ผมเป็นเขย(ผู้ไม่ธรรมดา) - บทที่ 80 มังกรและนกฟีนิกซ์ !
ตลอดระยะทางที่เดินมา มือเล็ก ๆ คู่นั้นของเสิ่นเจียเหวินไม่เคยห่างจากฉินเฟยเลย เธอพยุงเขาอยู่ตลอดเวลา
และคนที่มีบุคลิกสดใสอย่างเธอ กลับเงียบและไม่พูดอะไรมาโดยตลอด
เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เสิ่นเจียเหวินรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก ซาบซึ้งใจจนไม่อาจกลั้นไว้ !
กลับมาถึงบ้าน เธอให้ฉินเฟยนั่งลงบนโซฟาโดยห้ามขัดขืน จากนั้นก็รีบไปเทน้ำมาให้เขาดื่ม
ฉินเฟยรู้สึกสบายขึ้นมาหลังจากดื่มน้ำไปแล้วสองแก้ว
“ตามฉันมาที่ห้องนอน” เสิ่นเจียเหวินเองก็ดื่มน้ำไปแก้วหนึ่ง มองมายังโซฟาซึ่งฉินเฟยไม่กล้าเอนตัวลง หลังจากเห็นท่าทางที่อีกฝ่ายไม่กล้าเอนตัวลงมันก็ทำให้รู้สึกอึดอัดใจ เธอยืนขึ้นมา พูดพร้อมกับค่อย ๆ เดินเข้าไปในห้องนอนด้วยใบหน้าที่มีสีแดงเล็กน้อย
“เอ๋ ?” ฉินเฟยมองไปยังเสิ่นเจียเหวินด้วยความตกใจ
อะไรกัน ? ฉินเฟยกำลังจะถามออกมา แต่เสิ่นเจียเหวินเดินเข้าไปในห้องนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในใจเต็มไปด้วยความสงสัย ยืนขึ้นและเดินตามเข้าไป
แม้ก่อนหน้านี้จะเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง และมีเหตุการณ์ที่ไม่ชัดเจนอยู่บ้าง แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟยได้เข้ามาในห้องนอนของเสิ่นเจียเหวิน
ต่างจากสิ่งที่ฉินเฟยคิดไว้ ด้วยบุคลิกสดใสที่เสิ่นเจียเหวินแสดงออกมา เธอเป็นคนมีชีวิตชีวาและเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้า ห้องนอนของเธอควรจะเต็มไปด้วยสีสัน แต่นี่ห้องนอนของเธอกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น สบายใจเมื่อได้เห็น สีสันเหล่านี้ช่างทำให้นุ่มนวลหัวใจ
แสงแดดจ้าภายนอกส่องผ่านผ้าม่านหนาสีชมพูอ่อน ทำให้ห้องนอนทั้งห้องเต็มไปด้วยโทนสีอบอุ่น
จากท่าทางของเสิ่นเจียเหวิน เธอต้องการให้ฉินเฟยนั่งลงตรงขอบเตียง เงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่มีเสน่ห์ตรงหน้าเขาด้วยความสงสัย การที่เธอเรียกตนเองเข้ามาในห้องอย่างกะทันหันเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร ?
ที่จริงฉินเฟยก็คาดเดาไว้ในใจ คงไม่ใช่……เธอคงไม่ได้รู้สึกขอบคุณตนเองจนยอมอุทิศตัวให้หรอกนะ ?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจของฉินเฟยเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง ทำให้เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้ มันทำให้เขาหลุดลอยออกไปสุกขอบฟ้าไกล
“ถอดเสื้อผ้าออก” เมื่อเห็นฉินเฟยไม่สามารถปกปิดความปรารถนาในใจได้ เสิ่นเจียเหวินเข้ามายืนด้านหน้าของฉินเฟยและพูดออกมา
“เอ๋ ?” ฉินเฟยเงยหน้ามองสาวสวยตรงหน้าด้วยความตกใจ
มันทำให้เขาตกใจมากเหลือเกิน !
แต่ด้วยอุปนิสัยที่ตรงไปตรงมาของเสิ่นเจียเหวิน การที่จะบุกเข้ามาแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ในฐานะเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในสายตาของคนอื่น ฉินเฟยพร้อมจะเป็นผู้ชายที่แท้จริงอยู่เสมอมา
แต่ความสุขนั้นมาเร็วเป็นอย่างมาก มันเกือบทำให้ฉินเฟยเป็นลมจนหมดสติไป
ชายและหญิงอยู่ในห้องเดียวกัน แถมยังเป็นห้องของผู้หญิง ทันทีที่เข้ามาฝ่ายหญิงก็บอกให้ถอดเสื้อผ้า นี่มันหมายความว่าอย่างไร ?
ขนาดขันทียังรู้เลย !
ฉินเฟยรู้สึกตื่นเต้น ทำให้ไม่สามารถปิดบังภาพที่เกิดขึ้นในหัวของเขาได้
ความตื่นเต้นในหัวใจของเขารุนแรงจนเกือบทำให้ฟ้าถล่ม หัวใจเต้นแรงไปถึงลำคอ หากไม่ใช่ว่าเสิ่นเจียเหวินได้รับบาดเจ็บที่เท้า ฉินเฟยคงดีใจจนพาเสิ่นเจียเหวินออกไปเต้นบัลเล่ต์เพื่อปรับเปลี่ยนบรรยากาศ
ขนาดเด็กโง่ยังรู้ว่าสิ่งที่เสิ่นเจียเหวินพูดออกมานั้นหมายความว่าอย่างไร
ฉินเฟยมองไปยังเสิ่นเจียเหวินด้วยความตื่นเต้นในสายตาซึ่งไม่สามารถปกปิดได้ ฉินเฟยได้กลิ่นหอมจากเรือนร่างของผู้หญิงอย่างชัดเจน กลิ่นหอมน่ารับประทาน ผ้าม่านในห้องถูกปิดแน่น กลิ่นหอมซึ่งเย้ายวนเหมือนไม่มีวันจางหายนั้นทำให้อะดรีนาลีนหลั่งไหลอย่างกะทันหัน
ฉินเฟยจ้องมองเสิ่นเจียเหวินด้วยความตกตะลึง ความหรูหราของคู่นั้นยิ่งแตกต่าง
ฉินเฟยจ้องมองเสิ่นเจียเหวินผู้งามหยาดเยิ้มซึ่งอยู่ตรงหน้าของเขาด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า แม้ตนจะเป็นผู้ชายมีศักดิ์ศรี แต่เมื่อนึกถึงภาพของชายหญิงที่สานสัมพันธ์กันอย่างกลมกลืนซึ่งจะเกิดขึ้นเป็นความจริงในไม่ช้า เขาก็อดจะตื่นเต้นไม่ได้……
“นั่น……นั่นมันอะไร พวกเราจะไม่เร็วไปหน่อยเหรอ ? แต่เธอไม่ต้องห่วง ฉันสามารถรับได้ ที่จริงฉันเองก็เตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรก แม้ว่าฉันจะเป็นคนยึดมั่นในหลักการ แต่ได้ฉันตัดสินใจเป็นผู้ชายของเธอไปแล้ว แม้ว่าความตรงไปตรงมาของเธอจะทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกไปบ้าง แต่เรื่องแบบนี้มันดีกับทั้งฉันและเธอ มันสามารถยอมรับได้ แต่การที่พวกเราตรงไปตรงมาเช่นนี้มันเร็วเกินไป ช้ากว่านี้สักหน่อยได้ไหม……” เมื่อเห็นเสิ่นเจียเหวินผู้มีเสน่ห์และโตเป็นผู้ใหญ่อยู่ด้านหน้าของเขา ฉินเฟยรู้สึกตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง
เนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของเขา หากบอกว่าไม่ตื่นเต้นก็คงเป็นเรื่องโกหก แต่อย่างน้อยพวกเราก็เป็นคนที่มีอารมณ์และความรู้สึก จะต้องทำอะไรให้มันช้ากว่านี้สักหน่อย ดำเนินไปทีละก้าว ทีละก้าว……
เสิ่นเจียเหวินจ้องมองฉินเฟยซึ่งมีท่าทางตื่นเต้นและยังพูดไม่จบอยู่บนเตียงด้วยความแปลกประหลาด ฉินเฟยพูดไม่รู้เรื่อง แต่แน่นอนเธอเข้าใจอย่างชัดเจนว่าคำพูดพวกนี้ของฉินเฟยนั้นหมายความว่าอะไร
อดทนให้ไม่ไล่ผู้ชายคนนี้ออกไป เสิ่นเจียเหวินขี้เกียจจะสนใจ ค่อย ๆ ย่อตัวลง
พระเจ้า ! ต้องคุกเข่าเลยงั้นหรือ ? !!
ดวงตาของฉินเฟยเบิกกว้าง จ้องมองไปยังเสิ่นเจียเหวินที่กำลังคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ มองไปที่ปากสีแดงเหมือนกับเชอร์รี่ของเธอ ฉินเฟยมีความสุขจนแทบหมดสติไป
ความสุขถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว พี่ยังไม่ทันตั้งตัวก็หน้ามืดไปแล้ว ร่างกายของฉันอยู่ที่นี่ เธอจะทำอะไรก็แล้วแต่เธอต้องการ……
“เอี๊ยด……” ในตอนนี้ ฉินเฟยได้ยินเสียงแปลก ๆ เกิดขึ้นบนหัวเตียง อดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะไปดู เขาสะดุ้ง เสิ่นเจียเหวินต้องการใช้อุปกรณ์เสริมอย่างนั้นเหรอ ?
แต่หลังจากนั้นไม่นานฉินเฟยก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ สิ่งที่เสิ่นเจียเหวินหยิบออกมาจากใต้เตียงไม่ใช่กล่องไอเท็มที่มีแส้หรือเทียน แต่เป็นชุดปฐมพยาบาล !
“ถอดเสื้อผ้าออกและนอนลงไป นายคิดอะไรของนายอยู่ ต่อให้นายคิดแบบนั้นนายคิดว่านายจะมีแรงทำมันอย่างนั้นเหรอ ? ให้ความร่วมมือหน่อย ฉันจะเช็ดแผลให้ !”
“เช็ด……เช็ดแผล ?” สมองของฉินเฟยแข็งทื่อ ฉินเฟยคิดแต่เรื่องว่าหลังจากนี้เขากับเสิ่นเจียเหวินจะเป็นอย่างไรต่อไป ตอนนี้สมองของเขายังเปลี่ยนความคิดกลับมาไม่ได้
“ถ้าเช็ดก็รีบถอดเสื้อและนอนลงไป หากไม่เช็ดก็ไม่เป็นไร !” เสิ่นเจียเหวินพูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“เช็ด แน่นอนว่าต้องเช็ด คนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่เช็ด !” แม้ว่าผลลัพธ์จะต่างจากที่ตนเองคาดคิดเอาไว้อย่างมหาศาล แต่เมื่อคิดว่าตนเองได้นอนบนเตียงอันหอมหวนของเสิ่นเจียเหวิน แถมยังมีสาวสวยมาทำความสะอาดแผลให้ ฉินเฟยยังคงรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย ไม่พูดอะไร รีบถอดเสื้อคอกลมออกทันที และนอนคว่ำลงไปบนเตียง
สาเหตุที่ฉินเฟยนอนคว่ำเพราะอาการบาดเจ็บที่หลังของเขานั้นรุนแรงกว่า ในระหว่างการต่อสู้ มือของเขาสามารถป้องกันการโจมตีมากมายที่อยู่ข้างหน้า แต่การลอบโจมตีจากด้านหลัง ต่อให้สัมผัสได้ก็ยากจะป้องกันไว้ทั้งหมด คาดว่าหลังของตนเองคงระบมและเกิดรอยช้ำขนาดใหญ่
ฉินเฟยซึ่งนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายเห็นว่าเสิ่นเจียเหวินซึ่งอยู่ด้านหลังของเขาไม่ส่งเสียงแต่อย่างใด จึงอดไม่ได้ที่จะหันกลับมาดู เขาเห็นมือข้างหนึ่งของเสิ่นเจียเหวินถือยาและกำลังมองแผ่นหลังของตนเองด้วยความงุนงง กัดริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอเบ้า
ฉินเฟยมองไม่เห็นแผ่นหลังของตนเอง แต่เสิ่นเจียเหวินมองเห็นมันอย่างชัดเจน ฉินเฟยมีรอยฟกช้ำและมีสีม่วงเป็นแถบ และมันก็ไม่ใช่รอยฟกช้ำธรรมดา เนื่องจากมีจุดเลือดสีดำไหลออกมาจากหลายแห่ง
“เธอคงไม่ได้กำลังรู้สึกซาบซึ้งใจอยู่ใช่ไหม ? ฮ่า ฮ่า เธอลองคิดให้ดีว่าควรขอบคุณฉันอย่างไร” ฉินเฟยแสร้งทำเป็นล้อเล่น
เสิ่นเจียเหวินผู้ซึ่งมีเสน่ห์และเข้ากับคนง่ายอยู่เสมอ จู่ ๆ ก็เริ่มร้องไห้ ทำให้เขารู้สึกไม่ชินกับมัน
เป็นอย่างที่คิด เมื่อเห็นท่าทางแห่งความภาคภูมิใจของฉินเฟย เสิ่นเจียเหวินกลอกตาขาวในทันที “ซาบซึ้งบ้าบออะไร ฉันแค่คิดว่านายนั้นช่างโง่เหลือเกิน ทะเลาะกับคนอื่นอย่างไงให้บาดเจ็บถึงขนาดนี้”
เห็นฉินเฟยต้องการตอบโต้ เสิ่นเจียเหวินก็ตะคอกออกไป “อยู่นิ่ง ๆ อย่าขยับ !”
พูดจบเธอก็ถอดรองเท้า ค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปบนเตียง ขาที่เหมือนกับหยกของเธอคุกเข่าลงด้านข้างของฉินเฟย ในมือถือยาที่น้ำที่ไม่รู้จักชื่อ
ฉินเฟยเห็นเช่นนั้น ตัวของเขาสั่น “นั่นอะไร เบามือหน่อย ยานี่มันแสบหรือเปล่า ? หากแสบก็ลืมมันไปเสียเถอะ……”
ดวงตาของเสิ่นเจียเหวินจ้องเขม็งไปยังฉินเฟยที่จู่ ๆ ก็พูดมาก เบะปาก เธอรู้ว่าที่ฉินเฟยทำแบบนี้ก็เพราะต้องการบรรยากาศในห้องสงบลง
แค่รู้สึกตลกอยู่ในใจ ดังนั้นจึงไม่ตอบ เปิดขวดยาแล้วเทยาสีแดงลงไปโดยตรง
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญของฉินเฟยดังลั่นขึ้นมา “บ้าเอ๊ย แสบ มันแสบ……”
เสียงร้องของฉินเฟยครั้งนี้เป็นของจริง นี่คือความเป็นปวดอันแท้จริง ยาสีแดงให้ความรู้สึกเหมือนกรดกำมะถันที่กำลังกัดกร่อนผิวหนังของเขาโดยตรง !
เสิ่นเจียเหวินไม่สนใจเสียงร้องอันเจ็บปวดของฉินเฟย หยิบสำลีขึ้นมาด้วยมือเล็ก ๆ เช็ดไปรอบแผลของเขา “แสบก็ต้องทน ใครใช้ให้นายโง่ขนาดนี้ สู้ไม่ได้ไม่ก็ไม่รู้จักหนีหรือไง ?”
เมื่อถูกเสิ่นเจียเหวินพูดจาดูถูกถึงสามครั้ง ในที่สุดฉินเฟยก็รู้สึกรำคาญผู้หญิงคนนี้ เขาตอบโต้กลับมาด้วยความโกรธในทันที “ฉันมันห่วย ? ฉันมันไร้ประโยชน์ ? เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น ในตอนที่ฉันกำลังเดินเข้าประตูหมู่บ้านของเธออย่างช้า ๆ ทันใดนั้นมีเงาสีดำพุ่งเข้ามาหาฉันจากความมืด มือของเขาเหมือนกรงเล็บนกอินทรี ล็อกมาที่คอของฉัน ความเร็วนั้นเหมือนกับสายฟ้า มันจะต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่ของยอดฝีมือ แต่ฉันเป็นคนไม่หวาดกลัวต่ออันตราย ด้วยการเบี่ยงตัวหลบอย่างสง่างาม การโจมตีที่สามารถเอาชีวิตของฉันได้เฉียบไปเพียง 0.01 มิลลิเมตร มันช่างเท่ระเบิด !”
ฉินเฟยพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นจนน้ำลายกระเด็ดออกมา “เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นมันน่าหวาดเสียวขนาดไหน หลังจากนั้น ชายฉกรรจ์สามสิบกว่าคนวิ่งออกมาเป็นแถวเดียวกัน มีชายฉกรรจ์สองคนถือมีดพร้ามาด้วย เธอเคยเห็นมีดพร้าไหม ? มันก็คือมีดที่สามารถผ่าคนออกเป็นสองท่อนได้ เธอรู้ไหมตอนนั้นฉันโหดเหี้ยมแค่ไหน ? ห๊ะ ? ฉันหยิบท่อนไม้บนพื้นขึ้นมาท่อนหนึ่งและเหวี่ยงมันอย่างบ้าระห่ำ ที่จริงฉันแกล้งทำเป็นหมู่ที่อ่อนแอเพื่อทำให้เสือตายใจ แกล้งอ่อนแอเธอเข้าใจหรือเปล่า ? ไม่ใช่ว่าฉันสู้พวกเขาไม่ได้ คิดว่าฉันเห็นเจ้าพวกสวะสามสิบกว่าคนนั้นอยู่ในสายตาอย่างนั้นเหรอ ? น่าขำสิ้นดี ! อย่างแรกฉันต้องการให้พวกเขาคลายความระมัดระวัง อย่างที่สอบคือฉันต้องการเล่นกับพวกเขา คนอย่างฉันมีกังฟูอยู่ในตัว !”
“เธอรู้จักมวยทหารไหม ? ฉันแค่แยบซ้าย แยบขวาอย่างละครั้ง เจ้าโง่พวกนั้นก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้กลับไปพาพ่อแม่ สุดท้ายเจ้าโง่พวกนั้นก็มาขอร้องให้ฉันเป็นอาจารย์ บ้าเอ๊ย นี่ช่างเป็นการดูถูกภาพลักษณ์ของฉันเหลือเกิน ตอนฉันยังเด็กมีนักบวชคนหนึ่งพูดกับฉันว่า ในอนาคต ชีวิตของฉันจะต้องไม่ธรรมดา ราวกับเป็นมังกรที่แท้จริง นักบวชผู้นั้นเห็นหน้าฉัน เขาคุกเข่าลงด้วยความตื่นเต้นและตะโกนว่า ให้ฉันตามเขาไปสร้างอำนาจใหม่ขึ้นมา จากนั้นกลายเป็นจักรพรรดิไปชั่วนิรันดร์ แต่ฉันปฏิเสธกลับไปอย่างไร้ความปรานี ฉันคิดว่าการเป็นจักรพรรดินั้นลำบาก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ฉันก็เป็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ เหมือนกับมังกรและนกฟีนิกซ์ จะยอมรับเจ้าโง่พวกนั้นเป็นศิษย์ได้อย่างไร เธอคิดว่าถูกไหม ?”
เสิ่นเจียเหวิน “……”
“นี่ สีหน้าของเธอมันคืออะไร ? เธออย่ามองสภาพที่จนตรอกของฉันในตอนนี้ ที่จริงฉันแค่แกล้ง ฉันเก่งกาจและพิเศษถึงขนาดนี้ หากดึงดูดความสนใจของผู้คนมากเกินไปมันก็ไม่ดี ฉันเป็นคนชอบถ่อมตัว สงบ ไม่ชอบให้ใครมารบกวน ฉันแกล้งจริง ๆ ฉันสู้กับเขาเหมือนกับการหยอกล้อ รอยเท้าที่หลังก็เป็นเพราะยอมให้พวกเขาเตะอย่างจงใจ แต่คนที่ยอดเยี่ยมอย่างฉันจะยอมแพ้ง่าย ๆ แบบนั้นได้อย่างไงจริงไหม ? ฉันจัดการคนที่เข้ามาลอบโจมตีจากด้านหลังด้วยการเตะสะบัดกลับมาเพียงครั้งเดียว เธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าลูกเตะของฉันนั้นมันสุดยอดแค่ไหน ท่านั้นเหมือนนายแบบในหนังสือไม่มีผิด หล่อ เท่ แถมยัง……โอ้ย แสบ มันแสบเหลือเกิน ไม่ไหวแล้ว ฉันทนไม่ไหวแล้ว……” โม้ออกมาจนถึงตอนสุดท้าย ฉินเฟยก็กรีดร้องออกมาอย่างช่วยไม่ได้