ผมได้ดูแลคูเดอเรลล่าข้างห้องและลงเอยด้วยการให้กุญแจบ้านกับเธอไป(I Spoiled “Quderella” Next Door and I’m Going To Give Her a Key to My House) - ตอนที่ 0
“ขอโทษนะที่มาสาย นัตสึโอมิ”
ตอนนี้ก็ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว ในขณะที่ผมกำลังเตรียมไก่ทอดคาราอาเกะ ผมก็ได้ยินเสียงเปิดประตู และเสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาในห้อง
ผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้ามาเธอก็คือ ยุย เอลียาห์ วิลเลียส เธอเป็นนักเรียนมัธยมปลายอายุสิบเจ็ดปีและเธอก็เป็นเจ้าหญิงตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะ ทั้งในนามและความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนที่เคร่งศาสนา แต่เธอก็มีชื่อกลางที่ได้รับจากพิธีบัพติศมา เพราะว่าเธอมาจากครอบครัวคริสเตียนที่นับถือศาสนาของชนชั้นสูงในอังกฤษ
(ผู้แปล : พิธีบัพติศมาหรือจะเรียกอีกอย่างว่าพิธีศีลล้างบาปเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์)
ยุยนั้นมีดวงตาสีฟ้าเข้มและผมตรงยาวสีดำเป็นประกาย ผิวของเธอเป็นสีขาวราวน้ำนมโปร่งใสและมีขนตาเรียวยาวอย่างเห็นได้ชัดถึงแม้จะมองจากระยะไกล ริมฝีปากของเธอบางเข้ารูปมีสีชมพูสวยงามราวกับดอกซากุระ
เธอมีความไร้เดียงสาสมกับวัยเด็กมัธยมปลาย แต่ว่าเธอมีรูปร่างหน้าตาที่เรียบร้อยสวยงามมากกว่าที่จะเรียกว่าน่ารัก ยุยนั้นสูงกว่าเด็กผู้หญิงคนอื่นๆในวัยเดียวกันเล็กน้อยเธอมีแขนขาที่เพรียวบางและมีสัดส่วนที่ดี ท่าทางของเธอดูสงบเสงี่ยมเต็มไปด้วยความสง่างาม ถ้าเธอไม่สวมเครื่องแบบนักเรียนแล้วละก็ เธอจะให้ความรู้สึกที่ดูเหมือนผู้ใหญ่เล็กน้อยเลยล่ะ
นอกจากเรื่องหน้าตาที่ดูดีแล้ว เธอยังให้ความรู้สึกที่เย็นชาอีกด้วย นั่นเลยทำให้เพื่อนร่วมชั้นเรียกเธอว่า “ เจ้าหญิงคูเดอเรลล่า” ด้วยความชื่นชมและยกย่อง ผมอาจจะเป็นคนเดียวก็ได้ที่คิดว่าพวกนั้นคิดกันเอาเองอยู่ฝ่ายเดียวทั้ง ๆที่ยุยดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบชื่อเล่นแบบนี้ซักเท่าไหร่
ยุยที่เดินเข้ามาในห้องเธอก็แอบเหลือบมองไปที่มือของนัตสึโอมิที่กำลังเตรียมอาหารเย็น พร้อมกับเก็บกุญแจสำรองไว้ในกระเป๋าของเธอ
“มื้อเย็นวันนี้…เป็นคาราอาเกะงั้นเหรอ?”
“ใช่แล้วล่ะเพราะวันนี้ไก่มันลดราคาน่ะ”
“อื้ม ฉันชอบคาราอาเกะของนัตสึโอมิที่สุดเลย ฉันจะตั้งตารอนะ”
ยุยดูภูมิใจมากที่เธอเดาถูก และนัยน์ตาสีฟ้ากลมโตของเธอก็หรี่ลงอย่างน่ารัก
เธอแสดงด้านที่น่ารักให้ผมเห็นต่างกับตอนที่อยู่ในโรงเรียนนั่นมันทำให้เธอดูมีเสน่ห์เป็นอย่างมาก ผมพยายามที่จะปกปิดความเขินอายของตัวเองด้วยการไอเบาๆ เพื่อไม่ให้ยุยรู้ตัว
“ผมดีใจนะครับที่เธอตั้งตารอ แต่ทำไมเธอไม่ไปเปลี่ยนชุดที่มันดูสบายกว่านี้ก่อนล่ะ ยังไงห้องของพวกเราก็อยู่ใกล้กันด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่อยากจะมาที่นี่เร็วๆน่ะ แต่ถ้านายต้องการฉันจะไปเปลี่ยนให้ก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไร ผมชินแล้ว ถ้าเธอโอเคกับมันก็ดีแล้วละ”
“แล้ว มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?”
