ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) - ตอนที่ 3.1
隣のクーデレラを甘やかしたら、ウチの合鍵を渡すことになった
[ตอนที่ 3.1: คุกกี้ที่ทำครั้งแรก]
วันนี้เป็นเช้าวันแรกหลังจากที่ผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์มาและในขณะนี้นัตสึโอมิก็กำลังเดินเข้ามาในห้องเรียน
ส่วนเคย์ก็กำลังหาวด้วยท่าทางที่งัวเงียเหตุผลก็คงจะเป็นเพราะวันนี้เป็นวันแรกของสัปดาห์หลังจากที่ผ่านวันหยุดมา
“นายเนี่ยมักจะเป็นแบบนี้ในช่วงต้นสัปดาห์ตลอดเลยนะ”
“นัตสึโอมิ นายก็รู้ดีหนิว่าวันหยุดฉันต้องทำงานตลอดเพราะงั้นมันก็ช่วยไม่ได้นี่นา”
หลังจากทักทายกันเสร็จเคย์ก็หาวออกมาอีกครั้งก่อนที่จะฟุบตัวลงบนโต๊ะ
เคย์มักจะไปช่วยงานของครอบครัวในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เพราะงั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะเห็นเขาเหนื่อยล้าในช่วงต้นสัปดาห์
แต่ก็มีบางครั้งนะที่เคย์โทรมาหาผมในช่วงเย็นของวันเสาร์ด้วยท่าทางที่เครียดๆจากนั้นเขาก็จะบ่นเกี่ยวกับความยากลำบากที่เขาต้องเจอและพอผ่านคืนนั้นไปผมก็จะได้ SNS จากเคย์ในวันรุ่งขึ้นว่า “โทษที เมื่อวานฉันโทรไปบ่นใส่นายอีกแล้วเหรอ”แบบนี้เป็นประจำเลย
จากนั้นวิลเลียสซังที่มาช้ากว่าผมเล็กน้อยก็นั่งลงข้างๆโดยที่ไม่พูดอะไรเลยและเธอก็หยิบถุงใส่ดินสอที่มีลายแมวออกมาวางไว้บนโต๊ะ
ตั้งแต่วันนั้นผมกับเธอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันอีกเลยถึงเธอจะอยู่ห้องข้างๆแต่พวกเราก็ไม่ค่อยได้เจอกัน
และการที่พวกเรานั่งใกล้กันแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเราจะสนิทสนมถึงขั้นต้องมาทักทายกันทุกเช้า
เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นมันก็แค่เรื่องบังเอิญ แน่นอนว่าถ้าเธอเกิดมีปัญหาเมื่อไหร่ผมก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วย แต่การที่จะเข้าไปยุ่งในตอนที่เธอไม่ต้องการก็จะเป็นการก่อกวนเธอซะเปล่าๆ
จากนั้นนัตสึโอมิก็หันไปมองข้างๆ เขาได้เห็นผิวที่ดูไม่ซีดจนเกินไปของวิลเลียส
พร้อมกับคิดไปด้วยว่า “ในช่วงวันหยุดนี้วิลเลียสซังซื้อข้าวกล่องลดราคาได้มั้ยนะ” จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็สบตากัน
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ”
หลังจากที่เห็นเธอลังเลอยู่ครู่นึงเธอก็พูดออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาที่มีเพียงแค่ผมเท่านั้นที่ได้ยิน
พอพูดเสร็จวิลเลียสก็หันหน้าหนีไปทางหน้าต่างเพื่อซ่อนปกปิดความเขินอายของเธอส่วนทางนัตสึโอมินั้นก็ตัวแข็งเป็นหินไปซะแล้วเพราะถูกจู่โจมอย่างกะทันหัน
จากนั้นวิลเลียสก็หันมามองนัตสึโอมิอีกครั้ง
“ค..คือว่า…ฉันจะลองพยายามเปลี่ยนดูนะคะ”
ก่อนที่จะหันไปทางเดิมด้วยใบหน้าที่ดูเขินอาย
(..อ่ออย่างนี้นี่เอง เข้าใจสิ่งที่เธอพูดแล้วล่ะ)
