ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 750 คุณต้องการอะไรอีก ?
ตอนที่ 750 คุณต้องการอะไรอีก ?
การชมพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาที่จัตุรัสเทียนอันเหมินมักจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้น หลังจากรอคอยมาเป็นเวลานาน เมื่อเพลงชาติสิ้นสุดลง ธงสีแดงประดับรูปดาวแดงห้าดวงก็โบกสะบัดสูงอยู่บนยอดเสา ทหารเชิญธงชาติออกจากตำแหน่ง จากนั้นพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาก็ได้สิ้นสุดลง
แต่ความขลังที่เกิดจากพิธีเชิญธงมักจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ที่มาชมพิธีเชิญธงเสมอ โดยเฉพาะคนแก่อย่างชายชราและเด็กน้อยอย่างเจียงชานที่ถึงกับน้ำตาซึม
เมื่อมองดูธงที่โบกสะบัด ชายชราใช้เวลานานกว่าจะกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
“คุณท่าน ที่จัตุรัสมีลมแรง เรากลับกันเถอะครับ ! ” ติงจงผิงกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของชายชราและชักชวนเขาด้วยท่าทีระมัดระวัง
ชายชรามองค้อนเขา “ทำไม การได้มาที่นี่สักครั้งหนึ่งมันไม่ง่ายเลย ฉันจะพาชานชานไปสักการะอนุสรณ์วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ต่อ”
เขาดูเคร่งขรึมเมื่อพูดถึงวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่
ติงจงผิงไม่กล้าพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ถือร่มบังหิมะเหนือศีรษะของชายชรา และพยายามอยู่ใกล้กับชายชราให้มากที่สุด เพื่อปกป้องเขาจากลมและความหนาวเย็น
ท้องฟ้าค่อย ๆ สว่างขึ้น เจียงเสี่ยวไป๋หยิบกล้องออกมาและถ่ายรูปชายชรา เจียงชาน หลินชู่ และติงจงผิงหลายรูปติดต่อกัน
ติงจงผิงเองก็รู้วิธีใช้กล้องถ่ายรูปแล้วเช่นกัน เขาจึงถ่ายรูปหมู่ให้กับทั้งสี่คนอีกหลายรูป
หอรำลึกบุรุษผู้ยิ่งใหญ่เปิด 8 โมงเช้า มีคนเข้าคิวรอไม่มากนัก และใช้เวลาเข้าชมเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ไม่ถึง 9 โมงเช้า พวกเขาก็ออกมากันแล้ว
วันนี้ชายชรามีจิตใจที่เบิกบานเป็นพิเศษ หลังจากออกจากจัตุรัสเทียนอันเหมิน เขาก็ให้ติงจงผิงไปซื้อน้ำเต้าหู้และปาท่องโก๋มาให้ หลังจากทานอาหารเช้าอันเรียบง่ายเสร็จ เขาก็พาเจียงเสี่ยวไป๋และคนอื่นไปเยี่ยมชมพระราชวังต้องห้ามต่อ
ช่วงนี้นักท่องเที่ยวไม่มากนัก และด้วยวันนี้หิมะตกหนัก จึงมีคนมาเยี่ยมชมน้อยกว่าปกติมาก
ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก
เมื่อพวกเขาออกมาจากประตูเฉินอูเหมิน [1] ก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ชายชราดูจะเหนื่อยมาก เขาจึงสั่งให้กลับบ้าน
เมื่อเดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นของวิลล่า ก็มีคนท่าทางคล้ายนายทหารวัยกลางคน 2 คนนั่งอยู่ข้างใน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมารอที่นี่นานแล้ว
“สวัสดีคุณหลิน ! ”
“คุณหลิน คุณกลับมาแล้ว ! ”
ทั้งสองยืนขึ้นทักทายด้วยความเคารพ
ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดอย่างใจเย็น “นี่คือเจียงเสี่ยวไป๋ หลานชายของฉัน เขาเป็นคนคิดค้นการปลูกผักนอกฤดูที่พวกคุณต้องการ พวกคุณสามารถพูดคุยกับเขาได้ ฉันจะขอกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อนก่อน”
“ครับ คุณหลินไปพักผ่อนเถอะ เราจะไม่รบกวนคุณ” ชายวัยกลางคนสองคนพูดด้วยท่าทีเคารพ แล้วหันกลับมามองดูติงจงผิงช่วยคุณหลินขึ้นไปชั้นบน
หลินชู่เองก็ออกไปพร้อมกับเจียงชาน
จนกระทั่งชายชราเดินลับตาไป ชายวัยกลางคนทั้งสองก็หันกลับมา สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนจากระมัดระวัง เป็นดูน่าเกรงขามทันที
หนึ่งในนั้นมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “สวัสดีสหายเจียง ฉันชื่อหลี่เถี่ยหลิน มาจากแผนกโลจิสติกส์” เขาชี้ไปที่เพื่อนร่วมงานที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดว่า “ส่วนนี่คือสหายเฉินเจียงเหอ”
“สวัสดี ผู้นำทั้งสอง ! ” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวสวัสดีทั้งสองด้วยท่าทีถ่อมตัว “เชิญนั่งลงเพื่อพูดคุยกันก่อนครับ”
หลี่เถี่ยหลินและเฉินเจียงเหอมองหน้ากัน ก่อนจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คนส่วนใหญ่สุภาพต่อพวกเขา เช่นเดียวกับที่พวกเขาปฏิบัติต่อชายชราเมื่อกี้นี้
แต่ชายหนุ่มตรงหน้าพวกเขากลับดูไม่ลนลาน ทั้งยังดูสงบมากอีกด้วย ซึ่งทำให้พวกเขาประหลาดใจ และไม่กล้าที่จะดูถูกเจียงเสี่ยวไป๋
หลังจากที่ทั้งสองนั่งลง หลี่เถี่ยหลินก็กล่าวว่า “คุณหลินน่าจะบอกคุณถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่ของเราแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “ใช่ครับ คุณปู่บอกผมแล้ว”
หลี่เถี่ยหลินกล่าวว่า “เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เรารู้ดีถึงเรื่องผักนอกฤดูของคุณที่ปลูกในชิงโจว และหวังว่าคุณจะสามารถจัดหาผักเหล่านี้มาขายให้กับพวกเราในระยะยาวได้”
เจียงเสี่ยวไป๋มีสีหน้าลำบากใจ เขากล่าวว่า “ก่อนอื่น ผมอยากจะขอบคุณผู้นำทั้งสองที่ยอมรับผักนอกฤดูกาลของชิงโจว แต่ผมเกรงว่าคงจะเป็นเรื่องยากที่จะจัดหาผักเหล่านี้มาให้ในระยะยาวได้ ! ”
หลี่เตี่ยหลินขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมล่ะ ผลผลิตของคุณไม่เพียงพองั้นเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ตอนนี้ชิงโจวกำลังพัฒนาผักนอกฤดู ผลผลิตต้องเพียงพอแน่นอน แต่การขนส่งจากชิงโจวมาที่เทียนจิงเป็นระยะทางมากกว่าหนึ่งพันกิโลเมตร ซึ่งตอนนี้การขนส่งก็เป็นปัญหาใหญ่”
หลี่เถี่ยหลินและเฉินเจียงเหอคงคิดเรื่องนี้มานานแล้ว พวกเขามองหน้ากัน จากนั้นเฉินเจียงเหอก็พูดว่า “สำหรับปัญหาการขนส่ง แผนกโลจิสติกส์ของเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตัวเอง ตราบใดที่ตกลงซื้อขายผักจากชิงโจวได้ เราจะเตรียมยานพาหนะทางทหารไปรับถึงที่”
ฮะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นอกจากนี้เขายังวางแผนที่จะขอให้แผนกโลจิสติกส์ช่วยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับยานพาหนะให้เขาด้วย แต่เขาไม่คาดคิดว่าแผนกโลจิสติกส์จะคิดถึงปัญหานี้และบอกว่าจะส่งรถไปรับผักถึงที่
สิ่งนี้ทำให้เขาไม่สามารถพูดอะไรได้
“ทำไมหรือ ? มีคำถามอะไรไหม ? ” เฉินเจียงเหอถามขึ้นมาเมื่อเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร
“ไม่มีอะไรครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างช่วยไม่ได้
เฉินเจียงเหอยิ้ม “สหายเจียง แม้ว่าคุณจะไม่มีปัญหา แต่เรายังมีข้อเรียกร้องอีกเล็กน้อยที่ต้องเอ่ยให้คุณรู้ก่อน”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกหดหู่เล็กน้อย ยังมีข้อเรียกร้องอะไรอีก แต่เขาก็ถามขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ผู้นำพูดมาเถอะครับ”
เฉินเจียงเหอกล่าวว่า “ก่อนอื่น คุณต้องเลือกหมู่บ้านสักสองสามหมู่บ้านเพื่อให้แน่ใจว่ามีพืชผักส่งให้เราในระยะยาวและมั่นคง”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นั่นไม่ใช่ปัญหา ผมสามารถประสานงานกับหน่วยงานเทศบาลชิงโจวเพื่อแก้ไขและหาหมู่บ้านสักแห่งสองแห่งมาปลูกผักและส่งมาให้ที่นี่โดยเฉพาะได้”
เฉินเจียงเหอพยักหน้าด้วยความพอใจและพูดต่อ “ประการที่สอง ผักนอกฤดูที่จัดหาให้กับเราจะต้องได้รับการจัดการเป็นพิเศษ ไม่อนุญาตให้ใช้ยาฆ่าแมลงหรือสารเคมีใด ๆ ทั้งสิ้น ผักเหล่านี้ต้องเป็นผักปลอดสารพิษเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ แม้ว่าคุณจะไม่พูดถึงข้อกำหนดทั้งสองนี้ เราก็จะทำเเบบนี้เหมือนกัน”
เฉินเจียงเหอยิ้มแล้วพูดว่า “ดีเลย”
เขาจ้องมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็จริงจังขึ้น ก่อนที่เขาจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ประเด็นที่สามคือ ผักนอกฤดูที่จัดหาให้เราจะต้องเก็บเป็นความลับและจะต้องไม่เผยแพร่สู่โลกภายนอก แม้แต่กับผู้ปลูก”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แสดงความเข้าใจ และพยักหน้าเห็นด้วย
เฉินเจียงเหอและหลี่เถี่ยหลินมองหน้ากัน เพราะพวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าการสื่อสารจะราบรื่นขนาดนี้
เฉินเจียงเหอลุกขึ้นยืน เขายื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการสนับสนุน ฉันหวังว่าเราจะร่วมมือกันอย่างสันติ”
เจียงเสี่ยวไป๋จับมือกับเขาแล้วพูดว่า “ยินดีที่ได้ร่วมมือเช่นกันครับ”
แต่เขาก็แอบพึมพำอยู่ในใจ: นี่คุยจบแล้วเหรอ ?
ยังไม่ได้คุยราคากันเลย !
หลี่เถี่ยหลินยังจับมือกับเจียงเสี่ยวไป๋และพูดว่า “สหายเจียง เมื่อตกลงกันแล้ว งั้นเรามาเซ็นสัญญากันก่อน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่มีปัญหาครับ แค่ว่าราคา……”
หลี่เถี่ยหลินโบกมือ “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องราคา เราจะไม่เอาเปรียบบริษัทของคุณอย่างแน่นอน เรามีเงินทุนพิเศษในส่วนนี้อยู่แล้ว”
ขณะที่เขาพูด เขาก็หยิบสัญญาออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งมอบให้
เจียงเสี่ยวไป๋รับมันและเห็นว่าสัญญาแบ่งออกเป็นหลายส่วน รวมถึงสัญญาการรักษาความลับ สัญญาจัดหา และรายการซื้อ ฯลฯ
ในเวลาเดียวกัน ยังมีราคากำกับไว้ด้วย
โดยระบุชื่อและปริมาณที่ต้องการของผักต่าง ๆ ไว้อย่างชัดเจน และราคาตอนท้ายก็สูงกว่าราคาที่เขาได้จากตลาดเกษตรอีกต่างหาก
อีกทั้งยังเป็นราคาที่ไม่ต้องจัดส่งเองอีกด้วย
แต่วิธีการชำระเงิน ไม่ได้จ่ายเป็นคันรถ แต่จ่ายเป็นรายเดือน
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้สนใจเรื่องนี้
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋อ่านสัญญาทั้งหมดแล้ว เฉินเจียงเหอก็ถามว่า “ความต้องการของคุณคืออะไร ? คุณสามารถเสนอกับเราได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขมาก ตอนแรกก็กลัวว่าพวกเขาจะไม่ถาม และจะดูไม่สุภาพหากเขาพูดมันออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
[1] 神武门 ประตูเฉินอูเหมิน เป็นประตูทางออกของพระราชวังต้องห้าม ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของพระราชวัง