ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 9 เจียงเฉิงเย่มาพูดถึงความร่วมมือ!
ฉินเฟยมองไปที่เหอฉิง ถ้าเขาเดาไม่ผิด เธอก็คือเลขาที่จางจงเยว่ส่งมาให้รับผิดชอบหน้าที่
“ขอโทษค่ะประธานฉิน ฉันมาสาย…” เหอฉิงอธิบายด้วยเสียงต่ำและไม่กล้ามองฉินเฟยโดยตรง ขณะพูดก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ
“เหอชิง คุณกำลังทำอะไร?” ในเวลานี้ เสิ่นเจียเหวินก็ก้าวมาข้างหน้า ใบหน้าที่สวยงามของเธอโกรธอยู่บ้าง “นี่คือรปภ.ที่มาสมัครงานที่บริษัทของเรานะ ประธานฉินอะไรกัน?”
“รปภ.ที่มาสมัครงาน?” เหอฉิงมองไปที่ฉินเฟยอีกครั้งด้วยความงุนงง เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋าและหารูปถ่าย จากนั้นก็เงยหน้ามองขึ้นไปที่ฉินเฟยอีกครั้ง ก่อนจะหันไปหาเสิ่นเจียเหวิน “รองประธานเสิ่น ฉันคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ฉันไม่ได้มองคนผิด นี่คือประธานคนใหม่ของบริษัทเรา ประธานฉิน”
เหอฉิงไม่รู้ว่าที่นี่เกิดความเข้าใจผิดอะไรขึ้น แต่ขณะพูดเธอก็รีบขยิบตาให้เสิ่นเจียเหวิน
ประธานคนใหม่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง อย่าได้ไปทำให้ประธานหนุ่มขุ่นเคืองเชียวนะ
“อะไรนะ?” ฝูงชนรอบๆ อ้าปากค้างขึ้นทันทีและมองฉินเฟยด้วยสีหน้าไม่คาดคิด
“ประธาน…ประธานฉิน?” เสิ่นเจียเหวินตะโกนเบาๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่คาดฝันและสงสัยว่าตนได้ยินผิดไปหรือเปล่า
ในฐานะรองประธาน เธอย่อมรู้อย่างแน่นอนว่าประธานบริษัทคนใหม่เป็นคนหนุ่มรุ่นเยาว์ อีกทั้งยังเป็นคนที่ประธานจางแต่งตั้งเป็นการส่วนตัว แต่ว่าจะมาเป็นฉินเฟยที่ทั้งตัวยากจนได้ยังไงกัน?
“คุณผู้หญิง ฉันว่า… คุณจำคนผิดหรือเปล่า?” เสิ่นหลิงเอ๋อร์กัดริมฝีปากของตนและมองไปที่เหอฉิงด้วยใบหน้าที่ตื่นตะลึง “ผู้ชายคนนี้คือฉินเฟย เพื่อนร่วมชั้นของฉัน คุณดูสิว่าเขาแต่งตัวซอมซ่อขนาดนี้ จะมาเป็นประธานคนใหม่ได้อย่างไร?”
นี่มันเป็นไปไม่ได้! ไหนเลยที่ประธานคนหนึ่งจะมาสวมเสื้อผ้าข้างถนน ถือแพนเค้กผลไม้และจักรยานยนต์ไฟฟ้า? และเมื่อคืนนี้เธอเพิ่งเข้าร่วมงานเลี้ยงของเพื่อนร่วมชั้น แต่ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนสนใจฉินเฟยด้วยซ้ำ!
“ถ้านี่คือฉินเฟย อย่างนั้นก็ไม่ผิด” เมื่อได้ยินชื่อที่เสิ่นหลิงเอ๋อร์เอ่ยออกมา เหอชิงก็พยักหน้าอย่างจริงจัง “ประธานคนใหม่คือ ฉินเฟย แถมฉันยังมีรูปของเขาอยู่ในโทรศัพท์มือถือด้วย”
“หึ่ง!”
ในพริบตา ทันทีหัวของเสิ่นหลิงเอ๋อร์ก็ว่างเปล่า!
