ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 4945 มีแต่จะสร้างภาระให้ซะจริงเลย 2
ทันทีหลังจากนั้น หลินหว่านเอ๋อร์ตกอยู่ในความเงียบ
เธออดไม่ได้ที่จะหวนนึกถึง แหวนวงนั้นถึงกับเคยส่งเสียงดาบในมือของเย่เฉิน เสียงดาบนั่นไพเราะรื่นหู ชวนให้หลงใหล
พอคิดถึงตรงนี้ เธอแอบทำการตัดสินใจ เก็บป้ายวิญญาณ รวมทั้งเหรียญทองแดงเก้าเหรียญที่อยู่บนโต๊ะไว้ในกระเป๋าสะพายหลังทั้งหมดทันทีหลังจากนั้น สาวเท้าเดินออกมาจากในห้องหนังสือ
ที่นอกคฤหาสน์ ผู้อาวุโสคนนั้นกำลังเก็บของอยู่
เขาทยอยดึงพวกของที่ไม่มีความจำเป็นออกมาจากในรถคันหนึ่งในจำนวนนั้น สุดท้ายจัดเก็บให้เป็นระเบียบได้อยู่สองกล่องใหญ่
พอหลินหว่านเอ๋อร์ออกมา ผู้อาวุโสก็รีบเข้าไปถาม : “คุณหนูครับ เครื่องลายครามของคุณหนู น่าจะไม่ต้องเอาไปแล้วใช่ไหมครับ ?”
หลินหว่านเอ๋อร์ลังเลอยู่พักหนึ่ง เอ่ยทอดถอนใจเบา ๆ : “เอาไปเถอะ ท้ายที่สุดก็เป็นของหัวเซี่ย ทิ้งไว้ที่นี่ ไม่แน่ว่าจะถูกคนไม่เข้าใจทำลายเอา”
ว่าแล้ว เธอเอ่ยอีกว่า : “เอาเครื่องลายครามที่ห่อไว้ดีแล้วไป หลังจากกลับถึงหัวเซี่ย สามารถหาโอกาสบริจาคให้พิพิธภัณฑ์เอาได้”
“กลับหัวเซี่ย ? !” ผู้อาวุโสถามด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกใจ : “คุณหนู คุณจะไปตะวันออกไกลที่รัสเซียไม่ใช่เหรอครับ ? เรามีอุตสาหกรรมที่มั่นคงและปลอดภัยอยู่ที่นั่น ที่นั่นถูกพบได้ยากกว่าการกลับไปที่หัวเซี่ยนะครับ”
หลินหว่านเอ๋อร์ส่ายหน้า เอ่ยราบเรียบ : “ไม่ไปรัสเซียแล้ว ฉันจะไปหัวเซี่ยเพื่อหาคุณเย่คนนั้นในวันนี้ เขาคนนี้ จะต้องน่าสนใจมากอย่างแน่นอน”
ผู้อาวุโสเอ่ยอย่างอดไม่ได้ : “คุณหนูครับ หัวเซี่ยใหญ่จะตาย ประชากรหนึ่งพันสี่ร้อยล้านคน เราจะไปหาคุณเย่นั่นที่คุณว่ามาจากที่ไหนครับ ? !”
หลินหว่านเอ๋อร์เอ่ย : “คุณเย่ภาษาจีนกลางดีมาก ออกเสียงถูกต้อง อีกทั้งเปล่งเสียงแม่นยำ แทบจะฟังไม่ออกเลยว่ามีร่องรอยสำเนียงอะไรเลย ฉันเลยคาดการณ์ไว้ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเขาเป็นคนทางเหนือ อีกทั้งความเป็นไปได้สูงมากว่าเป็นเย่นจิงไม่กี่มณฑลที่อยู่รอบ ๆ เย่นจิงถึงตอนนั้นเราบินไปเย่นจิงก่อน ตามหาเบาะแสที่เย่นจิงแล้วกัน”
“ได้ครับ !” ผู้อาวุโสพยักหน้า : “งั้นก็ไปที่เย่นจิงครับ !”