เมื่อนัตสึโอมิเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าวิลเลียสนั้นพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเขาก็ได้เผลอยิ้มให้กับเธอที่กำลังมองออกไปนอกหน้าต่าง
ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเธอและผมก็ไม่คิดที่จะพยายามเข้าหาเธออีกด้วย
แต่ยังไงก็ตามถ้าเรื่องในวันนั้นทำให้เธอมีแรงจูงใจที่อยากจะเปลี่ยนแปลงตัวเองผมก็ดีใจแล้วล่ะเพราะงั้นนี่ถึงเป็นเหตุผลว่าทำไม-
“อื้ม อรุณสวัสดิ์นะ”
นัตสึโอมิส่งคำทักทายกลับไปให้วิลเลียสที่นั่งอยู่ข้างๆจากนั้นก็หันไปมองดูเคย์ที่กำลังหลับเป็นตายอยู่ข้างหน้า
☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ตั้งแต่ตอนนั้นวิลเลียสซังก็ได้เปลี่ยนตัวเองอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงเธอจะยังเป็นคนที่เริ่มเปิดหัวข้อการสนทนาไม่ได้
แต่เธอก็พยายามยิ้มให้กับทุกคนที่เข้าไปคุยกับเธอแต่รอยยิ้มแบบนั้นมันเกิดจากการฝืนเพราะงั้นมันเลยไม่ค่อยที่จะเหมือนรอยยิ้มสักเท่าไหร่
ส่วนพวกผู้ชายที่พยายามจะเข้าไปจีบเธอก็ต้องพบกับท่าทีที่เย็นชาอยู่เหมือนเดิม
แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เกลียดนะแต่กลับกันพวกเขาดูจะชอบมันมากด้วยแถมยังพูดอะไรแปลกๆอย่าง “นี่สิถึงจะสมกับเป็นเจ้าหญิงคูเดอเรลล่าของพวกเรา” ด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ
“…”
ตอนนี้ก็เป็นช่วงพักกลางวันและผมก็กำลังกินขนมปังที่ไปซื้อมาจากโรงอาหารส่วนเคย์ก็หันมามองที่ผมด้วยสีหน้าที่มีความสุข
“ถ้าเป็นแบบนี้ พวกเราก็คงไม่มีประโยชน์สำหรับวิลเลียสซังแล้วสินะ”
“อื้ม ดีแล้วล่ะที่เธอไม่มีปัญหาอะไร”
“แต่สัปดาห์ที่แล้วเธอดูเย็นชามากเลยนะ หรือว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในช่วงวันหยุด?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ”
นัตสึโอมิตอบกลับไปอย่างห้วนๆเพื่อไม่ให้เคย์สงสัยพร้อมกับกัดครอแก็ตแล้วละสายตาไปจากเคย์
(ผู้แปล: ครอแก็ต-ของทอดชนิดหนึ่งที่ทำมาจากมันฝรั่ง)
ที่ผมไม่ได้บอกเขาไม่ใช่เพราะอายหรอกนะแต่เป็นเพราะว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาสถานการณ์ของคนอื่นมาเล่านะสิเพราะงั้นผมเลยตัดสินใจที่จะไม่บอกเคย์เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
นัตสึโอมิเหลือบไปมองทางวิลเลียสที่กำลังหั่นขนมปังให้เป็นชิ้นพอดีคำจากนั้นเธอก็เอาเข้าปาก
วิลเลียสซังนั้นนั่งอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้หญิงที่ห่างออกไปจากผมเล็กน้อยและดูเหมือนว่าเธอเองก็พยายามที่จะรับฟังและตอบกลับพวกเขาด้วยท่าทีที่งุ่มง่าม
(……รอยยิ้มตอนนี้แข็งทื่อเป็นบ้าไม่เห็นจะเหมือนตอนที่ยิ้มให้ฉันตอนนั้นเลย)
ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังรู้สึกว่าตัวเองนั้นอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆในห้อง
เคย์ก็ได้โน้มตัวเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มไปทางนัตสึโอมิที่กำลังยิ้มให้กับวิลเลียส
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ หรือว่านายจะสนใจวิลเลียสซัง แปลกนะเนี่ยที่นายจะสนใจในตัวผู้หญิงแบบนี้”
“ไม่ใช่เฟ้ยย ฉันก็แค่คิดว่าคนที่กำลังพยายาเนี่ยมันสุดยอดมากแค่นั้นเอง”
“จะใช่แน่เรอะ~”
นัตสึโอมิได้ยัดขนมปังเข้าไปในปากของเคย์เพื่อที่จะให้เขาหยุดพูดหัวข้อนี้
ผมละสงสัยจริงๆว่าไอ้หมอนี่กำลังคาดหวังอะไรจากผม
☆ ☆ ☆ ☆ ☆
หลังเลิกเรียน
ในตอนนี้นัตสึโอมิก็อยู่ในห้องทำงานของโบสถ์พร้อมกับวิลเลียสตามที่เคยนัดหมายกันเอาไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จากนั้นเขาก็ยื่นเอกสารที่ได้รับตราประทับการอนุมัติเข้าทำงานให้กับเธอ
“งั้นผมจะอธิบายรายละเอียดของงานให้ฟังนะ”
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
วิลเลียสพยักหน้าพร้อมกับเอาปากกาและสมุดจดที่เข้าคู่กันออกมา
**ช่วงนี้ขอสรุปสั้นๆเลยนะครับ
งานหลักๆที่ต้องทำก็คือการช่วยเหลือคริสตจักรในช่วงที่มีพิธีใหญ่ๆเช่นงานสักการะบูชาแต่ก็อาจจะมีบางครั้งที่ขอให้ช่วยในงานปกติทั่วไปอย่างงานแต่งงาน แต่ว่างานพวกนี้นานๆจะมาให้ทำครั้งนึงเพราะงั้นสิ่งที่พวกเขาต้องโฟกัสก็คือการช่วยเหลือ โอเน่จัง คาสึมิ และคนอื่นๆที่ทำงานอยู่ในโรงเรียนเพราะอาจจะมีบางกิจกรรมที่ขาดแคลนคนก็สามารเข้าไปช่วยได้และจะได้เงินเพิ่มแต่กลับกันถ้ามีจำนวนคนที่เพียงพอก็จะไม่ได้เงินเพราะงั้นงานนี้ก็ไม่ค่อยที่จะมั่นคงมากนักแต่ในกรณีของนัตสึโอมิก็คือเขาเป็นนักเล่นออร์แกนเลยได้ค่าเหนื่อยจากโบสถ์แต่นี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับวิลเลียสเขาเลยไม่ได้บอกส่วนนี้กับเธอไป
หลังจากที่นัตสึโอมิบอกรายละเอียดของงานเสร็จแล้ว วิลเลียสก็ได้ปิดสมุดจบพร้อมกับพยักหน้า
“ขอบคุณที่อธิบายนะคะ ฉันพอจะเข้าใจในสิ่งที่ต้องทำแล้วค่ะ แต่ว่าพอพูดถึงงานสักการะ งานที่จะจัดขึ้นในอีกไม่นานนี้ก็น่าจะเป็นช่วงอีสเตอร์ใช่มั้ยคะ?”
“ใช่ เห็นเขาว่าจะจัดขึ้นในช่วยปลายเดือนนี้น่ะ”
วันอิสเตอร์นั้นเป็นวันสำคัญของศาสนาคริสต์เพื่อที่จะระลึกถึงการคืนพระชนม์ของพระเยซูงานนี้ก็ถือว่าเป็นงานทางศาสนาที่ยิ่งใหญ่ของปีเลยละถึงญี่ปุ่นจะมีการนับถือศาสนาต่างๆมากมายแต่ก็มีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับไข่เกิดขึ้นเรื่อยๆซึ่งนั่นก็สอดคล้องกับวันอิสเตอร์เพราะงั้นทุกคนก็น่าจะคุ้นๆกับชื่อนี้มาก่อน
ปกติแล้วงานอิสเตอร์จะถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์หลังจากที่ผ่านวันเพ็ญแต่ว่าต้องย้ายไปจัดในช่วงวันวสันตวิษุวัตเพราะว่าโบสถ์ของโรงเรียนโทเซนั้นมักจะถูกใช้ในเดือนเมษายนเพราะงั้นทางโรงเรียนจึงต้องจัดงานนี้ในช่วงปลายเดือน
(ผู้แปล:วสันตวิษุวัต-ประมาณวันที่ 20หรือ21 เป็นวันที่กลางวันและกลางคืนเท่ากัน)
“การที่คุณจะหาเงินให้ได้เยอะๆคุณก็ต้องเข้าร่วมกิจกรรมให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะงั้นคุณมีเวลาว่างเยอะมั้ยครับ?”
