ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5859 ภารกิจลุล่วง (1)
เมื่อหลินหว่านเอ๋อร์และเย่เฉินขับรถออกมาจากสนามบินเย่นจิง เร่งเดินทางมาถึงคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่ ถังซื่อไห่และคุณท่านเย่โจงฉวนก็รอคอยอยู่ในคฤหาสน์หลังเก่าแล้ว
ถังซื่อไห่เป็นคนไปรับเย่โจงฉวนมา หลังจากเขาออกจากยงเหอกง ก็ไปรับเย่โจงฉวนที่วิลล่าตระกูลเย่แล้วเดินทางมาคฤหาสน์หลังเก่าทันที
เย่โจงฉวนมักจะหาโอกาสกระชับความสัมพันธ์กับหลานชายตนเย่เฉินอยู่เสมอ และทำให้ทั้งสองสนิทกันมากยิ่งขึ้น แต่ทว่าแม้นเย่เฉินจะเป็นผู้ควบคุมตระกูลเย่แล้ว แต่กลับไม่ค่อยได้กลับเย่นจิงเลย ปีปีหนึ่งเขาที่เป็นปู่ก็ได้เจอหน้าเย่เฉินแค่ไม่กี่ครั้งเอง
ครั้งนี้เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินจะมาเย่นจิง เย่โจงฉวนจึงต้องมีความสุขเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ตัวคนยังมาไม่ถึงคฤหาสน์หลังเก่า ก็ได้กำชับพ่อครัวแม่ครัวเตรียมงานเลี้ยงบ้านแล้ว จะทำการต้อนรับเย่เฉินในคฤหาสน์หลังเก่า
เมื่อเย่เฉินมาถึงคฤหาสน์หลังเก่า เย่โจงฉวนถึงขั้นออกมาต้อนรับที่ลานหน้าบ้านพร้อมกับถังซื่อไห่เลย
ทันทีที่เห็นเย่เฉินลงมาจากรถ เขาก็พูดอย่างตื่นเต้นดีใจเล็กน้อยว่า: “เฉินเอ๋อ วันนี้ทำไมจู่ ๆ หนูถึงมาเย่นจิงได้ล่ะ?”
เย่เฉินตอบกลับตามความจริง: “ปู่ครับ ผมกลับมาดูคฤหาสน์หลังเก่าน่ะครับ และแวะมาจัดสิ่งของต่าง ๆ ที่พ่อแม่ผมทิ้งไว้ด้วย”
เย่โจงฉวนผงกหัวหงึก ๆ แล้วพูดออกมาตรง ๆ โดยไม่ต้องหยุดคิด: “ไม่เคยมีคนเข้าไปแตะต้องห้องนอนของพ่อแม่หนูเลย สภาพยังเป็นเหมือนเก่าเลย”
และในเวลานี้เอง ประตูรถตำแหน่งข้างคนขับก็เปิดออก หลินหว่านเอ๋อร์“สาวสวยดั้งเดิม”ที่ใบหน้าดูมีอายุไม่ถึงสิบเจ็ดแปดก็เดินลงมาจากรถ มองหน้าเย่โจงฉวนแล้วพูดอย่างเคารพ: “สวัสดีค่ะคุณปู่ หนูชื่อหลินเสี่ยวหว่าน”
เย่โจงฉวนมองหน้าหลินหว่านเอ๋อร์ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความแปลกใจ
เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าครั้งนี้เย่เฉินจะพาสาวน้อยคนหนึ่งกลับบ้าน
แถมสาวน้อยคนนี้ยังไม่ใช่ภรรยาของเย่เฉิน ซูรั่วหลี และไม่ใช่กู้ชิวอี๋ที่หมั้นกับเย่เฉินด้วย
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งคิดไม่ถึงคือสาวน้อยคนนี้เด็กขนาดนี้……
อย่างไรเสียเย่เฉินก็มีอายุยี่สิบแปดเก้า ใกล้จะสามสิบแล้ว ส่วนรูปร่างลักษณะของสาวน้อยคนนี้ก็ดูมีอายุแค่สิบเจ็ดแปดเท่านั้น ช่วงระยะความต่ำของอายุต่างกันมากไปหน่อยจริง ๆ
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกสงสัยมากกว่าคือตัวตนของสาวน้อยคนนี้
ยังไงซะในฐานะที่เป็นคุณปู่ของเย่เฉิน เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าสตรีรู้ใจที่อยู่ข้างกายเย่เฉินมีเยอะมาก แต่คนที่ถูกเย่เฉินพากลับคฤหาสน์หลังเก่านั้น หลินหว่านเอ๋อร์ก็เป็นคนแรกเลย