……
เย่เฉินในตอนนี้ กำลังกลับไปที่สนามบินเบอร์เกน หลังจากกลับไปเอารถของตัวเอง ก็กลับวิลล่าของเฮเลน่าตามทางเดิม
ระหว่างทางนี้ ความคิดของเขาจมอยู่ที่แหวนประหลาดวงนั้นอยู่ตลอด
ดังนั้น มือซ้ายของเขาจับพวงมาลัย มือขวาจับแหวนวงนั้นไว้อยู่ตลอด ถูอยู่ในมือไม่หยุด และปล่อยปราณทิพย์เล็กน้อยเข้าไปข้างในไม่หยุด พยายามศึกษาประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงของของสิ่งนี้
แหวนวงนี้มีแรงดึงดูดต่อกันและกันกับปราณทิพย์ที่แข็งแกร่งมาก แต่ที่ประหลาดอยู่ที่ พอส่งปราณทิพย์ไปในนั้น ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงทางรูปธรรมใด ๆ เลย สิ่งนี้ทำให้เย่เฉินประหลาดใจมาก
ตามกฎการอนุรักษ์พลังงานแล้ว พลังงานเป็นสิ่งที่ทั้งไม่สามารถปรากฏโดยไม่มีมูล และยิ่งไม่สามารถหายไปโดยไม่มีมูลด้วยเช่นกัน
ก็เหมือนน้ำร้อนกะละมังหนึ่งที่วางอยู่นอกห้อง ต่อให้สุดท้ายเย็นหมดแล้ว ปริมาณความร้อนพวกนั้นก็ไม่ได้หายไปโดยไม่มีมูล แต่ปล่อยไปในธรรมชาติ โดยผ่านอากาศรวมทั้งสสารอื่น ๆ
เพียงแต่ว่า ปริมาณความร้อนหนึ่งกะละมัง ดูเหมือนกระจิริดไปหน่อยสำหรับทั้งธรรมชาติแล้ว
แต่ต่อให้กระจิริดก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่มีอยู่โดยสอดคล้องตามความเป็นจริงด้วยเช่นกัน
แต่ว่า ปราณทิพย์ที่เย่เฉินทยอยส่งเข้าไปในแหวน กลับหายไป ไม่ได้รับการตอบสนองใด ๆ เหมือนก้อนหินจมลงในน้ำอย่างไรอย่างนั้น
เย่เฉินยิ่งรู้สึกแปลก จากมุมมองของเขา เครื่องมือทางธรรม หลักการของมันก็เท่ากับอุปกรณ์ไฟฟ้าชิ้นหนึ่ง เพียงแต่ว่าเครื่องมือทางธรรมต้องการปราณทิพย์ในการขับเคลื่อน ส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าต้องการไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
ส่งไฟฟ้าไปให้เครื่องทำน้ำอุ่น ก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน ส่งไฟฟ้าไปให้มอเตอร์ ก็จะกลายเป็นพลังงานจลน์ ส่งไฟฟ้าไปให้หลอดไฟฟ้า ก็จะกลายเป็นพลังงานส่องสว่าง ส่งไฟฟ้าไปให้อุปกรณ์อิเล็กโทรลิซิส ก็จะกลายเป็นพลังงานเคมี
ก็เหมือนกับการส่งปราณทิพย์ไปให้ยันต์ฟ้าร้อง ก็สามารถกลายเป็นฟ้าร้องที่ลงมาจากฟ้า ส่งปราณทิพย์ไปให้มีดทะลุวิญญาณ ก็สามารถกลายเป็นคมมีดที่อานุภาพเกรียงไกร แต่แหวนวงนี้กลืนปราณทิพย์ของตัวเองไปมากขนาดนี้แล้ว กลับกลายเป็นเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นเอง