ในขณะที่ยุยเอียงศีรษะแล้วมองมาที่ผม กลิ่นอันหอมหวานจากผมของเธอก็ลอยเข้ามา
นั่นเป็นเพราะห้องครัวของอพาร์ตเม้นต์เดี่ยวไม่ค่อยที่จะกว้างมากนัก เลยทำให้พวกเรายืนใกล้กัน
เรื่องนี้เป็นข้อพิสูจน์ได้เลยว่ายุยนั้นไว้วางใจในตัวผมขนาดไหน แต่ผมก็ยังไม่ชินอยู่ดีกับความจริงที่ว่ายุยคนนั้นจะเข้ามาพึ่งพาผม
จากนั้นยุยก็แหงนหน้าขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างขบขัน
“อะไรกัน? หรือว่านายกำลังเขินอยู่งั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เฟ้ย!! ไปนั่งรอที่โต๊ะซะมันเกะกะผมทำอาหารน่ะ”
“อื้ม โอเค งั้นฉันจะเตรียมจานรอนะ”
ผมยิ้มให้กับรอยยิ้มที่ซุกซนของยุย ก่อนจะละสายตาไปจากเธอและจดจ่อกับการทำอาหาร
ยุยได้วางจานไว้บนโต๊ะตามที่ผมเคยสอนเธออย่างเชี่ยวชาญ
โต๊ะในห้องของผมนั้นมันเป็นโต๊ะเล็กๆที่มีไว้สำหรับคนเดียว
แต่ยุยเธอได้แก้ปัญหานี้โดยนำกระดาษแข็งที่ประกอบเอาไว้แล้วมาวางไว้ข้างๆ
ผมได้มองดูยุยจากห้องครัวและผมก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นยุยที่เอามือแตะไว้ที่คางแล้วกำลังทำท่าทางกังวลใจ
และนี่ก็คือกิจวัตรประจําวันของผมในทุกวันนี้
ตลอดหลายปีที่ผมอยู่ตัวคนเดียวในช่วงมัธยมปลาย ผมไม่เคยคิดเลยว่าวันนึงผมจะต้องมาดูแลและทำอาหารให้กับคนอื่น แล้วยิ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ทั้งสวยและน่ารักแบบยุยแล้วละก็ มันเหมือนกับฝันเลยละ
หลังจากเลิกเรียนผมและยุยมักจะแวะไปที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเพื่อซื้อวัตถุดิบสำหรับการทำอาหารเย็นที่บ้านของผมและจากนั้นพวกเราก็จะนั่งรอบโต๊ะอาหารเล็กๆแล้วคุยกันในเรื่องต่างๆก่อนที่ผมจะรู้ตัวกิจวัตรประจําวันแบบนี้ก็เป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ในระหว่างที่ทอดไก่ผมก็เผลอยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
“นัตสึโอมิ มีอะไรงั้นเหรอ? ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียว”
“ป..เปล่า ไม่มีอะไร ผมก็แค่..”
ยุยที่มองเข้ามาในห้องครัวพร้อมกับกำลังถือจานสำหรับสองคนอยู่ในมือ
เธอเอียงศีรษะอย่างสงสัยจากนั้นยุยก็ส่งยิ้มที่ดูซุกซนออกมา
“คุณยุยมีอะไรงั้นเหรอครับ”
“เห็นนัตสึโอมิมีความสุข ฉันก็พลอยมีความสุขไปด้วยค่ะ”
ยุยได้หัวเราะคิกคักพร้อมกับรอยยิ้ม จากนั้นเธอก็หยิบกะหล่ำปลีแล้วเกลี่ยลงบนจานที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารเล็กๆ
และผมก็ได้นำคาราอาเกะที่ทอดกรอบไปวางไว้บนโต๊ะต่อหน้าดวงตาที่หน้ารักของยุยที่กำลังเปล่งประกายไปด้วยความสุข
“งั้น เรามากินตอนที่มันกำลังร้อนๆอยู่เถอะ”
“อื้ม ขอบคุณสำหรับอาหารนะนัตสึโอมิ”
ผมและยุยนั่งลงที่โต๊ะอาหารในตำแหน่งตรงกันข้ามกัน จากนั้นผมและเจ้าหญิงผู้หิวโหยก็พูดว่า
“อิทาดาคิมัส” ก่อนรับประทานอาหาร
สร้อยข้อมือสีเงินที่แสดงให้เห็นจากข้อมือของทั้งสอง มีตัวอักษรที่สลักว่า สวารอฟสกี้ ก็เปล่งประกายแวววาว
(ผู้แปล: swarovski คือ ผู้ผลิตคริสตัลชั้นนำของโลก )
นัตสึโอมิกับยุยได้สังเกตเห็นสร้อยข้อมือแล้วยิ้มให้กันด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย
และนี่คือภาพชีวิตประจำวันของทั้งคู่ ที่ทานอาหารเย็นด้วยกันทุกวัน
เป็นกิจวัตรประจําวันที่เกิดขึ้นในช่วงที่ดอกซากุระบาน
✩ ✩ ✩ ✩ ✩ ✩
สำหรับใครที่อยากติดตามผลงานเพิ่มเติมสามารถติดตามได้ที่ แปลมังงะ By.Kiruya เลยนะครับ(ชื่อเพจแปลมังงะ แต่มาแปลนิยาย เอาเถอะช่างมันละกัน)