ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5389 มีเพียงการลาออกทางเดียวเท่านั้น 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5389 มีเพียงการลาออกทางเดียวเท่านั้น 2
ถึงแม้ในตอนแรกเย่เฉินก็หยิบวิชามวยภายในมาจาก《หมัดสี่สภาพ》เพื่อให้กับฉินเอ้าเสวี่ยน แต่วิชามวยนั้นก็ทำได้เพียงยกระดับกำลังสู้รบของนักบู๊เท่านั้น ถือเป็นกลยุทธ์ทางสงครามอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่จะสามารถยกระดับวิชาของผลการฝึกฝน
เนื่องจากเย่เฉินเชี่ยวชาญเรื่องปราณทิพย์ ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้จัดเรียงวิชาบู๊แต่ละชนิดภายในบันทึกของ《ตำราเก้าเสวียนเทียน》ให้เป็นระเบียบมาโดยตลอด ขณะนี้เขาอาศัยความทรงจำของ《ตำราเก้าเสวียนเทียน》 เมื่อครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงตระหนักได้ว่า อันที่จริงแล้ว《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》นี้ก็คือวิชาบู๊ที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
วิชาบู๊ชนิดนี้ เริ่มเปลี่ยนจากการฝึกหายใจมาเป็นชี่แท้อย่างไร สอนให้คนยกระดับศักยภาพของตนเองขึ้นทีละขั้น และทะลวงผ่านไปอย่างต่อเนื่อง และในที่สุดก็บรรลุถึงแดนปรมาจารย์
ในกรณีที่บรรลุถึงแดนปรมาจารย์ขั้นสูงสุดแล้ว ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของวิถีบู๊ได้
หลังจากที่นักบู๊บรรลุถึงขั้นสุดท้ายของวิถีบู๊ สิ่งที่เข้ามามันก็คือจุดเริ่มต้นของปราณทิพย์
ก็มีเพียงมาถึงขั้นนั้น เขาจึงจะสามารถเริ่มควบคุมปราณทิพย์ได้
ถ้าหากฉบับสมบูรณ์ที่จู่ซือเต๋าไท่เจินได้รับคือ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》 ถึงแม้เต๋าไท่เจินนั้นจะไม่สามารถสร้างผู้ยอดฝีมือขั้นสุดยอดที่เชี่ยวชาญปราณทิพย์ได้ แต่อย่างน้อยก็จะสามารถมีผู้เชี่ยวชาญแดนมืด แดนมิติสองสามคน กระทั่งมีอาจารย์แดนปรมาจารย์ได้
แต่โชคร้ายก็ยังมีอยู่ เพราะที่เขาได้รับ เป็นเพียงแค่บทแรกที่เป็นความรู้พื้นฐานของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》เท่านั้น
เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะแอบไตร่ตรองว่า: “ถ้าหากฉันนำบทที่สองของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》มอบให้แก่หงฉางชิง ผลการฝึกฝนของเขาก็จะต้องก้าวหน้าอย่างรวดเร็วแน่นอน การอาศัยศักยภาพของตนเองเพื่อเข้าสู่แดนมืดก็คงจะไม่ไกลเกินเอื้อม เพียงแต่น่าเสียดาย หงฉางชิงผู้นี้ค่อนข้างคิดมากเกินไป ไม่เช่นนั้นล่ะก็ ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเริ่มฝึกฝนเนื้อหาบทที่สองของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ในช็องเซลีเซียนสปาแล้วก็เป็นได้
เพียงแต่ นี่ก็ยังเพิ่มความแน่วแน่ทางความคิดของเย่เฉินที่จะรับหงฉางชิงมาเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา
นี่เป็นเพราะว่าหงฉางชิงได้ฝึกฝนบทแรกของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》มาเป็นเวลาหลายปี ท่องจำวิชานี้จนขึ้นใจแล้ว หากเขานำวิชานี้ส่งมอบให้กับคนอื่น เขาก็จะสามารถสรุปผลผ่านประสบการณ์หลายปีของตนเอง ถึงวิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำให้คนเป็นผู้เชี่ยวชาญ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ได้อย่างแน่นอน
ถ้าหากไม่มีเขา และตนเองเพียงแค่มอบวิชาของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ให้กับตระกูลเหอรวมทั้งนักบู๊ของสำนักว่านหลง เช่นนั้นก็เกรงว่าพวกเขาจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองสามปีที่จะคอยๆ ทำความคุ้นเคยวิชานี้ทีละน้อย จากนั้นจึงจะสามารถบรรลุเป้าหมายได้
จากการเปรียบเทียบพบว่า มีหงฉางชิงที่สามารถต่อยอดได้ ก็จะสามารถประหยัดเวลาได้เป็นอย่างมาก
และเพียงแค่หงฉางชิงสามารถทำงานให้ตนเองอย่างสุขุมรอบคอบ เย่เฉินก็จะไม่ปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรม ถึงเวลานั้นไม่เพียงแต่จะสามารถได้รับ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ต่อไป แต่ยังสามารถฝึกฝนผู้เก่งกาจวิชาบู๊ที่เชี่ยวชาญทางด้าน《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ออกมาเพื่อตนเองได้อีก
เพียงแต่ เย่เฉินไม่ได้นำคำพูดเหล่านี้ไปบอกกับหงฉางชิง เขาเพียงแค่นำกระดาษสองสามแผ่นที่หงฉางชิงเขียนนั้นโยนกลับไป แล้วกล่าวถามเขาทันทีว่า: “ในที่รกร้างแถวชานเมืองแบบนี้ คุณไปเอากระดาษปากกามาจากที่ไหนกัน?”
หงฉางชิงจึงรีบกล่าวว่า: “เรียนอาจารย์เย่ คือน้องชายคนนั้นที่อยู่ข้างทางช่วยฉันวิ่งเต้นหาให้จากอินเทอร์เน็ตครับ……..”
เย่เฉินหัวเราะเยาะ การแสดงออกค่อยๆ เปลี่ยนเป็นจริงจัง แล้วเอ่ยปากว่า: “《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》นี้ของคุณยังไม่สมบูรณ์โดยสิ้นเชิง เป็นเพียงแค่บทนำเท่านั้น”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน…..” หงฉางชิงกล่าวด้วยจิตสำนึก: “ในเต๋าไท่เจิน ก็มีวิชาบู๊บางอย่างที่เก็บสะสมเอาไว้ แต่ไม่มีข้อยกเว้นล้วนเป็นบทที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีเพียง《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》บทนี้ที่ครบถ้วนสมบูรณ์แบบโดยสิ้นเชิง!”
เย่เฉินยิ้มอย่างเหยียดหยาม แล้วย้อนถามเขาว่า: “แก่นสารของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》คืออะไร?”
หงฉางชิงกล่าวว่า: “แน่นอนว่าเป็นวิชาบู๊ครับ!”
เย่เฉินเบะปาก แล้วกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า: “ฉันจะบอกคุณให้นะ แก่นสารของ《จิตกลียุคเต๋าไท่เจิน》ก็คือจิตกลียุค คุณรู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นจิตกลียุค?”
หงฉางชิงขมวดคิ้ว คิดอยู่ครู่ใหญ่ แล้วจึงกล่าวว่า: “ดูเหมือนจะเป็นคำกล่าวอย่างกว้างๆ ในลัทธิเต๋า และไม่มีความหมายที่ชัดเจนเป็นพิเศษอะไรครับ…….”
เย่เฉินส่ายหน้า แล้วกล่าวอย่างนิ่งๆ ว่า: “จิตกลียุคเป็นกลุ่มอากาศธาตุที่ผสมรวมกันจนฟ้าดินไม่อาจแบ่งแยกได้ชัดเจน นี่คือจุดเริ่มต้นของพลังจิต! เป้าหมายในท้ายที่สุดของมัน ก็คือการเข้าสู่เต๋าด้วยการบู๊ และสุดท้ายก็ควบคุมพลังของจิตกลียุค”
เขาพูดจบ ก็ชี้ไปที่กระดาษที่อยู่ในมือของหงฉางชิง แล้วกล่าวหยอกเย้าว่า: “ที่คุณเขียนมานี้ล้วนเป็นการการฝึกหายใจเป็นอย่างไร การทะลวงผ่านเส้นลมปราณเป็นอย่างไร ไม่มีความเกี่ยวข้องกันกับจิตกลียุคแม้แต่น้อย นี่ก็เหมือนกับว่าในมือของคุณมีหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อหนังสือคือ《หลักการทั่วไปในการผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า》แต่ในมือของคุณมีเพียงแค่เนื้อหาที่สอนคุณว่าจะขุดถ่านหินอย่างไร คุณคิดว่าสิ่งนี้ มันจะสามารถสมบูรณ์แบบได้เหรอ?”