นี่จึงทำให้เขาอดคาดเดาตัวตนของหลินหว่านเอ๋อร์ไม่ได้ รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเย่เฉินและหลินหว่านเอ๋อร์
ซือไท่ก็ดูออกแล้วเหมือนกันว่าเย่โจงฉวนดูสงสัยมาก ๆ ดังนั้นจึงเอ่ยปากอธิบายว่า: “คุณปู่ครับ เสี่ยวหว่านเป็นน้องสาวคนหนึ่งที่ผมรู้จักในจินหลิง ช่วงนี้เธอไม่มีธุระอะไรพอดี จึงมาเป็นเพื่อนผมน่ะครับ”
“อ้อ ๆ……”ถึงแม้เย่โจงฉวนจะยังไม่เข้าใจ แต่ก็ยังยิ้มแล้วพูดกับหลินหว่านเอ๋อร์ว่า: “หนูหลิน หนูมองว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
หลินหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างน่ารักมาก ๆ แล้วพูด: “ขอบคุณค่ะคุณปู่”
เย่โจงฉวนมองหน้าหลินหว่านเอ๋อร์พลางลองถามหยั่งเชิง: “หนูหลิน หนูยังดูสาวมาก ๆ ปีนี้อายุครบ 20 หรือยัง?”
หลินหว่านเอ๋อร์ตอบกลับ: “ปีนี้อายุเพิ่งครบ 18 ค่ะ”
เย่โจงฉวนถอดหายใจโล่งอก
เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าในสังคมนี้ ปัญหาอุปสรรคในช่วงอายุของผู้หญิงจะมีสองช่วง หนึ่งคืออายุ 14 ซึ่งนี่คือปัญหาอุปสรรคด้านกฎหมาย ส่วนอีกช่วงหนึ่งคืออายุ 18 ซึ่งเป็นปัญหาอุปสรรคด้านคุณธรรมศีลธรรม
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปแล้ว ขอแค่ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคด้านกฎหมาย เรื่องนี้ก็จะถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องตามกฎหมาย ในส่วนของอุปสรรคด้านคุณธรรมศีลธรรมนั้น ก็ขึ้นอยู่กับมาตรฐานคุณธรรมศีลธรรมของแต่ละคน
แต่ว่าสำหรับบุคคลที่มีหน้ามีตาแล้ว แค่ก้าวข้ามผ่านอุปสรรคด้านกฎหมายยังไม่พอ ยังจำเป็นต้องก้าวข้ามผ่านอุปสรรคด้านคุณธรรมศีลธรรมด้วย มิเช่นนั้นก็จะตกเป็นประเด็นนินทาของผู้คน ถูกผู้คนประณาม
พวกลูกเศรษฐีที่อุปนิสัยจองหองพองขน เปลี่ยนแปลงแฟนบ่อยอย่างกับเปลี่ยนถุงเท้าก็ไม่กล้าท้าทายปัญหาอุปสรรคทั้งสองขั้นนี้เช่นกัน เนื่องจากทันทีที่ทำแบบนั้นละก็ ต้องถูกผู้คนโจมตีทั้งวาจาและบทความแน่นอน
เย่โจงฉวนก็กลัวเหมือนกันว่าหลินหว่านเอ๋อร์จะยังไม่บรรลุนิติภาวะ ถ้าเกิดเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป อาจจะส่งผลกระทบต่อเย่เฉินและตระกูลเย่ แต่ทว่าเมื่อได้ยินหลินหว่านเอ๋อร์บอกว่าตัวเองมีอายุครบ 18 แล้ว เขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาไม่น้อยเลย
และในเวลานี้เอง ถังซื่อไห่ที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็ก้าวขาขึ้นมาหนึ่งก้าว แล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “คุณชายครับ คุณท่านให้คนจัดเตรียมงานเลี้ยงเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เชิญคุณและคุณหลินเข้าไปรับประทานอะไรก่อนได้เลยครับ!”