—ผ่านไป88099ปีหลังจากเริ่มเกม ในที่สุดก็มาถึงชั้น899
เช้าตรู่ ฉันกับฟาฟออกจากที่พักเพื่อจะไปสำรวจเขาวงกตด้วยกัน
“กีกี้!”
บนพื้นมีเหล่ามนุษย์แมลงนับพันที่ถูกกับเก็บไว้ในหนังสือภาพปราบปรามกำลังยืนเรียงแถว รับการฝึกศิลปะการต่อสู้และกำลังปล่อยหมัดขวาออกมาข้างหน้า และผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของพวกมันก็คือ มนุษสัตว์หัวสิงโต
เมื่อ เนเมียร์ สังเกตเห็นฉัน
『หยุด! ทุกนาย、ระวัง!』
พร้อมกับตะโกนออกคำสั่ง
เหล่ามนุษย์แมลงแก้ไขท่าทางอย่างพร้อมเพียง
จะว่าไป เช้านี้เป็นวันฝึกของมนุษย์แมลงสินะ ในทุกๆวัน เนเมียร์ก็จะมีการสับเปลี่ยนกำหนดการฝึกสอนเหล่าอสูรที่ฉันจับมา ส่วนในวันที่ไม่มีการฝึก ก็จะปล่อยให้ฝึกกันเองในขอบเขตของเขาวงกตไม่ก็ปล่อยให้ไปฝึกในโลกของตนเองในหนังสือภาพ เพราะเหตุนั้นทำให้เหล่าอสูรที่เป็นลูกน้องของฉัน พัฒนาความสามารถได้อย่างรวดเร็ว จนถือว่ามีความแข็งแกร่งในระดับหนึ่งเลยล่ะ
“ทำได้ดีมาก!”
ฉันกล่าวคำชมเชยง่ายๆตามปกติ
“กีกี้ (ฮะ!)”
เหล่ามนุษย์แมลงนับพันประกบหมัดขวาเข้ากับฝ่ามือซ้ายพร้อมกับโค้งคำนับ
ด้วยเหตุนี้ ทำให้เหล่าอสูรที่ถูกเก็บไว้ในหนังสือภาพปราบปรามมีสติปัญญาใกล้เคียงกับมนุษย์และมีความเป็นไปได้ว่าจะสื่อสารกับฉันได้ ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ทำให้การฝึกของเจ้าพวกนี้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก
『ผมก็จะตามเจ้านายไปด้วย!』
จู่ๆก็มีหมาป่าตัวน้อยกระโดดขึ้นมาบนหัวของฉันและยกอุ้งเท้าขวาขึ้นพร้อมกับประกาศก้อง และ ตรงเท้าก็มีเหล่าเมือกสีฟ้ากระโดดดึ๋งๆเข้ามาใกล้ฉัน ลูกหมาป่าตัวนี้คือ【เฟนริล】ส่วนเหล่าสไลม์ที่โดดอยู่ใกล้เท้าฉันคือ【ฮัลลิ่งสไลม์】
【เฟนริล】คือบอสของชั้น800 แต่ ดูจากภายนอกก็เป็นแค่ลูกหมาป่า ทำให้หมดอารมณ์ที่จะจับดาบเลยล่ะ เลยต้องคิดหามาตการรับมือ จึงเกิดเป็นปฏิบัติการ กลยุทย์อาหารล่อเหยื่อ
ณ จุดนี้ มีพวกของที่เหมือน เนื้อ ผักและผลไม้ ที่เอามาจากเขตป่าอยู่แล้ว ทำให้การเตรียมการสำเร็จอีกขั้น แถมเพราะผลของหนังสือปรุงอาหารทำให้คนพบวิธีทำให้รสชาติและคุณภาพของอาหารพัฒนาขึ้นอย่างมาก
และด้วยการพัฒนากรณีพิเศษในครั้งนี้ ทำให้เตรียม สเต็กราดซอสสูตรพิเศษ ออกมาได้สำเร็จ ทำให้หมอนี่สับสนและประกาศยอมแพ้ในทันที
ทีแรกก็นึกว่าจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ได้เหมือนฟาฟ แต่ก็คิดว่าการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ ของฟาฟอาจจะเป็นข้อยกเว้นในกรณีพิเศษ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเงื่อนไขมันเป็นมายังไงกันแน่
ตั้งแต่นั้นมาก็ทำให้ฉันรู้สึกผูกพันแบบแปลกๆแถมเจ้าตัวก็ขอเป็นส่วนหนึ่งของหนังสือปราบปราบเองด้วย และเพราะได้รับอนุญาตจึงมาอยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ
กลับกันในส่วนของ【ฮิลลิ่งสไลม์】เจ้านี่เป็นบอสของชั้น750 จะพูดให้ถูกคือ เจ้าพวกนี้อยู่ในร่างกายของซาลาแมนเดอร์ยักษ์ที่เป็นบอสนั่นเอง ก็ว่าทำไมเจ้าซาลาแมนเดอร์นั่นมีความสามารถในการฟื้นฟูแบบผิดปกติจนน่ารำคาญ พอปราบเสร็จ ขณะนั้นเอง ก็มีเหล่าสไลม์นับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของมัน นับตั้งแต่ตอนนั้น เจ้าสไลม์พวกนี้ก็ติดฉันแจ และระหว่างที่ไม่รู้ตัวพวกมันก็กลายเป็นผู้อยู่อาศัยในหนังสือภาพปราบปรามไปซะแล้ว
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก จะว่าไปช่วงนี้ก็ไม่ค่อยได้เล่นด้วยกันล่ะนะ ถ้างั้น โทษทีฝากพวกแกเฝ้าบ้านด้วยล่ะ”
ฉันลูบหัวเฟนริลหรือก็คือ เฟน เบาๆพร้อมกับเหล่า【ฮิลลิ่งสไลม์】เอาตัวหนืดๆของมันถูขาฉัน ทำให้ฉันยิ้มอย่างพอใจพร้อมกับหัวเราะออกมาแล้วลูบพวกมัน
“ขี้โกงเจ้าค่ะ!ฟาฟก็อยากโดนลูบเหมือนกันเจ้าค่ะ!”
มังกรขี้อ้อนที่อยู่ข้างๆทำท่าทางเจ็บใจ
ฟาฟ เธอนี่นะ……ก็ลูบให้เป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช่เราะ ตั้งแต่มีเฟนกับ【ฮิลลิ่งสไลม์】เพิ่มเข้ามา เธอก็เริ่มทำตัวขี้อ้อนขึ้นมากเป็นพิเศษ
“จ้าจ้า เข้าใจแล้ว”
ฉันถอนหายใจพร้อมกับเอามือขวาลูบหัวเล็กๆของเธอและใช้มือซ้ายลูบพวกสไลม์จนพอใจ แล้วจากนั้นก็เดินเข้าเขาวงกต
ณ บันใดมุ่งสู่ชั้น900
ทางเดินบันใดทำจากหินตามทางมีประตูสีแดงตั้งตระหง่านเป็นจำนวนมาก พอผ่านตรงกลางของประตูมุ่งสู่ด้านล่างก็เจอกับต้นไม้น้อยใหญ่ล้อมรอบ พอออกจากพื้นที่ ที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ก็เจอกับพื้นดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยก้อนกรวดและมีอาคารไม้ท่าทางสง่าตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลาง นี่มันสิ่งปลูกสร้างที่อ่านเจอในหนังสือต่างโลก เรียกว่า【ศาลเจ้า】รึเปล่านะ
ประตูของอาคารเปิดออกพร้อมกับมีหญิงสาวเลอโฉมผู้มีหางทั้งเก้าปรากฏตัวออกมาจากตรงกลาง ผมสีเงินมันเงายาวจนถึงข้อเท้า เอวคอดกับเนินแฝดราวกับจะทลักออกมา ใบหน้าเรียวพร้อมกับมีหูสัตว์สองข้างติดอยู่ 9ใน10 เธอน่าจะเป็นอสูรประเภทมนุษย์สัตว์เหมือนกับ เนเมียร์ เสื้อผ้าที่สวมอยู่นั่นก็เหมือนจะเคยอ่านเจอในหนังสือจากต่างโลกเหมือนกัน เรียกว่า【ชุดมิโกะ】รึเปล่านะ
“ทำได้ดีมากที่มาจนถึงที่นี่ได้เจ้าค่ะ เทพผู้ไร้นาม”
เธอกล่าวด้วยเสียงไพเราะแจ่มใสพร้อมกับอ้าแขนกว้างสวมบทบาทนักแสดง
“นั่นไม่ใช่ประเด็น ยอมจำนนซะ”
น่าจะเข้าใจตรงกัน เธออ่อนแอ ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกในการทรมานผู้หญิงอ่อนแอและไร้เดียงสาแบบนี้หรอกนะ
ถ้าเลือกที่จะยอมจำนนเหมือนฟาฟกับเฟนก็ดีไป
“เล่นตลกอะไรเหรอเจ้าคะ?”
