ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5349 วันมงคลสมรส 2
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5349 วันมงคลสมรส 2
มีเสียงโห่ร้องอย่างมีความสุขดังขึ้นมาในที่เกิดเหตุ รุ่นหลังของตระกูลเหอยิ่งหยิบพลุดอกไม้ไฟแบบใช้มือดึงออกมา พากันดึงจนเสียงดังปั้ง ๆ ติดต่อกัน
ถัดจากนั้น คู่สามีภรรยาทั้งสองก็มาถึงห้องรับแขกของคฤหาสน์ ตอนนี้ท่านเหอได้นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเพื่อรอลูกเขยคนใหม่มาคารวะชาแก้คำพูดอยู่บนโซฟาแล้ว
วันนี้ท่านเหอที่ลูกสาวกำลังจะแต่งงานมีความสุขมากเป็นพิเศษ ก่อนที่ภรรยาเขาจะจากไป สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือเหออิงซิ่วที่สูญเสียแขนไปแล้วข้างหนึ่ง เธอรู้สึกว่าลูกสาวกลายเป็นคนพิการแล้ว แถมยังมีลูกสาวนอกสมรสอีกคนหนึ่ง อนาคตอาจจะตามหาผู้ชายที่ยอมรับในตัวเธอได้ยากมาก ๆ ต่อให้มีผู้ชายสามารถยอมรับในตัวเธอได้ เกรงว่าก็คงยอมรับในตัวซูรั่วหลีได้ยากมาก
ก่อนจะจากโลกนี้ไป เธอยังเน้นย้ำกับนายท่านด้วยว่าอนาคตถ้าเกิดเหออิงซิ่วจะแต่งงาน หากฝ่ายชายปฏิบัติไม่ดีต่อรั่วหลี ตระกูลเหอต้องไปรับตัวรั่วหลีกลับมาให้ได้ แต่อย่าปล่อยให้เหออิงซิ่วหย่าร้างกับฝ่ายชายง่าย ๆ เป็นอันขาด เพราะจากสภาวะของเธอ การที่เจอผู้ชายคนหนึ่งที่ยอมแต่งงานกับเธอได้นั้นก็ถือเป็นเรื่องไม่ง่ายแล้ว
แต่ทว่าเธอจะคิดได้อย่างไรว่าวันนี้ลูกสาวก็ยังได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดอยู่ดี แขนที่สูญเสียไป 20 กว่าปีของเธอฟื้นฟูกลับคืนมาใหม่ แถมยังได้อยู่ร่วมกับผู้ชายที่รักมา 30 กว่าปี ซูรั่วหลีก็ไม่ต้องยอมรับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเป็นพ่อเลี้ยงเหมือนกัน เพราะในที่สุดพ่อแม่แท้ ๆ ของเธอก็อยู่ด้วยกันสักที
เมื่อนึกถึงจุดนี้ นายท่านที่ยังคึกคักดีใจอยู่ในตอนแรก จู่ ๆ ก็เศร้าโศกเสียใจอย่างยิ่ง
เมื่อผู้คนในตระกูลโอบล้อมคู่สามีภรรยาที่มีอายุรวมกันมากกว่าร้อยปีอย่างซูโสว่เต้าและเหออิงซิ่วเดินออกมาจากห้องที่ใช้สำหรับแต่งงาน และเตรียมพร้อมที่จะคารวะชาให้นายท่านอยู่นั้น จู่ ๆ กลับพบว่านายท่านกำลังนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว และร้องไห้จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง……
ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมนายท่านที่เข้มแข็งมาโดยตลอด ถึงร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่ง เขากำลังร้องไห้พลางใช้แขนเสื้อทั้งสองข้างเช็ดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาจากเบ้าตา
