ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน - บทที่ 3358 คนที่โดดเดี่ยวที่สุดบนโลก
ตอนนี้เวลานี้
เย่เฉินและเฮเลน่ามาถึงห้องพักผู้ป่วยของราชินีที่อยู่ชั้นบนสุดของปราสาทแล้ว
เดิมทียามเฝ้าประตูคิดอยากจะขวางไว้ แต่เมื่อสอบถามไปที่โอลิเวียแล้ว ก็ปล่อยให้เข้าไป
มาถึงห้องพักผู้ป่วย เย่เฉินไล่บุคลากรทางการแพทย์ออกไป ไปมองดูคนแก่ที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย นี่คือหญิงชราที่กำลังจะตาย เนื่องจากเธอถูกอาการป่วยทรมานมานานหลายปี ทำให้ไม่เห็นถึงราศีและความน่าเกรงขามของราชินีแล้ว
เฮเลน่าที่อยู่ด้านข้างมองเย่เฉินด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย ถามเขาว่า “คุณเย่คะ คุณสามารถรักษาคุณย่าของฉัน ให้เธอตื่นขึ้นมาได้มั้ยคะ?”
เย่เฉินพูดนิ่งๆว่า “เพียงแค่เธอยังมีลมหายใจอยู่ ฉันก็สามารถรักษาให้หายได้”
พูดแล้วเย่เฉินก็เดินไปตรงหน้าเตียงผู้ป่วย ใช้มือทาบลงที่จุดชีพจรของคนแก่ ปราณทิพย์บางอย่างค่อยๆกระจายเข้าไป
หลังจากนั้นสักพัก คิ้วของเย่เฉินขมวดแน่น เอ่ยปากพูดว่า “นายหญิงใหญ่ครับ ผมเดาว่า คุณคงจะเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดบนโลกใบนี้แล้วละมั้งครับ?”
เมื่อคำพูดนี้ของเย่เฉินพูดออกไป ก็รู้สึกได้ว่านิ้วมือของนายหญิงใหญ่สั่นเล็กน้อย
เฮเลน่าถามอย่างไม่เข้าใจว่า “เย่เฉิน…..คำพูดนี้ของนายหมายความว่ายังไง?”
เย่เฉินส่ายหัว ถอนหายใจพูดว่า “สติของคุณย่าเธอยังตื่นตัวดี ถ้าหากว่าฉันเดาไม่ผิด ตอนนี้เธอก็น่าจะได้ยินที่พวกเราคุยกัน”
“อะไรนะ?” เฮเลน่าอุทานตกใจ “คุณย่าสามารถได้ยินที่พวกเราคุยกัน? แล้วทำไมเธอถึงยังสลบไม่ตื่นละ?”
เย่เฉินพูดอย่างจริงจังว่า “ที่สลบไม่ตื่น เป็นเพียงแค่ร่างกายของเธอ ไม่ใช่สติของเธอ เพียงแค่เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ก็เท่านั้น”
พูดแล้วเย่เฉินก็จงใจใช้น้ำเสียงที่น่าเสียดายเป็นอย่างมากพูดว่า “ทำไมฉันถึงพูดว่าคุณย่าของเธอเป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ก็เพราะไม่มีใครรู้ว่าสติเธอยังตื่นตัวดี ไม่มีคนรู้ว่าเธอเพียงแค่สูญเสียการควบคุมร่างกายเท่านั้น….”
“เธอในตอนนี้ เท่ากับว่าถูกขังไว้ในร่างกายของตัวเองตลอดไป ถ้าหากสามารถทำให้เธอฟื้นฟูการควบคุมร่างกายได้ เธอก็จะสามารถตื่นขึ้นมาได้อย่างแท้จริง ไม่อย่างนั้น เธอก็จะต้องมีชีวิตอยู่ในสมองที่ถูกปิดกั้นไว้ตลอดไป ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารใดๆกับใครทั้งนั้น จนกระทั่งร่างกายจะตายไป”
“เรื่องแบบนี้ไม่ได้น่าตื่นตระหนก มีผู้ป่วยติดเตียงส่วนหนึ่ง ที่จริงแล้วสมองไม่ได้ตาย กลับกัน สมองของพวกเขาไม่มีปัญหาอะไรเลย เพียงแค่สูญเสียการควบคุมร่างกายเท่านั้น คนประเภทนี้ เป็นคนที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก ในสมองของพวกเขาเข้าใจดีทุกอย่าง แต่ไม่สามารถแสดงออก ไม่สามารถขยับตัว ทำได้เพียงแค่นอนอยู่แบบนี้เหมือนกับคนตาย….”
“มีบางคนที่โชคดี สลบไปเพียงไม่กี่ปี ไม่กี่สิบปีก็จะตื่นขึ้นมา แต่มีบางคน มีโอกาสที่นอนอยู่บนเตียงหลายสิบปีก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ จนกระทั่งตายไป…..”
เย่เฉินพูดถึงนี่ ก็เห็นราชินีที่สองตาปิดสนิท มีน้ำตาไหลรินลงมาทั้งสองฝั่ง แต่เธอก็ยังไม่ควบคุมร่างกายตัวเองให้ลืมตาขึ้นมา
เวลานี้เฮเลน่าเองก็น้ำตาไหลนองหน้าแล้วเช่นกัน พูดว่า “คุณเย่คะ ได้โปรดช่วยคุณย่าฉันด้วย….อย่าให้เธอได้รับการทรมานแบบนี้อีกเลย….”
เย่เฉินถอนหายใจพูดว่า “ช่วยเธอ ช่วยได้อยู่แล้ว…แต่ว่า…”
เย่เฉินพูดถึงนี่ ก็รู้สึกว่านายหญิงใหญ่กำลังพยายามคิดอยากจะขยับนิ้วของเขา
แต่เสียดายที่ความต้องการของเธอรุนแรงมาก แต่กำลังของเธอกลับอ่อนแรงสุดๆ ถึงแม้จะพยายามลองทำอย่างเต็มที่แล้ว แต่ระยะการสั่นไหวของนิ้วมือ ก็มีเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตรก็เท่านั้น
เย่เฉินเห็นอย่างนี้ก็คิดในใจว่า “ความปรารถนาที่จะอยู่รอดของนายหญิงใหญ่ที่แรงมากจริงๆ ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นก็กระตุ้นเธออีกสักหน่อยแล้วกัน”
เวลานี้ เฮเลน่าเห็นว่าเย่เฉินพูดแล้วก็หยุด จึงรีบถามเขา “คุณเย่คะ ในเมื่อคุณมีวิธี งั้นรบกวนคุณไม่ว่ายังไงก็ต้องช่วยคุณย่านะคะ ทั้งชีวิตนี้ให้เป็นทาสฉันก็จะทดแทนบุญคุณให้กับคุณ….”
เย่เฉินเอ่ยปากพูด “ฉันมียาวิเศษสมัยโบราณของหัวเซี่ยที่จะสามารถรักษาคุณย่าของเธอจริงๆ แต่ยาแบบนี้มันล้ำค่ามากเกินไป แม้จะแค่เพียงเล็กน้อยก็ราคาสูงมาก พูดตามจริง ใช้ยาประเภทนี้เพื่อคนแก่อายุมากขนาดนี้แล้วมันไม่คุ้มสักเท่าไหร่จริงๆ”
เฮเลน่ารู้สึกตื่นตกใจขึ้นมาในทันที เธอไม่เข้าใจ ทั้งที่เย่เฉินตอบตกลงแล้วว่าจะช่วยคุณย่าให้รอด ช่วยให้ตัวเองขึ้นเป็นราชินี แล้วทำไมตอนนี้เหมือนกับว่าจะเปลี่ยนใจแล้วละ