ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5858 ค่อย ๆ ทำให้เขาทราบ (2)
โบราณว่ากันว่าหากอยากมีชีวิตที่สงบสุข ไม่จำเป็นต้องเข้าป่าเสมอไป ระดับคุณภาพชีวิตที่สงบสุขยิ่งกว่า คือการค้นพบสถานที่ที่สงบสุขท่ามกลางเมืองใหญ่ที่วุ่นวายต่างหาก จะมีคนไหนคิดได้ล่ะว่าที่พักในเย่นจิงของอานเฉิงซีจะอยู่ในวัดวาอารามที่มีผู้คนเข้าออกมากที่สุด
เมื่ออานเฉิงซีมาถึงเรือนสี่ประสาน ถังซื่อไห่ก็มาถึงก่อนแล้ว
เขาในตอนนี้กำลังรอคอยอยู่ในห้องโถงใหญ่ของเรือนสี่ประสาน
เมื่อเห็นอานเฉิงซีและซือไท่ปลอมนั่นเข้ามาพร้อมกัน เขาจึงรีบเดินไปตรงหน้าประตูแล้วพูดอย่างเคารพนอบน้อม: “นายหญิง พี่ซุน!”
อานเฉิงซีพยักหน้าเบา ๆ ใช้นิ้วชี้ไปทางเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงใหญ่ แล้วพูดกับเขา: “นั่งก่อนสิซื่อไห่”
ถังซื่อไห่ก้มคำนับแล้วพูด: “ขอบคุณนายหญิงครับ”
อานเฉิงซีโบกมือไปมา แล้วนั่งลงตรงกลางห้องโถงใหญ่ ส่วนซือไท่ปลอมที่ใส่หมวกใบหนึ่งยืนอยู่ข้างเธอ
ถึงแม้ซือไท่ปลอมจะยังใส่หมวกอยู่ แต่ถังซื่อไห่ก็ยังสามารถดูออกอยู่ว่าเธอโกนผมแล้ว จึงถามอย่างรู้สึกตะลึงงัน: “พี่ซุน นี่คุณ……”
ซือไท่ปลอมอมยิ้ม ถอดหมวกลงมาแล้วเอ่ยปากพูด: “วันนี้ฉันไปเป็นดารารับเชิญที่ภูเขาแสนลี้มาน่ะ”
ถังซื่อไห่รีบถาม: “พี่ซุนคุณเจอคุณชายแล้วเหรอครับ?! คุณชายยังจำคุณได้หรือเปล่า? อย่าทำให้คุณชายรู้สึกสงสัยในตัวพวกคุณเชียวนะ!”
ซือไท่ปลอมส่ายหน้าแล้วตอบกลับ: “ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันไม่ได้เจอหน้าคุณชายโดยตรง”
“งั้นก็ดีแล้วครับ!”ถังซื่อไห่ผงกหัว แล้วถามอานเฉิงซีอย่างเคารพนอบน้อม: “ใช่สินายหญิง คุณไม่ได้กลับมาเย่นจิงนานมาก ๆ แล้ว เมื่อก่อนขอแค่เป็นสถานที่ที่คุณชายอยู่ คุณก็จะไม่ไปเป็นอันขาด ทำไมวันนี้ถึงมาเย่นจิงพร้อมกับคุณชายได้ล่ะครับ?”
อานเฉิงซีปตอบกลับอย่างเรียบนิ่ง: “ฉันให้พี่ซุนรั้งเฉินเอ๋อไว้ที่ภูเขาแสนลี้ เดิมทีกะจะแวะมาเย่นจิงก่อนค่อยกลับไปทำธุระที่จินหลิงนิดหน่อย แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเฉินเอ๋อจะเปลี่ยนแปลงเส้นทางการบิน มุ่งหน้ามายังเย่นจิงกะทันหัน ฉันจึงเปลี่ยนแผนการกะทันหันน่ะ”
ถังซื่อไห่ถามโดยที่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: “คุณหญิงเห็นสภาพปัจจุบันของคุณชายหรือยังครับ?”
