ผมแค่อยากอ่านหนังสือ แต่ดันกลายเป็นหญิงในต่างโลกซะงั้น - ตอนที่ 54
บทที่ 54 – โรสกับตำราการล่าแม่มด
ชั้นปล่อยดาวเทียมลอยขึ้นไปเหนือพื้นทวีปไป จนมากพอจะส่องพื้นที่ในทวีปได้หลายส่วน แต่ก็อย่างว่า
ทวีปในโลกแห่งนี้ใหญ่กว่าทวีปเอเชียในโลกเดิมหลายเท่ามาก จึงไม่เสี่ยงที่จะส่งขึ้นไปสูงกว่านี้แม้จะครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะกว่าอยู่ดี
“เอาล่ะเดินทางกันต่อเถอะ”
“โอ้!!!” (ริต้า)
“แล้วจะไปที่ไหนเหรอคะ?”
ลิลิซถามขึ้นชั้นก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะว่าชั้นไม่รู้จักนี่น่า! ถึงจะมีดาวเทียมแต่ก็เห็นแค่ภูมิประเทศและตรวจจับหนังสือโดยละเอียดแค่นั้น
ใครจะไปรู้ล่ะ อืม.. แต่ชั้นคิดว่าสถานที่แรกคงไม่ไกลจากอาณาจักรฟิโอน่านี่มากเท่าไหร่
“ไม่ไกลจากอาณาจักรนี้หรอก ไปกันเถอะ!”
ชั้นพูดแบบนั้นก็ดึงริต้ากับลิลิซเข้าไปในยานน่านฟ้า ภายในเป็นมิติส่วนตัวโดยเฉพาะ ภายในนี้มีหนังสือเต็มไปหมด และเห็นห้องนอนสามห้อง
แล้วยังมีห้องอาหารอยู่ด้วย ใช่ นี่คือผลงานของชั้นเพราะวัสดุไม่พอเลยต้องเอาชิ้นส่วนจากปราสาทใต้ดินที่ชั้นเคยอยู่มาสร้าง
“ว้าวววว หนังสือเต็มไปหมดเลย!”
“ริต้า ฟังชั้นนะ ถ้าอยากจะอ่านน่ะ อ่านได้! แต่ว่า ห้าม! ทำ! หาย! หรือ! ทำลาย! หนังสือ! โดยเด็ดขาด!!”
ชั้นย้ำเตือนริต้าอย่างจริงจัง จนเหมือนริต้าจะร้องไห้เลยลิลิซเลยวิ่งมาตัดหน้าชั้นกับริต้าแล้วพูด
“ค่าๆ เข้าใจแล้วค่า!”
ชั้นเลยพยักหน้า “อ้อ แล้วก็ชั้นจะอ่านหนังสือสักหน่อยนะ อย่ากวนชั้นล่ะ” พูดแบบนั้นชั้นก็เดินเข้าไปในห้อง
ก่อนจะเข้าห้องเองก็ได้ยินเสียงลิลิซกับริต้าคุยกัน คงคิดว่าชั้นไม่ได้ยินละมั้งนั่นนะ
“พี่สาว ทำไมมะม๊าดูน่ากลัวจัง!”
“เธอก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะเธอชอบหนังสือมากไงล่ะ!”
“หนังสือมีอะไรสนุกงั้นเหรอ?”
“นั่นสิน้า… ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน!”
“ริต้าเองก็จะอ่านบ้าง!”
ชั้นยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว .. แบบนี้.. ให้ลิลิซเป็นพี่เลี้ยงเด็กก็ได้นี่น่า! อีกอย่างได้ยินมาว่าเด็กๆ ชอบอ่านหนังสือ
บางทีถ้าริต้าอ่านหนังสือจะเข้าใจถึงความสนุกสนานของมันก็ได้! ชั้นคิดได้แบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น แล้วเดินเข้าห้องไป
….
“ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ละกัน!”
ริต้าหยิบหนังสือสักเล่มมาอ่าน ลิลิซเหมือนจะรู้สึกเดจาวูหน่อยๆ ตอนที่ริต้าเปิดหนังสือของโรส
เพราะเหมือนเธอตอนเจอกับโรสใหม่ๆ .. ใช่แบ้ววินาทีต่อมาริต้าก็แสดงสีหน้างงงวยออกมา
“พี่สาว.. นี่มันภาษาอะไร!”