“ค่ะ ฉันก็ไม่มีแผนที่จะไปทำอะไรด้วยเพราะงั้นไม่ต้องกังวลไปหรอกค่ะ”
จากนั้นวิลเลียสก็เอาสมุดที่เป็นยี่ห้อเดียวกันกับสมุดแมวที่เอาออกมาก่อนหน้านั้นออกมาแล้วเธอก็จดกำหนดการของวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงเข้าไป
(…….ไม่คุ้นกับยี่ห้อนี่เลยแฮะ หรือว่ามันเพิ่งจะมาเป็นที่นิยมในช่วงนี้?)
ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังอธิบายเกี่ยวกับงานที่ต้องทำในวันอิสเตอร์เขาก็ได้เหลือบไปมองสิ่งของที่เกี่ยวกับแมวของวิลเลียส
“ถ้างั้นคุณก็เข้าร่วมในงานพิธีสักการะกับนักบุญคนอื่นๆดีมั้ยครับ เพราะคุณก็เคยมีประสบณ์ในการรับชื่อมาจากพิธีบัพติศมาแล้วด้วย?”
“ถึงครอบครัวของฉันจะนับถือศาสนานี้มานานแล้วก็เถอะแต่ว่าฉันไม่ได้นับถือหรอกค่ะเพราะงั้นขอผ่านดีกว่าขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงนะคะ”
“อ๊ะ คุณไม่ได้นับถือศาสนานี้หรอกเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
วิลเลียสพยักหน้าลงพร้อมกับทาทางที่สงบเสงี่ยมเหมือนเคย
นี่มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอกเพราะโรงเรียนที่มีการสอนศาสนาก็ยังมีคนที่ไม่ได้นับถืออะไรอยู่เหมือนกัน แต่สิ่งที่ผมแปลกใจนั้นก็คือวิลเลียสซังไม่ได้นับถือศาสนาอะไรเลยทั้งๆที่เธอมีชื่อที่ได้รับมาจากพิธีบัพติศมา
“ถ้างั้นคุณที่เล่นออร์แกนอยู่ที่โบสถ์หรือว่าคุณจะนับถือศาสนาคริสต์เหรอคะ?”
“ไม่ครับผมเองก็ไม่ได้นับถือศาสนาอะไรหรอกแต่พ่อแม่ของผมเป็นคริสเตียนเพราะงั้นผมเลยมีความเกี่ยวข้องกับศาสนานี้อยู่บ้างครับ”
“เหมือนกับฉันเลยสินะคะ”
คำอธิบายของวิลเลียสซังนั้นก็มีเหตุผลมากพอเพราะงั้นผมจึงไม่ถามคำถามอะไรเพิ่มไปอีก
ชื่อที่ได้มาจากพิธีบัพติศมานั้นก็ไม่ได้พิเศษอะไรหรอกเพราะผู้ที่ศรัทธานั้นจะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้มันไม่มีกฎหมายบังคับอะไรและก็ไม่มีผลต่อทะเบียนบ้านด้วย
ก็ไม่แปลกหรอกที่วิลเลียสซังจะได้รับการตั้งชื่อไปด้วยเพราะครอบครัวของเธอเป็นคนที่เคร่งศาสนา นี่น่าจะเป็นสิ่งที่วิลเลียสซังหมายถึงมั้ง
ในขณะที่นัตสึโอมิกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“นัตจาง อยู่รึปล่าววว~~~?”
ผู้หญิงที่มีน้ำเสียงที่ร่าเริงสดใสและลากเสียงยาวที่มาพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าก็ได้เดินเข้ามาในห้องทำงาน
“อาจารย์คาตากิริครับตอนนี้ยังอยู่ในโรงเรียนอยู่นะเลิกเรียกผมแบบนี้สักทีเถอะ”
“อ๊ะ ลืมไปเลย แต่ที่นี่ไม่มีคนนี่น่าไม่เป็นไรหรอก”
“ไม่แปลกใจเลยจริงจริ๊งที่อาจารย์จะโดนผู้อำนวยการบ่นใส่อยู่ตลอดอย่างงั้นน่ะ!!”
“โม่ พูดจาหยาบคลายอีกแล้ว ทำไมนัตจังถึงทำตัวไม่น่ารักลงทุกปีกันล่ะ”
คาสึมิได้ถอนหายใจยาวพร้อมกับยักไหล่และส่ายหัวไปพร้อมๆกัน
ดูเหมือนว่าความงี่เง่าของคาสึมิจะเลวร้ายลงเรื่อยๆเลยแฮะ ถึงจะพูดไปก็ไร้ประโยชน์เพราะงั้นผมจึงเลือกที่จะเงียบไปส่วนวิลเลียสก็นั่งดูพวกเราทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสนิทสนมด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อ๊ะใช่สิผมควรจะแนะนำให้คุณรู้จักก่อน เธอคือครูประจำชั้นของพวกเราและเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมน่ะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ อย่างนี้นี่เอง…”
วิลเลียสพยักหน้าที่สื่อถึงความเข้าใจจากนั้นคาสึมิก็ยิ้มออกมาด้วยความอบอุ่นแล้วเข้าไปจับมือวิลเลียส
“วิลเลียสซังเข้ามาสมัครงานที่นี่เหรอ คุณช่วยสนิทกับนัตจังได้รึเปล่า? ถึงเขาจะดูไม่สบอารมณ์อยู่ตลอดเวลาแต่เขาก็เป็นเด็กดีมากเลยนะ”
“ค่ะ ฉันรู้อยู่แล้วค่ะเพราะงั้นมันคงจะดีไม่น้อยถ้าฉันได้ร่วมงานกับเขา”
“เอ๊ะ? คุณรู้จักเด็กคนนี้อยู่แล้วเหรอ หืม..?”
พอเห็นคาสึมิที่กำลังกระพริบตาถี่ๆพร้อมกับเอียงศีรษะด้วยความสงสัยนัตสึโอมิก็ได้เบี่ยงประเด็นก่อนที่คาสึมิจะถามอะไรไปมากกว่านั้น
“แล้วอาจารย์คาตากิริมาที่นี่ทำไม หรือว่าจะมีปัญหาอีกแล้วสิท่า?”
“ไม่ใช่แบบนั้น แล้วก็เลิกประชดกันทุกครั้งในตอนที่ฉันมาที่นี่ได้แล้ว!! คือฉันต้องการให้นายมาช่วยขนแผ่นพับสำหรับพิธีสักการะที่จะจัดขึ้นในอาทิตย์หน้าน่ะหรือไม่ก็ขนส่วนของฉันไปด้วยเลยก็ได้!!”
“แล้วทำไมต้องทำสีหน้าโกรธกันด้วยละ”
เฮ้ออ จริงๆเลยนี่มันก็แค่งานน่าเบื่ออย่างที่คิด ผมชินกับมันแล้วล่ะก็เธอเล่นทำแบบนี้ทุกครั้งในตอนที่มาที่นี่เลยล่ะจริงๆเธอก็แค่อยากจะใช้มันเป็นข้ออ้างเพื่อที่จะหนีจากการประชุม
แต่เนื่องจากผมได้รับการดูแลจากเธอมาเป็นอย่างดีมันเลยทำให้ผมเกลียดเธอไม่ลงจริงๆเพราะงั้นผมเลยไม่คิดที่จะปฏิเสธเธอและได้ลุกออกจากที่นั่ง
“โทษทีนะวิลเลียสซัง รอสักแป๊บได้ไหม เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”
“ได้ค่ะ”
“นัตจังของฉันเนี่ยพึ่งพาได้จริงๆเลยน้าตรงประเด็นตลอดเอาล่ะเรารีบไปทำกันเถอะรีบทำรีบเสร็จ”
นัตสึโอมิถอนหายใจออกมาพร้อมกับเดินตามคาสึมิที่ยิ้มอย่างอารมณ์ดีโดยที่ทิ้งวิลเลียสเอาไว้
☆ ☆ ☆ ☆ ☆
ติดตามผลงานเพิ่มเติมได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya เลยครับ