที่เต็นท์
“มาสเตอร์ ข้าน้อยว่าท่านแบกรับปัญหามากเกินไปรึเปล่า”
แอสทารอสพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ปล่อยไปเถอะน่า”
ฉันยักไหล่และมุ่งหน้าเข้าป่าไปเก็บรวมรวมพวกมนุษย์แมลง
*หายไปหลายวันเลย ตอนหน้าตอนสุดท้ายของบทหนึ่งแล้ว
MANGA DISCUSSION