ซูรั่วหลีรีบวิ่งไปด้านหน้าเขา แล้วถามอย่างเป็นห่วง: “คุณตาคะ วันนี้เป็นวันที่ดีขนาดนี้ ทำไมคุณตาถึงร้องไห้ล่ะคะ……”
นายท่านรู้ตัวแล้วว่าตัวเองยั้งสติไม่ค่อยอยู่ จึงรีบใช้มือปิดหน้าอย่างรีบร้อน หวังจะควบคุมอารมณ์ตนเอง ทว่ายิ่งทำแบบนี้ก็ยิ่งควบคุมไม่ได้ น้ำตาได้ไหลออกมาผ่านซอกนิ้วแล้วไหลผ่านมืออันแก่ชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นนั่น ส่วนร่างกายของเขาก็สั่นเทาอย่างไม่หยุดหย่อนเพราะการร้องไห้ ดูแล้วรู้สึกเจ็บใจมาก
วินาทีนี้ มีเพียงเหออิงซิ่วคนเดียวเท่านั้นที่เข้าใจความรู้สึกของคุณพ่อ
เธอรู้อยู่ว่าพ่อต้องเสียใจแทนแม่ที่ไม่ได้มองเห็นภาพเหตุการณ์นี้แน่นอน
บางครั้ง คนที่มีชีวิตอยู่จะคิดว่าหลังจากรอคอยมาอย่างทุกข์ยากลำบากหลายปี และได้รับผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อไปแบ่งปันผลลัพธ์นี้กับญาติที่ล่วงลับไปแล้ว หากพวกเขาที่อยู่บนสวรรค์รับรู้เรื่องนี้ ก็ต้องรู้สึกชื่นใจมากแน่นอน
เมื่อคิดแบบนี้ ตัวเองก็จะรู้สึกปลื้มใจมากเหมือนกัน
แต่ทว่ามุมมองในการมองปัญหาของคนบางคน กลับไม่ได้เบิกบานแบบนี้
เขาจะรู้สึกว่านี่คือผลลัพธ์ที่ญาติตั้งตารอคอยมากที่สุดขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าทำไมฝ่ายตรงข้ามถึงไม่สามารถอยู่ถึงวันที่ได้มองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ จากนั้นคนดังกล่าวก็จะจมดิ่งสู่ความทุกข์ จนไม่สามารถดึงตัวเองกลับมาจากความทุกข์
เห็นได้ชัดเจนเลยท่านเหอเป็นกรณีหลัง
อันที่จริงเหออิงซิ่วก็เป็นกรณีหลังเช่นกัน
สิ่งที่ผู้คนบนวิถีบู๊เลื่อมใสศรัทธาคือศักยภาพ สิ่งที่แสวงหาคือแหกกฎสวรรค์เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต
แล้วถ้าเกิดอยากแหกกฎสวรรค์เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิต สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมีชีวิตคงอยู่!
เพราะฉะนั้น พวกเขาจึงไม่เชื่อว่ามีโลกหลังความตาย
พวกเขารู้ว่าคนตายก็เหมือนไฟที่ดับหายไปแล้ว
ตายแล้วก็คือตายแล้ว
ถ้าเกิดญาติพี่น้องของพวกเขาตายไปพร้อมกับความเสียดาย งั้นนี่ก็จะกลายเป็นสิ่งที่คนที่ยังมีชีวิตอยู่รู้สึกเสียดายมากที่สุด
เพราะฉะนั้นเหออิงซิ่วก็ไม่ได้ไปพูดโน้มน้าวใจพ่อเช่นกัน เธอรู้อยู่ว่าถ้าเกิดไม่ให้พ่อร้องไห้ออกมาอย่างเต็มที่ เขาอาจจะเดินออกมาจากความทุกข์นี้ได้ยากมาก
โชคดีที่ท่านเหอก็ไม่ใช่คนที่อ่อนแอเช่นกัน หลังจากร้องไห้ไปพักหนึ่ง ความกลัดกลุ้มที่อัดอั้นอยู่ในใจก็สลายหายไปพร้อมกับน้ำตา อารมณ์ของเขาจึงผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย