ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น - ตอนที่ 57
บทที่ 57 – โรสกับโบราณสถาน
ชั้นออกไปนอกยานสำรวจพบว่าภายในนี้เป็นเหมือนในถ้ำลึกแห่งหนึ่ง อืม… ชั้นส่งสัญญาณดาวเทียมหาตัวชั้นเองก็ไม่พบว่าตัวเองอยู่ที่ไหน
ตอนนี้ยานของชั้นพุ่งชนใส่ผนังเต็มแรง แม้จะไม่สร้างความเสียหายให้ยาน แต่ก็ใช้งานไม่ได้ไปสักพักเกิดจากความเลินเล่อในการสร้างของชั้นนั่นแหละ
ก่อนอื่นเลย…ตอนนี้เป็นตอนกลางคืน ริต้ากับลิลิซคงหลับอยู่ชั้นต้องหาทางออกจากที่นี่ก่อนจะเป็นเรื่องวุ่นวาย
และปัญหาคือ.. ต้องรีบไปหาหนังสือมาอ่านอีกด้วย ก่อนอื่นชั้นต้องตรวจสอบก่อนว่ามาที่นี่ได้ยังไง
ชั้นเดินไปยังผนังอีกฝั่งที่ดูเหมือนจะเป็นทางที่ยานเราพุ่งออกมา มันมีวงแหวนเวทขนาดใหญ่อยู่..
“เวทมนตร์เคลื่อนย้ายทางไกลสินะ”
แต่ว่ายานของชั้นมันบินอยู่บนอากาศนี่น่า วงเวทแบบนี้น่าจะเขียนลงบนพื้นดินได้เท่านั้นสิ..
“เอ่อ…”
ตอนนั้นเองชั้นก็เดาบางอย่างได้.. คงเป็นเพราะตอนนั้นเครื่องบินกำลังตกแน่ๆ .. ซวยซ้ำซวยซ้อนซวยซ่อนเงื่อนสินะ
ชั้นมองไปอีกด้านหนึ่งที่เป็นทางเดินยาวไป มีแสงจากคริสทัลสีฟ้าบางอย่างส่องแพรวพราวเป็นแสงนำทาง
“อืมมมม.. ถึงดูเหมือนจะมีปัญหาก็เหอะ.. แต่ก็มีแต่ต้องไปสินะ…”
ชั้นตัดสินใจเดินตามทางไป เป็นไปได้อยากที่จะอยู่เฉยๆ แต่ว่าก็ต้องหางทางออกล่ะนะ เพราะถึงชั้นจะเข้าไปในจุดจบได้
แต่คนอื่นเข้าไปก็จะกลายเป็นความว่างเปล่าไม่ลงเหลือแม้แต่นามธรรมเกี่ยวกับตัวตนเลย
ดังนั้นทางที่ดีคือไปทางนี้.. และถ้าจะให้ชั้นใช้กำลังออกไปคงจะป่าเถื่อนไปหน่อย.. เพราะตั้งแต่มาโลกนี้ไม่เคยต่อยแบบป่าเถื่อนพลังเกินครึ่งเลย
ชั้นเดินไปตามทางที่มีแสงจากคริสทัลส่องออกมาแพรวพราว ให้ความรู้สึกอีกแบบที่แปลกประหลาด
ไม่รู้ว่าทางมันสั้นหรือชั้นเดินเร็ว เพราะไม่นานก็มาถึงลานกว้างที่เหมือนจะเป็นห้องบอสตามนิยายแนวเกม
ซึ่งพูดแบบนี้น่าจะเป็นการปักแฟล็คให้บอสโผล่.. แต่ในห้องนี้ยังมีคริสทัลสีฟ้าโผล่มากมายราวกับดินแดนแห่งคริสทัล
ถามว่าเจ้านี่คืออะไร.. มันคงเป็นคริสทัลเวทมนตร์แหละนะ คริสทัลพวกนี้ค่อนข้างราคาแพง เพราะมันมีเวทมนตร์ในตัวและเมื่อใช้หมดมันก็จะดูดซับมาจากธรรมชาติเพื่อเติมเต็มตัวมันอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมี… โครงกระดูกสีน้ำเงินขนาดใหญ่พร้อมทั้งมีจุดแสงมากมายตามกระดูกซึ่งวางอยู่แถวๆ นั้น…เป็นสัตว์มีหางยาวสองขาขนาดใหญ่ลำตัวโค้งยาวมีกระดูกสันหลัง
มีปีกขนาดใหญ่..และหัวขนาดใหญ่พร้อมทั้งเขี้ยวฟันอันแหลมคม..
