ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 5145 อยู่ใกล้แค่เอื้อม 1
ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน บทที่ 5145 อยู่ใกล้แค่เอื้อม 1
พอพูดจบ หลินหว่านเอ๋อร์ก็พูดอีก: “แต่ว่าเดี๋ยวฉันคงไม่ลงไปจากรถแล้วค่ะ คุณไปพบปะกับพวกเขาก่อน ถ้าพูดถึงเรื่องเรียนค่อยแจ้งฉันอีกที ถึงตอนนั้นฉันค่อยขึ้นไปเอง”
ชิวอิงซานรีบตอบตกลงอย่างเคารพนอบน้อมโดยไม่หยุดคิด: “ได้เลยครับคุณหนู!”
ตอนนี้ขบวนรถได้ขับเข้าไปในประตูหลักของมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว วินาทีนี้หลินหว่านเอ๋อร์ก็ดูรู้สึกสงสัยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน เริ่มกว่าตามองดูมหาวิทยาลัยที่ตัวเองกำลังจะเข้าเรียน
ในขณะเดียวกัน ด้านหน้ามีรถบีเอ็มคันหนึ่งกำลังขับตรงมาจากที่ไกล ๆ ซึ่งคนที่นั่งอยู่บนเบาะแถวหน้าของรถคันดังกล่าวก็คือเย่เฉินและคลอเดีย!
จากการที่รถทั้งสองคันยิ่งอยู่ยิ่งใกล้กัน เพราะความสงสัย เย่เฉินจึงมองไปทางขบวนรถโดยสัญชาตญาณรอบหนึ่ง
เขาดูออกอยู่ว่าแขกผู้มีเกียรติของมหาวิทยาลัยจินหลิง น่าจะอยู่บนโรลส์รอยซ์คันนั้น ดังนั้นเขาจึงเน้นมองไปที่รถคันนั้นเป็นหลัก
แต่ทว่าเขาไม่มีกิเลสในการแอบสอดส่อง แค่กวาดตามองดูคร่าว ๆ รอบหนึ่ง เนื่องจากรถติดฟิล์มกันมอง แต่เขาก็มองเห็นได้อย่างเลือนรางว่ามีคนนั่งอยู่บนรถคันดังกล่าวสี่คน
และในเวลานี้ หลินหว่านเอ๋อร์ที่นั่งอยู่บนเบาะตำแหน่งข้างคนขับก็สำรวจซ้ายขวามาโดยตลอด แล้วสายตาก็บังเอิญหันมาทางขวาพอดี
เย่เฉินมองผ่านกระจกหน้ารถโรลส์รอยซ์ เห็นแค่บนรถที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คนขับรถคือชายวัยกลางคนที่อายุค่อนข้างมากคนหนึ่ง ตำแหน่งข้างคนขับคือหญิงสาวคนหนึ่ง ส่วนเบาะหลังคือคู่สามีภรรยาสูงวัยคู่หนึ่ง แล้วเขาก็สังเกตไม่เห็นความผิดปกติใด ๆ อีกเลย
เมื่อรถยนต์ทั้งสองคันขับสวนไป ระยะห่างระหว่างเย่เฉินและหลินหว่านเอ๋อร์สั้นเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น แม้แต่คลอเดียที่นั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับก็เห็นใบหน้ามุมข้างของหลินหว่านเอ๋อร์แล้ว
วินาทีนี้ เธอแค่รู้สึกว่าใบหน้ามุมข้างของผู้หญิงคนนั้นสวยมาก ๆ มันคือความสวยคลาสสิกแบบหนึ่งที่หาที่เปรียบได้ยาก แค่เห็นใบหน้ามุมข้างของเธอ ก็สามารถสัมผัสออร่าที่เหมือนเทพธิดาได้แล้ว
แต่ทว่าเมื่อกี้เย่เฉินแค่มองจากมุมไกล ๆ รอบหนึ่ง วินาทีนี้เขาก็ไม่มีความคิดที่จะมองอีกแล้ว
และวินาทีนี้คลอเดียก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาโดยสัญชาตญาณ: “ว้าว……ผู้หญิงคนนั้นสวยจังเลย!”
เมื่อเย่เฉินได้ยินคำพูดของเธอ จึงอยากดูให้รู้แล้วรู้รอดโดยสัญชาตญาณ
ตอนนี้ถ้าเกิดเย่เฉินมองตำแหน่งข้างคนขับของโรลส์รอยซ์อีกแป๊บหนึ่ง เขาก็จะจำใบหน้ามุมข้างของหลินหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมได้แน่นอน
แต่ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ จู่ ๆ เย่เฉินก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างกระโดดในกระเป๋ากางเกงข้างขวาของเขาอย่างรุนแรงหนึ่งครั้ง!
ถัดจากนั้นเจ้าของสิ่งนั้นก็เหมือนมีชีวิตยังไงอย่างนั้น กระโดดไปมาอยู่ในกระเป๋ากางเกงด้วยอัตราความเร็วที่สูงมาก ๆ
ปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดแบบนี้ทำให้เย่เฉินดึงสติกลับมาไม่ได้ในทันที ในขณะที่เขาก้มมองกระเป๋ากางเกงโดยสัญชาตญาณอยู่นั้น ก็ขับสวนทางกับรถโรลส์รอยซ์คันนั้นแล้ว ตลอดทั้งขั้นตอนใช้เวลาแค่หนึ่งถึงสองวินาทีเท่านั้น
เย่เฉินยื่นมือลงไปคลำกระเป๋ากางเกง ถัดจากนั้นเขาก็คลำเจอแหวนวงที่หลินหว่านเอ๋อร์มอบให้ตัวเองตอนที่อยู่ยุโรปเหนือ
วินาทีนี้ แหวนวงนั้นยังสั่นสะเทือนอยู่บนมือเย่เฉินเบา ๆ แต่ทว่าแรงสั่นสะเทือนยิ่งอยู่ยิ่งเบาลง กระทั่งหยุดนิ่งไปในที่สุด
เย่เฉินเหยียบเบรคทำให้รถจอดนิ่ง ก่อนจะเพ่งมองแหวนวงนั้นอย่างพินิจพลางนึกคิดในใจ: “เจ้าบ้านี้อยู่บนตัวฉันนานขนาดนี้แล้ว ฉันถ่ายเทปราณทิพย์เข้าไปในตัวมันมากขนาดนี้ มันแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เลย ทำไมจู่ ๆ ตอนนี้ถึงสั่นสะเทือนขึ้นมาได้ล่ะ?”
เมื่อคลอเดียที่อยู่ข้าง ๆ เห็นว่าเย่เฉินจอดรถลง แล้วหยิบแหวนวงหนึ่งออกมาเพ่งมองอย่างพินิจจนขมวดคิ้ว เธอจึงถามอย่างอดไม่ได้: “พี่เย่เฉิน พี่เป็นอะไรน่ะ?”
เย่เฉินขมวดคิ้วแน่น ทว่ากลับตอบกลับอย่างเรื่อยเปื่อยว่า: “อ้อ……ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครใส่แหวนวงหนึ่งไว้ในกระเป๋าฉัน”
คลอเดียจึงรีบถามว่า: “อาจจะเป็นพี่ชูหรันหรือเปล่าคะ?”