หญิงสาวมนุษย์สัตว์ผมเงินกล่าวคำถามออกมาและขมวดคิ้วพร้อมกับแก้มกระตุก
“ก็เธออ่อนแอเกินไปนี่นา สู้กันยังไงฉันก็ชนะ แล้วก็ ไม่มีอารมณ์สู้กับเธอด้วย เพราะงั้น ทางเลือกเดียวของเธอคือยอมจำนน เข้าใจไหม?”
อืมๆ ชั่งเป็นแนวคิดที่สมบูรณ์แบบอะไรอย่างนี้ เท่านี้เธอก็น่าจะยอมจำนนอย่างว่าง่าย
“คุฟุ คุฮุฮุฮุ……”
หญิงสาวมนุษย์สัตว์ผมเงินก้มมองมาทางนี้และปล่อยเสียงหัวเราะอันน่าขนลุกออกมาจากปากเล็กของเธอ
“งั้นเหรอ นั่นสินะ ถ้าอย่างนั้น—ฉันก็ไม่ได้ว่าง ต้องขอให้เธอประกาศยอมจำนนล่ะนะ”
เอาเถอะ ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรขนาดนั้นหรอก
“ฮุฮุฮุฮุๆ……”
เธอหัวเราะดังขึ้นกว่าเดิมอีก
“นุ?”
เสียงหัวเราะที่ผสมไปด้วยความบ้าคลั่งนั่น ทำให้ความเย็นยะเยียบไหลผ่านแผ่นหลังทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
『เจ้านาย พี่สาวคนนั้น น่ากลัว』
เฟนที่อยู่บนหัวของฉันพูดแบบนั้นออกมาพร้อมกับหลบภัยไปเกาะอยู่ด้านหลัง
“ฟาฟก็กลัวเหมือนกันเจ้าค่ะ”
ฟาฟก็เข้ามาหลบข้างหลังของฉันด้วยอีกคนพร้อมกับแง้มหน้าออกไปมองหญิงสาวมนุษย์สัตว์ผมเงิน
เข้าใจ เข้าใจเลยล่ะ ว่าความรู้สึกเจ้าพวกนี้เป็นยังไง ก็ถ้าโดนสาวงามผมเงินหาที่ใดเปรียบหัวเราะใส่โดยทำสีหน้าชั่วร้ายแบบนั้น ก็ต้องมีกลัวบ้างแหละ
“ตัวเราอ่อนแอหรือไม่นั้น ไม่ลองมาพิสูจน์ดูหน่อยล่ะเจ้าคะ!!”
ตรงกับคำพูด ผมของเธอก็เคลื่อนไหวอย่างผิดปกติราวกับกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟพร้อมกับพุ่งตัวเข้ามาหาฉันและตวัดกรงเล็บอันแหลมคมใส่
เหงื่อสีใสเริ่มไหลออกตามผิวหนังของหญิงสาวมนุษย์สัตว์ผมเงินพร้อมกับหายใจจนไหล่สั่น
ตอนแรกเธอก็โจมตีด้วย เสาเพลิงบ้าง หอกน้ำแข็งบ้าง คมมีดวายุบ้าง แต่มันก็ไม่ได้ผลกับฉันซึ่งมีความสามารถในการดูดซับ จนในที่สุดเธอก็ล้มเลิกและกลับมาใช้กรงเล็บแหลงคมพวกนั้นแทน
“พอแล้ว ยอมแพ้ได้แล้วน่า”
“ยุ่งไม่เข้าเรื่องเจ้าค่ะ!”
ฉันหลบกรงเล็บของเธอที่เล็งมาทางส่วนหัว ทำให้เธอสดุดล้มหน้าเกือบขมำกับพื้น
ในเสี้ยววินาทีนั้น ฉันก็ใช้แขนขวาเข้าไปประคองเอวอันบอบบางของเธอพร้อมกับดึงเข้ามากอด
“เห็นไหม พูดยังไม่ทันขาดคำ”
เธอจ้องฉันในระยะเผาขนและจู่ๆ หน้าของเธอก็แดงอย่างรวดเร็วพร้อมกับปากสั่นเทา
ฉันปล่อยให้เธอยืนเองที่พื้น และ—
“วันนี้เอาไว้แค่นี้ก่อน ไว้พรุ่งนี้จะมาเล่นด้วยอีก”
พร้อมกับใช้ฝ่ามือขวาตบหัวเธอเบาๆและหันส้นเท้ากลับ
ไหนๆก็มีเวลาไม่จำกัดอยู่แล้ว การละเล่นเหมือนกับเด็กแบบนี้จะเล่นด้วยเท่าไหร่ก็ได้
หลังจากนั้น ก็น่าผ่านมาราว40ปีได้แล้ว ที่เล่นกับหญิงสาวผมเงินคนนี้อยู่ที่ชั้น900แห่งนี้
ฉันไม่สามารถเคลื่อนย้ายเกินชั้น900ได้ เว้นแต่จะปราบเธอคนนี้ลงก่อน
แต่ก็ไม่อยากจะใช้กำลังบังคับและหลังจากรู้ว่าอายุจิตใจของเธอคนนี้ค่อนข้างต่ำทำให้การตัดสินใจนี้หนักแน่นขึ้น
แล้วอีกอย่างฉันก็มีเวลาไม่จำกัดอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน สิ่งที่จำเป็นคือวัดกันว่าใครมีความอดทนมากกว่ากันต่างหาก—
“วันนี้พอแค่นี้แหละ”
ฉันประกาศจบการละเล่นของวันนี้ขณะที่เหงื่อไหลท้วมตัวหญิงสาวผมเงิน และกำลังจะกลับขึ้นชั้นบน แต่—
“นี่”
“หืม?”
เสียงเรียกทำให้หยุดพร้อมกับหันไหล่กลับไป
“ครั้งต่อไปจะมาอีกเมื่อไหร่เหรอเจ้าคะ?”
หญิงสาวผมเงินประสานมือเข้าด้วยกันและเงยหน้าขึ้นมอง
“อา— ก็วางแผนไว้ว่าจะมาพรุ่งนี้น่ะนะ”
“งั้นเหรอ!”
เธอยิ้มอย่างมีความสุข
“ถ้าอย่างนั้น ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะเจ้าค่ะ!”
เธอโบกมือทั้งสองข้างไปมา ส่วนตัวฉันก็อยากจะให้เธอยอมแพ้ซักทีน่ะนะ
โชคไม่ดี วันต่อมา พวกมังกรในหนังสือภาพปราบปราม ที่เรียกพวกตนเองว่า 『สมาคมปกป้องมังกรที่เหลือรอด』หรืออะไรนี่แหละ โบกธงเรียกร้องใช้สิทธิ์ฟ้องร้อง ว่า 『เหล่าผู้ที่มาจากกลุ่มกิริเมขระทั้งหลายต้องขอโทษพวกเราในทันที!』และบังคับให้ฉันจัดการ
ดูเหมือนว่าหนึ่งในผู้บริหารของกลุ่มกิริเมขระ จะไปเรียกพวกมังกรในหนังสือภาพปราบปราบว่า พวกจิ้งเหลนล่ะมั้ง ก้นบึ้งในจิตใจของฉันก็คิดว่าจะเรียกแบบไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ แต่ดูเหมือนพวกมังกรจะเอาจริงเอาจังเลยทำให้สถานณะการณ์กำลังตึงเครียด
ท้ายที่สุด ก็ต้องให้ฉันกับฟาฟไปไกล่เกลี่ยให้หนึ่งในผู้บริหารเปิดปากขอโทษ สองวันให้หลังการเจรจาจึงประสบผลสำเร็จ
แล้วก็อีกอย่าง สำหรับพวกมังกรแล้วฟาฟก็คือบอสในขณะเดียวกันก็มีตัวตนเป็นมาสคอตของพวกมันด้วย ถ้าใส่ฟาฟเข้าไปพวกมังกรก็จะอารมณ์ดี เลยต้องออกคำสั่งให้ฟาฟอยู่ปลอบพวกมังกรวันนี้ทั้งวัน แล้วก็ถ้าฟาฟอยู่กับพวกมังกรก็จะไม่แสดงอาการลงแดงที่ตัวตนของเจ้านายหายไป ดังนั้นก็คิดว่าน่าจะเป็นการแบ่งบทบาทหน้าที่ที่เหมาะสมแล้วล่ะ
และด้วยเหตุนี้ วันนี้ฉันเลยต้องลงมาเล่นกับเจ้าเก้าหางคนเดียว…
“แล้ว ?วันนี้จะสู้หรือไม่สู้”
พอฉันถามออกไป หญิงสาวผมเงินทำแก้มป่องพร้อมกับหันหน้าไปทางอื่น
“……”
เธอเอาแต่เงียบไม่ยอมตอบอะไร
ให้ตายสิ เป็นเด็กรึไง แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วล่ะว่าเธอก็ไม่ต่างกับฟาฟและเฟน ดูจากสภาพแล้ววันนี้คงไม่ไหวสินะ
ฉันลุกขึ้นและคิดว่าจะกลับขึ้นชั้นบน ขณะนั้นเอง—
“จ-จะไปแล้วเหรอเจ้าคะ?”
ฉันถอนหายใจลากยาว หลังจากได้ยินคำถามที่เต็มไปด้วยความกังวลของเธอ
“ก็นะ ถ้าเธอเหงาขนาดนั้นล่ะก็ไปด้วยกันกับฉันไหมล่ะ?คิดว่าไม่น่าเบื่อนะ”
ฉันลองยื่นข้อเสนอ
“ป-ไปด้วยกันกับเจ้า?”
“ใช่แล้วล่ะ”
เธอเอามือประสานกันพร้อมกับทำตัวอย่างอยู่ไม่สุข
“มะ—มีเงื่อนไขเจ้าค่ะ”
“หืม?อะไรล่ะ?”
“อยากให้กอดข้าเหมือนกับที่เจอกันครั้งแรกเจ้าค่ะ”
“แค่นั้นพอเหรอ?”
“……”
แก้มของเธอกลายเป็นสีแดงพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
ให้ตายสิ ถ้าต้องการแบบนั้นทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้เล่า เอาเถอะ ก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรขนาดนั้น เรื่องแค่นี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก ฉันโอบกอดร่างที่บอบบางที่เหมือนจะหักทุกเมื่อถ้าใส่แรงเข้าไปของเธอเบาๆ
“ข-ขอเรียกว่าท่านสามีได้รึเปล่าเจ้าคะ?”
เธอถามยิงคำถามที่สำหรับฉันจะยังไงก็ได้ออกมา
“อา เรียกแล้วแต่ชอบเถอะ”
ฉันตอบในเชิงยอมรับ และเธอก็เอาหน้าเข้ามาซบ อกของฉัน
ให้ตายสิ เป็นผู้หญิงที่เข้าใจยากซะจริง เอาเป็นว่าเท่านี้ก็ได้ไปต่อแล้ว ฉันอุ้มร่างของเธอขึ้นเบาๆขณะที่ยังเกาะติดกับฉันอยู่พร้อมกับพากลับขึ้นชั้นบน
***ถ้าผมแปลผิดพลาดหรือตกหล่นต้องขออภัยนะครับ เพราะตอนนี้มันยาวมากกก
MANGA DISCUSSION