เธอรู้สึกว่าขาของเธออ่อนยวบเล็กน้อย และไม่แม้แต่จะกล้ามองไปที่ฉินเฟย
หัวหน้ารปภ.เองก็ถึงกับโซเซถอยหลังไปสองก้าวแล้วนั่งลงบนพื้นทันที
ส่วนเสิ่นเจียเหวินที่อยู่ด้านข้างก็หน้าซีดเผือด
ในฐานะรองประธาน เธออยู่ต่ำกว่าคนเพียงหนึ่งคนและเหนือกว่าใครอีกหมื่นคนในว่านเซียง มูวี แต่เธอก็เป็นเพียงรองประธาน
เท่านั้นเอง
เมื่อกี้นี้ ตนถึงกับเอ่ยข่มขู่ว่าจะไล่ประธานออกไป อีกทั้งยังให้ประธานคนใหม่ทำความสะอาดหน้าประตู?
เสิ่นเจียเหวินรู้สึกแค่ว่าหนังศีรษะของตนชาไปทั่วเท่านั้น ใบหน้าเรียวไข่ของเธอแสดงสีหน้าที่หลากหลายออกมา!
“คุณฉิน ประธานฉิน ฉันขอโทษค่ะประธานฉิน เป็นฉันที่มีตาหามีแววไม่…” เสิ่นเจียเหวินสีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ เธอเดินไปหน้าฉินเฟยและโค้งคำนับเก้าสิบห้าองศา
โค้งเก้าสิบห้าองศาคือการแสดงความเคารพและขอโทษ!
“ผมคงรับของขวัญชิ้นใหญ่นี้ของคุณไม่ไหวหรอก” ฉินเฟยเยาะเย้ย “เสิ่นหลิงเอ๋อร์เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม ส่วนคุณก็นามสกุลเสิ่น หน้าตาก็ดูคล้ายกันอยู่บ้าง พวกคุณคงเป็นญาติกันใช่ไหม?”
เสิ่นเจียเหวินตัวสั่น เธอกัดริมฝีปากและกระซิบ “ฉันเป็นพี่สะใภ้ของหลิงเอ๋อร์ ประธานฉิน ฉันผิดไปแล้ว… ฉันรู้แล้วจริงว่าตนผิดไปแล้ว ฉัน…” เสิ่นเจียเหวินก้มหน้าลงอย่างแรงและเหลือบมองที่เสิ่นหลิงเอ๋อร์
อันที่จริง มีผู้บริหารของบริษัทจำนวนมากใช้อำนาจของตนในการนำญาติบางคนมาที่บริษัท แม้ว่าเรื่องแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ก็ต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์เช่นกัน โดยเฉพาะต่อหน้าประธานบริษัท
ที่สำคัญคือเธอและเสิ่นหลิงเอ๋อร์ยังเคยเย้ยหยันใส่ฉินเฟย และบอกว่าตนเองจะไล่ประธานออก
“ช่างเถอะ” ฉินเฟยโบกมือ เขาขัดจังหวะสิ่งที่เธอต้องการจะพูดและหันไปมองหัวหน้ารปภ.ซึ่งนั่งอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นว่าฉินเฟยมองไป หัวหน้ารปภ.ก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เหงื่อออกก้อนโตก็ไหลลงมา
“คิดเงินเดือนเดือนนี้ให้เขา แล้วไล่ออก!” ฉินเฟยเอ่ยจบก็หันตัวเข้าไปในบริษัท
“ค่ะ” เหอฉิงพยักหน้าด้วยความเคารพ
กลุ่มคนติดตามด้านหลังฉินเฟยไปและเดินเข้าไปในบริษัท
พนักงานที่ล็อบบี้ชั้นล่างก็กำลังพูดถึงเรื่องนี้
เสิ่นหลิงเอ๋อร์และเสิ่นเจียเหวินก็ติดตามเขาไปด้วยเช่นกัน แต่ฉินเฟยเดินเร็วมาก แต่เสิ่นเจียเหวินในฐานะรองประธานบริษัทกลับไม่กล้าพูดอะไรสักคำและได้แต่วิ่งเหยาะๆ ตามไปด้วยรองเท้าส้นสูง