“ยัง”อานเฉิงซีส่ายหน้าแล้วพูด: “ช่วงเวลาที่ฉันอยู่ใกล้เฉินเอ๋อมากที่สุด เราห่างกันแค่สองลี้เท่านั้น แต่ศักยภาพในปัจจุบันของเขาไม่ธรรมดา ฉันถึงขั้นไม่กล้ามองเขาจากที่ไกล ๆ เลยด้วยซ้ำ”
ถังซื่อไห่รีบถาม: “นายหญิง คุณยังไม่มีแผนการที่จะไปพบคุณชายเหรอครับ?”
สีหน้าอารมณ์ของอานเฉิงซีดูเข้มงวด แล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น: “ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา ก่อนหน้านี้อู๋เฟยเยี่ยนจะทำการล้มล้างตระกูลอานสองครั้ง ต้องเป็นเพราะมันกำลังสงสัยอยู่แน่ ๆ ว่าฉันยังไม่ตาย อยากใช้วิธีนี้มาทดสอบดูว่าตกลงฉันยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า ถ้าเกิดฉันยังมีชีวิตอยู่ ก็จะใช้วิธีนี้มาบีบคั้นให้ฉันปรากฏตัว ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะบังเอิญเจอเฉินเอ๋อทั้งสองครั้ง แล้วคอยให้การช่วยเหลืออยู่อย่างลับ ๆ ฉันคงซ่อนเร้นต่อไปไม่ได้ตั้งนานแล้ว ฉันอดทนผ่านทั้งสองครั้งนั้นมาแล้ว ตอนนี้ไม่ว่ายังไงฉันก็จะวู่วามไม่ได้”
ถังซื่อไห่ถาม: “นายหญิงครับ จู่ ๆ คุณชายก็เปลี่ยนแปลงความคิดเลือกที่จะเดินทางมาเย่นจิง แถมยังจะไปคฤหาสน์หลังเก่าด้วย หรือจะเป็นเพราะเขาสังเกตอะไรได้แล้ว?”
อานเฉิงซีส่ายหน้าแล้วพูด: “น่าจะเป็นไปไม่ได้ ฉันคาดคะเนว่าตอนนี้เฉินเอ๋อน่าจะเคว้งคว้างมากกว่า ดังนั้นจึงอยากมาเย่นจิง เพื่อไปหาแรงบันดาลใจบางอย่างในคฤหาสน์หลังเก่า”
ถังซื่อไห่ถาม: “นายหญิงครับ แล้วการมาเย่นจิงในครั้งนี้ของคุณมีแผนการอะไรไหมครับ?”
อานเฉิงซีตอบกลับ: “ฉันไม่มีแผนการอะไร แค่มีของสิ่งหนึ่งจะให้นาย ก่อนเฉินเอ๋อจะมาถึงเย่นจิง นายช่วยฉันนำสิ่งนี้ไปวางไว้ที่คฤหาสน์หลังเก่าตระกูลเย่หน่อย พรุ่งนี้เช้าฉันก็จะออกเดินทางไปจินหลิงแล้ว”
หลังจากพูดจบ อานเฉิงซีก็พยักหน้าให้ซือไท่ปลอมนั่นเบา ๆ
ซือไท่ปลอมจึงรีบหยิบอัลบั้มรูปภาพเก่า ๆ ที่มีขนาดเท่ากระดาษเอสี่ออกมาจากกระเป๋าหิ้ว แล้วยื่นอัลบั้มรูปภาพให้ถังซื่อไห่
ถังซื่อไห่รับอัลบั้มรูปภาพมา เขาไม่กล้าเปิดอัลบั้มโดยตรง แต่เป็นการสอบถามอานเฉิงซีว่า: “นายหญิงต้องการให้ผมนำอัลบั้มรูปภาพเล่มนี้ไปวางไว้ในคฤหาสน์หลังเก่าเหรอครับ?”
“ใช่”อานเฉิงซีพยักหน้า แล้วพูดอย่างทอดถอนใจ: “20 ปีแล้ว ก็ถึงเวลาที่ต้องให้เฉินเอ๋อค่อย ๆ ทราบเรื่องราวบางอย่างในอดีตที่ถูกกลบอยู่ในฝุ่นแล้ว!”