“ว่าแล้ว.. ขนาดจอมมารอายุมากกว่าร้อยปียังอ่านภาษาโบราณไม่ออกสินะคะ”
ลิลิซรู้สึกขำไม่ออก เพราะตอนแรกตัวเองก็เป็นแบบนี้ อ่านหนังสือภาษาดึกดำบรรพ์เหล่านี้ไม่ออก!
…….
ชั้นนอนลงบนเตียงนุ่มนิ่มอย่างสบายใจแล้วเอาหนังสือสองเล่มออกมา.. นี่คือหนังสือที่สุดแสนจะได้มาอย่างยากลำบาก
เล่มหนึ่งต้องตกเป็นที่สนใจ.. อีกเล่มหนึ่งต้องข้ามโลกไปโลกคู่ขนาน.. แต่ก็ถือว่าคุ้มเกินพอแล้ว!
ชั้นคิดว่าทุกคนที่รักหนังสือก็คงคิดเหมือนกับชั้น.. ละมั้ง..
เอาล่ะ.. งั้นจะมาอ่านเล่มไหนก่อนดี? อืมมมมมม
…
ชั้นว่าชั้นควรอ่านตำราประวัติศาสตร์การล่าแม่มดดีกว่า หลังจากค้างคากันมานานแสนนาน
ชั้นแน่นอนเอาเล่มแรกมาทวนใหม่ด้วย เพราะเหมือนอ่านจากหอสมุดในเมืองหลวงจะบิดเบือนความเป็นจริงไปมาก
ทุกอย่างล้วนเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าในศตวรรษที่ 10 นั้นมนุษย์ได้กดขี่ข่มเหงปีศาจหลังจากได้รับพลังจากเทพเจ้ามา
นั่นคือผู้กล้า! ศาสนจักรได้จับปีศาจมาทำเป็นทาสและค้าขายราวกับปศุสัตว์ จริงอยู่ที่จอมมารถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับต้องการมีการเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
แต่ส่วนหนึ่งก็คือการล้างแค้นและความป่าเถื่อนจึงเกิดขึ้นนั่นคือการกัดกินมนุษย์ทั้งเป็น แม้จะไม่ใช่อาหารอันโอชะ
แต่สำหรับพวกมันนี่คือการล้างแค้นอย่างหนึ่ง.. แต่ทว่าผู้กล้าก็ได้พิชิตจอมมารลง
แต่ที่เหนือความคาดหมายของชั้นคือ.. หลังจากนั้นศาสนจักรก็เริ่มทำการทดลองปีศาจ.. แม้ไม่ทราบทดลองอะไรแต่มันก็จับปีศาจไปทดลอง
ชั้นนึกถึงริต้าขึ้นมา… ชั้นจึงอ่านต่อ…
หลังจากที่จอมมารบอกจะกลับมาล้างแค้นในสักวัน ศาสนจักรก็ได้เริ่มบิดเบือนสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ทว่าพวกมันเข้าแดนปีศาจไม่ได้
นี่จึงเป็นเหตุผลที่พวกมันต้องฆ่ามนุษย์ที่เข้าไปในแดนปีศาจเพราะเกรงว่าพวกมันจะไปเห็นความจริงอีกด้าน แม้เป็นไปได้น้อยที่จะมีคนเชื่อ
แต่มันต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม! ชั่วโดยสันดาน.. และดูเหมือนเผ่าปีศาจเองก็ไม่ใช่คนดีอะไรขนาดนั้นจึงใช้พลังพันธสัญญา
ร่วมกับมนุษย์บางคนให้มีพลังเพื่อล้างแค้น หรือก็คือใช้ร่างมนุษย์นั่นเอง นี่คือ ‘แม่มด’ ตนแรก
และเหล่าศาสนจักรเองก็ไม่อยู่เฉยจึงเกิดการล่าแม่มดขึ้น ใครที่ทำผิดกฎเกณฑ์ของเรา จะฆ่าไม่เลี่ยง
เพราะพวกมันเองก็เกรงกลัว.. ถึงจะมีผู้กล้าแต่ผู้กล้าก็ตกตายตามกาลเวลา ดังนั้นพวกมันจึงใช้กระแสสังคมในการกดขี่มนุษย์ที่อาจจะเป็นพวกแปลกปลอมที่เรียกว่า “แม่มด”
แม้พวกมันจะได้รับพลังจากปีศาจมาแต่จิตใจก็ยังมีอยู่เมื่อถูกประณามจึงเป็นได้ทั้งขยะไร้ค่า
ในเวลาเดียวกันคนธรรมดาที่เพียงจะแค่ผิดกฎเกณฑ์นิดหน่อยก็อาจจะถูกสังหาร…
และเมื่อเวลาผ่านไป แนวคิดของแม่มดก็เริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ความชั่วร้ายของการล่าแม่มดจึงปรับเปลี่ยน….
จากการผิดกฎเป็นผู้ไม่เห็นด้วยต่อเสียงส่วนใหญ่จะถูกสังหาร ถูกฆ่า ไม่ว่าจะถูกหรือผิดเพียงแต่แค่ไม่ถูกต่อสังคม.. ก็มีโอกาสจะเป็นแม่มดซึ่งทำให้เกิดความแตกแยกของเผ่าพันธุ์
อ้างว่าเป็นแผนการของปีศาจชั่วร้าย.. ใช่.. ศาสนาจึงเริ่มบดบังสายตาทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยศาสนจักร
เรื่องนี้ไม่ได้เกิดทันที.. แต่เมื่อเวลาไหลผ่านไปทุกอย่างก็เริ่มเปลี่ยนปีแล้วปีเล่า ปีแล้วปีเล่า
จนกลายเป็นว่าหากเมืองไหนไม่มีการฆ่าแม่มดเกิดขึ้น จะถือเป็นกบฏต่อชาติ ศาสนา ทุกๆ อย่าง จะถูกรุมประณาม
แล้วภายหลังสุดท้ายการเข่นฆ่าเช่นนี้จึงเป็นอาวุธของเหล่าคนมีตัง เพียงแค่ไม่ชอบก็แค่สั่งประหารด้วยคำพูดที่ว่า
“เห็นต่างจากคนอื่นๆ ฝีมือปีศาจ”
หรือสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองขึ้นมา โดยอ้างว่า ‘นี่เพื่อผลประโยชน์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์’
กลายเป็นว่าทั้งกฎหมายและความเชื่อทางศาสนาก็ถูกสถาปนาขึ้นโดยมนุษย์ และนำมาใช้ฆ่ากันเอง
เพื่อตัวเอง เพื่อประโยชน์ สิ่งที่ตัวเองต้องการเพียงแค่เอ่ยว่า ‘มันคือแม่มด’ ก็ถูกนำมาเผาทั้งเป็น
แต่จุดจบของการล่าแม่มดก็คือผู้กล้าแสนดีคนหนึ่ง.. แต่สุดท้ายก็ต้องสิ้นชีวา.. การหายตัวไปของเผ่าปีศาจบางเผ่ายังเกิดขึ้นตลอดมา..
เหตุผลชั้นพอจะเดาออกว่าบางทีที่หายไปอาจจะถูกจับไปทดลองบางอย่างโดยศาสนจักรเป็นแน่… และเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับริต้า.. ที่มีร่างทรง
สุดท้ายชั้นปิดตำราการบ่าแม่มดลง.. ความผิดทั้งหมดเป็นของใคร มนุษย์หรือปีศาจ.. ไม่บางทีเมื่อมนุษย์ฆ่ากันเองปีศาจก็อาจจะหัวเราะสนุกสนาน
ราวกับว่ามองดูสัตว์ในสนามที่เข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง.. ฝั่งมนุษย์ก็ฆ่าเพื่อตัวเองอยู่รอด..
ความผิดทั้งหมดนั้นเป็นของใคร.. ถ้าไม่ใช่จุดเริ่มต้นและการออกกฎเกณฑ์หรือศาสนาที่บ้าคลั่งเหล่านั้น
…….
—–
[หลายท่านอาจจะสงสัยว่าทำไมการใช้ภาษาไม่เหมือนกับตอนที่แต่งอีกเรื่องเลย คือจริงๆ เรื่องนี้ผมเขียนหลายปีก่อนน่ะครับ พึ่งมาทยอยลง ใน Nekopost – ผู้เขียน]