“มังกร!?”
ชั้นอุทานออกมา.. มังกรแน่นอน ดูจากลักษณะแล้วคงเป็นมังกรไม่ผิด แต่กระดูกสีน้ำเงินประดับประดาไปด้วยจุดแสงจนเหมือนห้วงอวกาศที่มืดมิดและแสงดาวนับไม่ถ้วน
“มังกรคริสทัลดารา”
นี่คือชื่อของมัน กล่าวว่าในโลกนี้เคยมีปรากฏขึ้นแค่หนึ่งครั้ง มันเฝ้าวิหารโบราณ ความแข็งแกร่งของมันไม่ระบุ จึงไม่กล่าวถึงว่ามันเก่งขนาดไหน
แต่จากระดับของมัน..และกระดูกมันตรงหน้า.. คือบรรพบุรุษของมังกรแก้วนภา!
แต่ตอนนี้มันตายกลายเป็นศพ.. ชั้นเดินเข้าไปตรวจสอบกระดูกแม้จะเป็นวัตถุดิบที่ดีในการทำชุดเกราะแต่ว่าตามตำนาน
กระดูกหนึ่งชิ้นของมันประกอบไปด้วยความอันตรายมากมาย.. ชั้นลองจับไปดูกระดูกมันเหมือนจะมีชีวิต กลายเป็นของเหลว
แทรกซึมเข้าสู่ผิวหนังชั้น.. แต่เหมือนจะไม่สำเร็จ.. เอ่อ … ไม่สำเร็จจริงๆ นะ ชั้นยังไม่ป้องกันอะไรเลยนะ.. มังกรนี่อ่อนไม่สมคำร่ำลือเลยจริงๆ(?)
ยัยมังกรแก้วนภานั่นเหมือนจะเก่งกว่าด้วยซ้ำ..(นี่แค่กระดูก..).. แต่กระดูกนี่ดูยุ่งยากที่จะทำเป็นอาวุธด้วย.. ไปทำซุปกระดูกมังกรกินละกัน?
ตัดสินใจแบบนั้นก็หอบกระดูกมังกรเข้าไปในช่องเก็บของ.. ไม่คิดว่าผ่านมาคราวนี้จะได้รับอาหารจานเด็ดมาด้วย ถึงจะไม่รู้ว่ารสชาติดีไหมก็เถอะ
เบื้องหลังของแท่งคริสทัลมากมาย.. ไม่น่าเชื่อว่ามี วิหารอยู่! แต่ค่อนข้างเก่าแถมดูเหมือนมีลายลักษณ์อักษรมากมายเขียนไว้ด้วย
“โบราณสถานงั้นรึ?”
ชั้นเดินตรงไปยังวิหาร ตามผนังก็มีรูปสลักไว้มากมายพร้อมภาษา.. ที่ชั้นไม่รู้จัก!?
เป็นไปได้? ชั้นที่รู้ภาษาทุกภาษาตั้งแต่โลกกำเนิดเพราะเทพธิดาจัดสรรมาให้เนี่ยนะ?
ก็แบบชั้นอยากรู้มากกว่านี้นี่น่า แต่ตอนนี้ก็ได้แต่ดูรูปล่ะนะ รูปมีมนุษย์กำลังกราบไว้บางอย่างอยู่
มันเป็นเหมือนกับดวงดาวนับไม่ถ้วน.. แต่ก็เหมือนไม่มีอยู่แต่ชั้นรู้สึกเหมือนว่า นี่แหละคือสิ่งที่คนรูปกำลังกราบไว้อยู่
ต่อมาก็มีมังกรปรากฏขึ้นมา.. ราวกับว่าสิ่งดังกล่าวสรรค์สร้างมันขึ้นมา แต่ในตอนนั้นเองก็มีพายุร้ายปรากฏออกมา
นั่นคือบางสิ่งบางอย่างคล้ายมนุษย์ มาคว้าเอาบางอย่างจากสิ่งที่คล้ายดวงดาว ทำให้มันแข็งแกร่งและช่วงชิงการเคารพนอบน้อมมาเป็นของตนเอง
และสร้างแสงศักดิ์สิทธิ์อันมืดมนต์ออกมาจากตัวเอง
“ถ้าชั้นอ่านออกคงจะเข้าใจอะไรมากขึ้นกว่านี้”
ชั้นดูภาพถัดไปคือเจอกับผู้คนกำลังกราบไหว้สักการะเจ้าคนที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์.. ต่อมาก็แบ่งออกเป็นดินแดน สร้างเพิ่ม.. ขึ้นปกครอง.. เป็นเหมือนอาณาจักร
และสิ่งที่ไร้รูปนั้นก็เหมือนเกรี้ยวโกรธหากแต่ก็เต็มไปด้วยความรักมิอาจทำร้ายคนเหล่านั้นได้ลง.. จนสรรค์สร้างวิหารนี้ด้วยน้ำตาหนึ่งหยด….
“…..”
ถ้าจะให้อธิบายคือน้ำตาหนึ่งหยดของสิ่งนั้นคือสร้างที่แห่งนี้.. เต็มไปด้วยคริสทัลเวทมนตร์อันล้ำค่า
และสิ่งสุดท้ายที่ชั้นเห็นคือ… ผู้คนกำลังสร้างรูปปั้นของคนที่ช่วงชิงความศรัทธาจากบางสิ่งบางอย่างที่ไร้รูปลักษณ์นั้นไป
เริ่มมีกลุ่มคนตั้งกฎเกี่ยวกับสักการบูชา เรียกขาน เคารพ… สืบต่อมาชั่วกาลเวลาและตลอดไป…
“ศาสนจักร!”
ชั้นอุทานออกมา.. หมายความว่าเทพหรือแม้แต่เทพธิดาชารอนคือผู้ที่ช่วงชิงสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองมา?
นี่มันเรื่องอะไร.. ชั้นไม่เห็นจะเข้าใจหรือไม่เคยอ่านมาก่อน สังเกตจากโลกเดิมชั้นก็มีการบูชาสิ่งที่เป็นเหมือน ‘เทพเจ้า’ เหล่านั้น
อ่า.. ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่เรื่องที่ชั้นไม่เข้าใจนี่แหละยิ่งน่าค้นหาเข้าไปอีก! รู้สึกว่าไม่ได้รู้สึกโหยหาแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ
ความต้องการความรู้ที่ยังไม่รู้เนี่ย
ในขณะที่ดูเพลินชั้นก็เดินมาจนถึงปลายทางข้างหน้ามีปราสาทคริสทัลขนาดใหญ่ตั้งอยู่
ด้วยความสงสัยชั้นเลยเดินเข้าไปในปราสาทที่ว่านั้น เมื่อก้าวเข้าไปภายในก็ตกแต่งด้วยของหลายสิ่งหลายอย่างดูหรูหรา
ซึ่งมีแต่อุปกรณ์ชั้นเยี่ยมที่สามารถใช้ในการสร้างอาร์ติแฟ็คได้..แบบนี้ก็ดีน่ะสิ ชั้นคิดได้แบบนั้นก็หัวเราะออกมา
ตรงกลางห้องโถงเมื่อเข้าปราสาทมา เจอกับรูปปั้นอันหนึ่งที่เป็นรูปแกะสลักจากคริสทัลล้ำค่า มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปเหมือนจะคว้าจับอะไรสักอย่าง
และมีเกล็ดบางอย่างร่วงลงมาจากมือตลอดเวลา… อืม….?
คือไรอ่ะ.. ด้วยความสงสัยชั้นเลยเดินเข้าไปใกล้ ซึ่งเกล็ดที่ว่านั่นไม่มีท่าทีว่าจะหมดเลย
มันออกมาจากไหนนะ ชั้นเดินเข้าไปใกล้พลางคิด ซึ่งแทบในชั่วพริบตานั่นเองร่างของใครสักคนก็พุ่งมาทางชั้นด้วยความเร็วที่ค่อนข้างน่าตกใจ
และโจมตีมาอย่างรวดเร็ว หมัดถูกปล่อยออกมาซึ่งน่าจะแรงพอตัว แต่ว่า.. ดูท่าไม่มีทักษะในการต่อสู้เลยสักนิด
ชั้นเลยเบี่ยงตัวหลบไปด้านซ้ายพร้อมกับผลักมือออกไป ก็ไม่คิดว่าจะแรงมากนะ.. แต่อันที่จริงควรรู้ไว้ว่า
ถึงชั้นจะผลักด้วยความแรงที่น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้..ก็.. เอ่อ.. ไม่อยากจะพูดอะ… ช่างเถอะ
และผลลัพธ์คือ…
“ตู้ม…”
“ห๊ะ..?”
ห๊ะ… ห๊ะ… เอ๊ะ.. หายไปเลยแฮะ.. คนเมื่อกี้นี้หายไปเลย..เอ่อ..ร่างเปราะไปไหมเนี่ยแค่ผลักเองนะขนาดริต้านี่ยังทนหมัดชั้นได้นะ
แต่นี่แค่ผลักเองนะ.. เอ่อ..?
………