ต้องบอกว่าว่านเซียง มูวีนั้นหรูหรามากไปจริงๆ ว่ากันว่าการตกแต่งเพิ่งเริ่มขึ้นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน เวลากว่าสามเดือนเต็มๆ มันก็ออกมางดงามราวกับพระราชวัง
ข่าวการแต่งตั้งประธานบริษัทคนใหม่ในแพร่กระจายไปทั่วบริษัทอย่างรวดเร็ว
อาคารว่านเซียง มูวีมีทั้งหมด 16 ชั้น เมื่อมาถึงห้องทำงานของประธานที่ชั้นบนสุด ฉินเฟยก็นั่งลงบนเก้าอี้
เมื่อมองไปรอบๆ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจในใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ตนได้มาอยู่ในที่ที่มีบรรยากาศแบบนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ตระกูลฉินล้มละลายไปเมื่อสี่ปีก่อน
“ท่านประธาน เรา……พวกเรา……”
ที่หน้าโต๊ะ เสิ่นเจียเหวินและเสิ่นหลิงเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้นและก้มหน้าลงอย่างเรียบร้อย ไม่มีท่าทีวางตัวแบบก่อนหน้านี้อีกต่อไป
“ประธานฉิน…ฉันขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้” เสิ่นเจียเหวินกัดริมฝีปากของตนราวกับต้องการเรียกความกล้าหาญ “ประธานฉิน หลิงเอ๋อร์เธอยังสามารถเซ็นสัญญากับบริษัทของเราได้หรือไม่? ประธานฉิน ขอแค่คุณยอมรับปาก ฉันจะทำทุกอย่างตามที่คุณขอ”
“ทำทุกอย่างตามที่ขอ?” ฉินเฟยยิ้มน้อยๆ ประโยคนี้พูดได้น่าสนใจมาก!
พูดตามตรง ในความเห็นของฉินเฟย เสิ่นเจียเหวินนั้นยังสวยกว่าเสิ่นหลิงเอ๋อร์ นั่นเพราะเธอดูแลตัวเองเป็นอย่างดี ร่องรอยของกาลเวลา เหลือไว้แค่เพียงกลิ่นอายความเป็นหญิงสาวเต็มตัวมากขึ้นก็เท่านั้น เมื่อพวกเธอยืนอยู่ด้วยกันก็ดูเหมือนพี่น้อง
ทำทุกอย่างตามที่ขอ?
ร่างกายของเสิ่นหลิงเอ๋อร์สั่นเทา เธอมองไปที่พี่สะใภ้ด้วยความตะลึง จากนั้นก็เงยหน้ามองไปที่ฉินเฟย “ประธานฉิน ฉันขอโทษสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เป็นฉันที่สร้างปัญหา ฉันจะไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่คุณอย่าได้ทำให้อาสาวของฉันต้องลำบากใจเลย”
เมื่อเห็นเสิ่นหลิงเอ๋อร์โค้งคำนับและเตรียมจะจากไป ฉินเฟยก็เลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ผมบอกให้คุณไปแล้วหรือไง?”
เสิ่นหลิงเอ๋อร์หันกลับมาด้วยความตะลึง เธอกัดริมฝีปากอย่างแรง ตนเองได้ขอโทษไปแล้วอีกทั้งยังบอกว่าจะจากไป แล้วฉินเฟยยังต้องการอะไรอีก?
แน่นอนว่าเธอไม่อยากจากไป ประการแรกคือก่อนหน้านี้เพื่อนร่วมชั้นของเธอได้เอ่ยชมเธอจนตัวลอยไปแล้ว บอกว่าตนจะต้องเซ็นสัญญากับว่านเซียง มูวีได้สำเร็จอย่างแน่นอน ประการที่สอง ว่านเซียง มูวีนั้นเป็นแพลตฟอร์มที่แทบจะดีที่สุดในประเทศจีนซึ่งเธอสามารถแสดงความสามารถของเธอที่นี่ได้
แต่ตอนนี้เธอไปหาเรื่องประธานบริษัทเข้า แม้ว่าอาสาวของเธอจะช่วยประนีประนอมให้ได้อยู่ต่อ แต่เกรงว่าทั้งชีวิตตนคงไม่มีโอกาสได้ปรากฏตัวในภาพยนตร์แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ต้องการให้อาสาวของเธอต้องทำแบบนี้
ฉินเฟยยิ้มน้อยๆ
“อยู่ต่อเถอะ ในฐานะผู้มาใหม่ คุณควรฟังการจัดการของบริษัทและปรับปรุงตัวเองซะ เสิ่นเจียเหวินอบรมเธอให้ดี ให้เธอเข้าร่วมในกิจกรรมโดยเร็วที่สุด สร้างดาวดวงใหม่ขึ้นมา”
เสิ่นหลิงเอ๋อร์เงยหน้ามองไปที่ฉินเฟยด้วยสีหน้าตกใจ ในหัวส่งเสียงร้องหึ่งและคิดว่าตนกำลังฝันไปรึเปล่า
เสิ่นเจียเหวินเองก็ยังอ้าปากกว้างและไม่สามารถพูดอะไรได้อยู่นาน
“ทำไม? ไม่ยินยอม?” ฉินเฟยหัวเราะ
“ยินยอมยินยอม ฉันย่อมยินยอม” เสิ่นหลิงเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ดวงตาของเธอแดงก่ำเล็กน้อย
“ขอบคุณประธานฉิน ขอบคุณประธานฉิน ขอบคุณ…” เสิ่นเจียเหวินร้องไห้ด้วยความดีใจ เธอโค้งคำนับให้ฉินเฟยตลอดเวลา จนแทบจะคุกเข่าขอบคุณ
ฉินเฟยยิ้มและพยักหน้า
แน่นอนว่าเขาไม่ไล่เสิ่นหลิงเอ๋อร์ออกไป แต่ถึงอย่างนั้น เสิ่นเจียเหวินที่โกรธก็ไม่กล้าพูดออกมาแต่เธอก็กลับไปทำให้เขาขุ่นเคือง ฉินเฟยเพิ่งเข้ารับตำแหน่งและไม่เข้าใจหลายสิ่งหลายอย่าง มีหลายสิ่งที่เขายังต้องการการสนับสนุนจากเสิ่นเจียเหวิน รองประธาน
เสิ่นหลิงเอ๋อร์ไม่เพียงแต่สวยแต่ยังมีพรสวรรค์อีกด้วย มีก็แค่นิสัยออกจะหยิ่งเกินไป แบบนี้ก็ถือว่าทำให้เธอว่าง่ายขึ้นมาแล้ว
สร้างบุญคุญให้คนสองคนกับสร้างศัตรูให้คนสองคน ใครจะไปเลือกอย่างหลังกัน?
การเซ็นสัญญากับว่านเซียง มูวีเป็นโอกาสของเสิ่นหลิงเอ๋อร์ แล้วสำหรับฉินเฟยก็ไม่ต่างกันไม่ใช่หรือ? เขาอยู่เฉยๆ มาสามปีแล้ว ดังนั้นจึงไม่อยากเป็นคนอยู่เฉยไม่ทำอะไรอีก
เสิ่นเจียเหวินมองไปที่ฉินเฟย ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉินเฟยจะยังคงใส่เสื้อผ้าตามท้องตลาด แต่เมื่อเขากำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของประธาน กลับทำให้เธอรู้สึกถึงบารมีขึ้นมา
เสิ่นเจียเหวินหน้าแดงและกัดริมฝีปากของตน “ท่านประธานฉิน ฉัน…”
เสิ่นเจียเหวินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ผลคือในเวลานี้ เลขาเหอฉิงก็เคาะประตูและเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในอ้อมแขนของเธอ
“ประธานฉิน เจียงเฉิงเย่จากตระกูลเจียงต้องการพบคุณและพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือ”