ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 751 รู้สึกสิ้นหวัง
ตอนที่ 751 รู้สึกสิ้นหวัง
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวออกมาต่อว่า “ท่านผู้นำสองคนคงเห็นใช่ไหมว่าในตอนนี้คนในเมืองเทียนจิงหาผักกินได้ยากขึ้น เพราะจะต้องทำการขนส่งมาจากชิงโจว แต่ในตอนนี้เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ผมคิดว่าองค์กรคุณน่าจะช่วยเรื่องการขนส่งนี้ได้นะครับ”
เฉินเจียงเหอเหลือบมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะพูดออกมาว่า “คุณอยากได้รถเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ “ท่านผู้นำทั้งสองท่านต่างก็มียานพาหนะอยู่มากมาย ถ้าหากว่าให้รถผมสักคัน ผมจะสามารถขนส่งผักไปขายที่เทียนจิงได้อย่างแน่นอน”
เฉินเจียงเหอได้ยินแบบนั้น เขาไม่ได้ตอบรับไปในทันที แต่หลังจากที่ได้ไตร่ตรองดูแล้ว เขาก็เหลือบมองไปที่หลี่เถี่ยหลิน แต่หลี่เถี่ยหลินกลับส่ายหัวออกมา
แน่นอนว่าการแสดงออกของทั้งสองคนได้ตกอยู่ในสายตาของเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งหมด เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะเขาคิดว่าน่าจะโดนปฎิเสธแล้ว
เฉินเจียงเหอยิ้มออกมา ก่อนที่จะพูดต่อว่า “งั้นเอาแบบนี้ สหายเจียงเสี่ยวไป๋ พวกเราขอพิจารณาคำขอนี้กันก่อน”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนี้ เขาเกือบจะกลอกตา เพราะเขาเห็นที่หลี่เถี่ยหลินส่ายหัวปฎิเสธมาแล้ว !
แต่ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่จะต้องพูดในเหตุการณ์นี้ก็คือ “ขอบคุณครับท่านผู้นำ ! เชื่อเถอะครับว่าหากเราสามารถแก้ปัญหาการขนส่งผักไปยังเทียนจิงได้ คุณทั้งสองคนจะต้องเป็นที่รักของผู้คนในเทียนจิงอย่างแน่นอน”
แน่นอนว่าคำพูดนี้ คนรุ่นเก่ามักใช้กันบ่อย
ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1980 ผู้คนต่างก็พูดแบบนี้กันทั้งนั้น
เมื่อเฉินเจียงเหอได้ยินแบบนั้นก็ตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม “พวกเราเองก็จะทำเพื่อประชาชนอย่างเต็มที่ เรามาทำด้วยกันเถอะ พวกเราขอไปปรึกษากับท่านผู้นำก่อนแล้วจะรีบนำคำตอบมาให้คุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มออกมาก่อนที่จะกล่าวขอบคุณ เอาจริง ๆ เขาก็แทบจะไม่มีหวังแล้ว
เฉินเจียงเหอพูดออกมาต่ออีกว่า “สหายเจียงเสี่ยวไป๋ มีอะไรที่อยากจะขออีกไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้า
เฉินเจียงเหอยิ้ม “ในเมื่อไม่มีอะไรแล้ว เราก็มาเซ็นสัญญากันเถอะ ! ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ตแล้วส่งให้กับเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋รับมันมา ก่อนที่จะเซ็นลงนามในสัญญาทั้งหมด และเมื่อเสร็จแล้ว เขาก็ได้นำตราสัญญาลักษณ์พิเศษ แผ่นหมึกของบริษัทเจียงเจียและตราประทับออกมาจากกระเป๋าของเขาก่อนที่จะประทับตราลงไปทางด้านล่างของกระดาษ
หลี่เถี่ยหลินมองดู ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “คุณน่าทึ่งมากที่รู้วิธีการประทับตราด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เพราะนี้คือพื้นฐานสำหรับคนรุ่นใหม่อยู่แล้ว
การลงนามในสัญญาและประทับตราของแผนกโลจิสติกส์ได้เสร็จสมบูรณ์มาสักพักแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋จึงได้เก็บส่วนของตัวเองไว้และมอบส่วนที่เหลือให้กับเฉินจิงเหอ เท่านี้ก็ถือว่าธุรกิจนี้ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว
หลังจากที่เฉินจิงเหอได้ขอช่องทางการติดต่อของเจียงเสี่ยวไป๋มาแล้ว เขาก็กล่าวคำอำลากับหลี่เถี่ยหลินและเจียงเสี่ยวไป๋ก่อนที่จะเดินออกจากประตูไปอย่างสุภาพ
กลับมาที่ห้องนั่งเล่น ในตอนนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ได้นั่งจิบชาอยู่พร้อมกับสูบบุหรี่ไปด้วย เขายังนึกเสียดายไม่หาย ทั้งที่แผนกโลจิสติกส์ใหญ่ขนาดนี้ แต่ทำไมถึงไม่สามารถหาผลประโยชน์จากมันได้บ้างเลยล่ะ ?
หลังจากสูบบุหรี่เสร็จแล้ว หลินชู่และเจียงชานก็เดินลงมาที่ชั้นล่าง
“คุณอา สัญญากับแผนกโลจิสติกส์เสร็จเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ? ” หลินชู่ถาม
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “เสร็จเรียบร้อยแล้ว ! ”
หลินชู่พูดออกมาอย่างมีความสุข “ยินดีด้วยคุณอา ผักของชิงโจวจะได้เป็นที่รู้จักแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมา เพราะมันคือเรื่องจริง
น่าเสียดายที่สัญญานี้จะต้องเก็บไว้เป็นความลับ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะได้
เมื่อคิดถึงเรื่องสัญญานี้ จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรได้บางอย่างขึ้นได้ จึงพูดออกมาว่า “ถ้าฉันบอกเรื่องนี้กับนาย จะนับว่าเป็นการเปิดเผยความลับหรือเปล่า ? ”
หลินชู่โบกมือ “มีคนมากมายมาพูดคุยกับผมที่บ้าน สำหรับผมแล้ว เห็นได้ชัดว่าผมไม่น่าจะใช่คนแบบนั้น ? ”
“ไม่ต้องห่วง ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนนี้ทุกคน ไม่ว่าจะเด็ก คนหนุ่มสาวหรือวัยชรา พวกเขาต่างก็รู้จักกฎการรักษาความลับและรักษาความลับได้เป็นอย่างดี”
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นก็คลายกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ลงในทันที
เขายกข้อมือขึ้นมาแล้วดูเวลา ก่อนจะเห็นว่าตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามโมง เขาจึงบอกว่า “เสี่ยวชู่ ฉันว่าจะลองโทรไปหาคุณโฮ่ว ถ้าเกิดว่าเขาว่าง ตอนบ่ายฉันว่าจะเข้าไปหาเขา”
เมื่อหลินชู่ได้ยินแบบนั้นก็บอกว่า “คุณอา โทรไปหาเขาได้เลย ส่วนเรื่องไปพบคุณโฮ่ว คุณอาบอกคุณทวดเองดีกว่า เพราะเขาเพิ่งบอกผมว่าจะให้คุณอาไปทำอาหารให้กินในตอนบ่าย”
ได้ยินแบบนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เนื่องจากเป็นคำสั่งจากชายชรา เขาจึงทำได้เพียงทำตาม
เขาเดินไปที่โทรศัพท์ แต่เขากดโทรไปหาเมิ่งเสี่ยวเป่ยก่อน และบอกให้รู้เกี่ยวกับสัญญาที่ลงนามกับตลาดเกษตรกรเขตเฉาหยางในเทียนจิง
เมิ่งเสี่ยวเป่ยที่ได้ยินก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “ผู้ช่วยเจียง ยินดีด้วยที่คุณได้สัญญามาแล้ว เดี๋ยวฉันจะจัดเตรียมการให้เร็ว ๆ นี้ค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ยังมีสัญญาที่ใหญ่กว่านี้อีก แต่ยังคุยเรื่องนี้ในตอนนี้ไม่ได้ ไว้ฉันกลับชิงโจวก่อน ฉันจะบอกทีหลัง”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าที่อยู่ที่ฉันให้คุณไปคงจะไม่ได้ใช้แล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋จึงตอบกลับมาว่า “ตอนนี้น่าจะยังไม่ได้ใช้ แต่ในอนาคตอาจจะต้องใช้มันอีกครั้ง”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงถามต่อ “เอาล่ะ ผู้ช่วยเจียงมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่มีอะไรแล้ว ไว้คุยกัน ! ”
“ได้ค่ะ ! ”
หลังจากที่เมิ่งเสี่ยวเป่ยวางสายไป เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เพราะในที่สุดผักของชิงโจวได้นำมาขายที่เทียนจิงแล้ว
เมื่อเธอได้ยินแบบนั้น เธอก็รีบทำงานให้เสร็จอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินทางไปเจียงวาน
“อะไรนะ เสี่ยวไป๋ได้สัญญาการขายผักในเทียนจิงแล้วเหรอ ? ”
“นั่นมันดีมาก ขายเท่าไหร่ล่ะ ? ”
“เกือบสองเท่าของราคาในชิงโจว มันดีมาก ครั้งนี้จะต้องทำเงินได้มากมายอย่างแน่นอน”
“ไม่ว่าเจียงเสี่ยวไป๋เขาจะทำอะไร ถ้าเขาได้เริ่มลงมือทำแล้ว เงินจำนวนมากก็มักจะไหลกลับเข้ามายังเจียงวานเสมอ”
“และการขายผักเหล่านี้ เรียกได้ว่ามันคือสิ่งที่ดีในปีนี้เลย ! ”
“ใช่ ใช่ ปีใหม่นี้เราจะได้อยู่ในบ้านใหม่แล้ว แถมจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดี”
“ฉันเองก็จะเริ่มสร้างบ้านใหม่ต้นปีหน้าด้วยเหมือนกันเลย”
“ฮ่าฮ่า… ก็ได้ คุณเองก็ฝึกกับเรามานานแล้ว”
“หยุดพูดได้แล้ว รีบไปเก็บผักในเรือนกระจกเลย รองประธานเหมิงบอกว่าพรุ่งนี้จะส่งรถมาสองคัน”
“ไปไปไป ไปเก็บผักกันเถอะ”
“……”
ข่าวที่เจียงเสี่ยวไป๋ได้ลงนามในสัญญาการจัดหาผักและเปิดตลาดในเทียนจิงได้แพร่กระจายไป แถมผู้คนในเจียงวานตอนนี้ต่างก็พากันตื่นเต้นไปหมด ทุกคนพูดคุยกันด้วยความดีใจ ราวกับว่าพวกเขากำลังจะได้เฉลิมฉลองปีใหม่
เมิ่งเสี่ยวเป่ยได้พูดกับเจียงไห่เทียนว่า “ผู้จัดการเจียง จากนี้ไปเจียงวานน่าจะยุ่งน่าดู ผู้ช่วยเจียงจัดการเรื่องลงนามสัญญาให้แล้ว คุณเองที่อยู่เบื้องหลังก็ต้องทำงานให้ทันด้วย”
เจียงไห่เทียนหัวเราะและพูดว่า “คุณเมิ่ง ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ผักนี้เป็นอีกหนทางหนึ่งสำหรับพวกเราชาวเจียงวานที่จะร่ำรวยได้ เราจะไม่ทำลายงานของเราอย่างแน่นอน ฉันจะดูแลชาวบ้านเอง”
เมื่อเห็นว่าเจียงไห่เทียนเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ เมิ่งเสี่ยวไป๋ก็พยักหน้าออกมาด้วยความพอใจ แต่ก็ยังคงเน้นย้ำเหมือนเดิมว่า “ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองวันในการขนส่งผักจากเจียงวานไปที่เทียนจิง และหลังจากเก็บผักเสร็จแล้ว ก็ดูใบเน่าหรือชิ้นส่วนสีเหลืองพวกนั้นที่จะต้องเอาออกด้วย ไม่เช่นนั้นคนที่มาซื้อผักของเราก็อาจจะไม่พอใจเอาได้ และอาจคิดว่าเราขายผักเน่า”
เจียงไห่เทียนพูดต่อว่า “อืม ฉันรู้แล้ว”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเมื่อได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าและเริ่มวางแผนร่วมกับเจียงไห่เทียนเรื่องการแบ่งผักออกโดยการหยิบ คัดแยก ทำความสะอาด บรรจุหีบห่อ และกระบวนการอื่น ๆ และได้แต่งตั้งผู้รับผิดชอบสำหรับกระบวนการต่าง ๆ ด้วยเหมือนกัน เพื่อคุณภาพที่ดีของผักก่อนที่จะถูกส่งออกไป
นอกจากนี้ศูนย์กิจกรรมชาวบ้านที่อยู่บริเวณหน้าทางเข้าหมู่บ้านก็สร้างเกือบเสร็จแล้ว พวกเขาตั้งใจที่จะใช้ลานด้านหน้าเป็นศูนย์จำหน่ายผัก
ผักที่เก็บแล้วจะถูกส่งไปยังลานด้านหน้าเพื่อทำการคัดแยก ทำความสะอาด และบรรจุหีบห่อ จากนั้นก็ชั่งน้ำหนัก ลงทะเบียนแล้วถึงจะบรรทุกลงบนรถบรรทุกเพื่อส่งออก