ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 704 แนวคิดใหม่สำหรับการทำโต๊ะหม้อไฟ
ตอนที่ 704 แนวคิดใหม่สำหรับการทำโต๊ะหม้อไฟ
เจียงเสี่ยวไป๋และเมิ่งเสี่ยวเป่ยนั่งรออยู่ที่โต๊ะหลุมไฟ เฉินเจียนำชุดน้ำชาและใบชาต้าหงเปามา พร้อมทั้งนำกาน้ำร้อนขนาดเล็กมาไว้ตรงกลางโต๊ะหลุมไฟ
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะความสะดวกสบายของโต๊ะหลุมไฟนี้ จึงทำให้สะดวกในการชงชา แม้แต่เตาก็ถูกละเลย”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและพูดว่า “ต้องใช้เวลาสักพักก่อนที่น้ำจะเดือด คุณจะกินอาหารกลางวันเป็นอะไรดี ? ฉันจะได้สั่ง”
เมื่อเฉินเจียได้ยินคำพูดนี้ เธอก็พูดขึ้นมาทันที “เถ้าแก่เจียง คุณเมิ่ง พวกคุณยังไม่ได้กินข้าวเลยเหรอ ? ฉันจะได้ไปบอกให้พี่จางทำอาหารมาให้’
พี่จางเป็นป้าแม่บ้านที่โรงน้ำชาจ้างมา นอกจากเธอจะทำอาหารเป็นแล้ว เธอยังมีหน้าที่ซักผ้าเช็ดตัวที่ลูกค้าเปลี่ยนอีกด้วย
ปกติพนักงานนวดที่ร้านจะกินข้าวประมาณ 10 โมงควบเป็นมื้อกลางวันไปด้วยเลย ดังนั้นเวลานี้พวกเธอจึงกินข้าวไปแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “เฉินเจีย อย่ารบกวนพี่จางเลย เดี๋ยวฉันจะสั่งร้านอาหารให้มาส่งเดลิเวอรี่เอง”
อะไรคือส่งเดลิเวอรี่ ? เฉินเจียก็ไม่เข้าใจเช่นกัน แต่เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋พูดเช่นนั้น เธอจึงไม่กล้าที่จะถามออกมา
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ “คุณดูเตรียมการมาแล้ว ฉันจะดูว่าการสั่งอาหารเดลิเวอรี่ของคุณจะเป็นอย่างไร ? ”
“ก็ได้ งั้นฉันเลือกเอง ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดจบก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่บาร์ เขาเปิดสมุดเบอร์โทรศัพท์ แล้วก็โทรไปที่ร้านหม้อไฟลาลาลา สาขา 19 บนถนนเหมียววาน หลังจากระบุข้อมูลแล้ว เขาก็เริ่มสั่งน้ำซุปและเครื่องเคียงบางอย่าง ขอจานสองจานและขอให้พวกเขามาส่งที่คลับเฮ้าส์ดื่มชาสปาเท้า
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋สั่งอาหารเสร็จ พนักงานที่ร้านก็ไม่กล้าที่จะละเลยและรับออเดอร์ทันที
หลังจากสั่งอาหารแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็กลับไปที่โต๊ะหลุมไฟแล้วพูดว่า “หม้อไฟที่ฉันสั่งไว้จะมาส่งเร็ว ๆ นี้ มาดื่มชารอกันก่อนเถอะ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็เริ่มชงชาไปด้วย
เนื่องจากเขานั่งบนโต๊ะหลุมไฟ เขาจึงใช้วิธีการต้มน้ำด้วยการเอากาวางบนฐานเหล็กร้อน หลังจากล้างถ้วยชาแล้ว เขาก็เอาชาใส่ลงในถ้วยแล้วต้มกระตุ้นใบชาต่อ ก่อนจะนำไปต้ม
เทคนิคของเขาเรียบง่ายและดูธรรมดา แต่มีทักษะและชำนาญมาก
เฉินเจียรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยและพูดว่า “ผู้ช่วยเจียง ทำไมคุณไม่ชงชาตามเทคนิคที่อาจารย์หวังสอนล่ะคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เทคนิคการชงชาของพวกอาจารย์ เราจะใช้ชงชาให้กับแขก มันต้องพิเศษอยู่แล้ว แต่นี้ฉันชงให้คุณเมิ่งและตัวเองดื่ม เราใช้ชาชั้นดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีเทคนิคพิเศษอะไร”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพยักหน้า คนที่เข้าใจชาอย่างแท้จริงนั้นสนใจแต่รสชาติ ส่วนการชงชา พวกเขาจะเน้นความสะดวกสบายและเป็นธรรมชาติ
จากคำพูดง่าย ๆ ไม่กี่คำ เธอก็รู้ว่าที่เจียงเสี่ยวไป๋กำลังทำนั้น ไม่ใช่ศิลปะของการชงชา แต่เป็นธรรมชาติที่แท้จริงของ ‘การชงชา’
เมื่อชงชาเสร็จ เขาก็รินชาใส่ถ้วย เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้กรองใบชาด้วยซ้ำ เขารินชาแล้วยื่นให้เมิ่งเสี่ยวเป่ยและเฉินเจียโดยตรง
ทั้งคู่ก้มหน้าขอบคุณ ก่อนจะหยิบถ้วยชาขึ้นมา แล้วเอาปลายจมูกดมเบา ๆ กลิ่นหอมของต้าหงเปานั้นเข้มข้นมาก พอจิบแล้ว รสชาติก็กลมกล่อมอยู่ในปาก
“ผู้ช่วยเจียง ชาที่คุณชงนั้นดีกว่าที่อาจารย์หวังชงเสียอีก ! ” เฉินเจียกล่าวด้วยความชื่นชม
ดวงตาของเมิ่งเสี่ยวเป่ยเองก็เบิกกว้างขึ้น สีและรสชาติของชาถ้วยนี้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม หากอุณหภูมิสูงขึ้นหนึ่งองศาก็จะมีรสขมเล็กน้อย แต่ถ้าอุณหภูมิต่ำลง รสชาติจะไม่เข้มข้นแบบนี้ ความกลมกล่อมของชามันขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เหมาะสมตอนที่ชง เพราะจะได้รสชาติของชาที่เข้มข้น แต่หากมากหรือน้อยกว่านั้นก็จะขมไป หรือเบาบางเกินไป
“ชาชั้นดีของอู๋อี้ซานคือต้าหงเปา ! ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยก็กล่าวชื่นชมออกมาเช่นกัน
จากนั้นพวกเขาทั้งสามก็ดื่มชาและเริ่มพูดคุยกัน
เฉินเจียชอบวิธีชงชาของเจียงเสี่ยวไป๋มาก เธอจึงใช้โอกาสนี้ขอเคล็ดลับในการชงชาจากเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ลังเลที่จะแบ่งปันเทคนิคของเขาให้กับเธอ
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเองก็ได้แบ่งปันเทคนิคของเธอออกมาเช่นกัน ทั้งสองคนมีความเข้าใจเรื่องการชงชาดีกว่าหวังผิงมาก เฉินเจียได้รับประโยชน์มากมายจากการฟัง และมันยังทำให้เธอชอบการชงชามากยิ่งขึ้น
ในขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกัน พนักงานสองคนของร้านหม้อไฟลาลาลาก็มาส่งอาหารตามออเดอร์ที่สั่งไป
“ผู้ช่วยเจียง เรามาส่งหม้อไฟตามที่คุณสั่งแล้วครับ แต่เกรงว่ามันอาจจะเย็นไปหน่อย ” พนักงานคนหนึ่งกล่าวออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ค่อยกลับมาเอาภาชนะตอนบ่ายแล้วกัน”
“ไม่มีปัญหาครับ ไว้ผมจะกลับมาเอาตอนบ่าย” ขณะที่พนักงานพูด เขาก็เอากาน้ำชาออก แล้วเปลี่ยนเป็นหม้อไฟแทน
น้ำซุปหม้อไฟรสเผ็ดและน้ำซุปกระดูกสีขาวที่เจียงเสี่ยวไป๋สั่งไปถูกเทลงในหม้อไฟ
เฉินเจียเก็บชุดน้ำชา จากนั้นพนักงานอีกคนก็เอาเนื้อสไลด์ เนื้อแกะสไลด์ ผ้าขี้ริ้ว ไส้เป็ด เห็ดเข็มทองและอื่น ๆ มาวางบนโต๊ะ จากนั้นหยิบกล่องพลาสติกใส่อาหารแบบใช้แล้วทิ้งขนาดเล็กหลายกล่องที่มีพริก พริกไทย กระเทียมสับ ต้นหอมสับ ผักชีสับ ฯลฯ ออกมา รวมทั้งน้ำมันงาขวดเล็กและชามรองสองใบ
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้น พนักงานทั้งสองก็กล่าวลาและขอตัวออกมา
ในไม่ช้า ซุปหม้อไฟก็เริ่มเดือด เจียงเสี่ยวไป๋และเมิ่งเสี่ยวเป่ยก็เริ่มกินหม้อไฟกันอย่างเอร็ดอร่อยเพราะความหิว
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “การมีโต๊ะหลุมไฟกับหม้อไฟนั้นสะดวกจริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องมีเตาก็สามารถเปลี่ยนโต๊ะหลุมไฟเป็นโต๊ะกินหม้อไฟได้”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตอนที่เราทำร้านหม้อไฟ ตอนนั้นโต๊ะหลุมไฟยังไม่ผลิต ไม่งั้นก็คงใช้โต๊ะหลุมไฟไปนานแล้ว”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นร้านหม้อไฟที่คุณจะเปิดเพิ่มหลังจากนี้ก็สามารถใช้โต๊ะหลุมไฟแทนได้น่ะสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มันยังใช้งานไม่ได้ขนาดนั้น ! ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงถามด้วยความประหลาดใจ “กินหม้อไฟบนโต๊ะหลุมไฟสะดวกกว่าตั้งเยอะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเธอแล้วพูดว่า “โต๊ะหลุมไฟเหมาะสำหรับฤดูหนาวเท่านั้น แต่ร้านหม้อไฟของเราเปิดตลอดทั้งปี หากใช้โต๊ะหลุมไฟในฤดูร้อน คนที่กินหม้อไฟคงจะร้อนตายกันไปก่อนน่ะสิ ! ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยยิ้ม และคิดได้ขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็ถอนหายใจ “จริงสิ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ก็ไม่ได้น่าเสียดายอะไรขนาดนั้น แม้ว่าโต๊ะหลุมไฟจะไม่สามารถนำมาใช้ได้โดยตรงในร้านหม้อไฟ แต่ฉันสามารถเอาโต๊ะหลุมไฟมาใช้ในฤดูหนาวเพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับการกินหม้อไฟในขณะที่ร่างกายก็อบอุ่นไปด้วยได้ ส่วนในฤดูร้อนก็แค่เปลี่ยนโต๊ะกินหม้อไฟเป็นโต๊ะธรรมดา”
ดวงตาของเมิ่งเสี่ยวเป่ยเป็นประกาย “แล้วคุณทำได้จริงเหรอคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ฉันมีความคิดเบื้องต้น แต่ฉันต้องลองดูว่าจะได้ผลไหม”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องรีบแล้ว มีร้านหม้อไฟมากกว่า 200 สาขาที่จะเปิดในเร็ว ๆ นี้ โต๊ะหลุมไฟล็อตใหม่ก็กำลังจะออกมา น่าจะทันเวลาพอดี”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ที่จริงมันไม่ใช่เรื่องยากอะไร แต่ค่าใช้จ่ายในร้านหม้อไฟและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในอนาคตจะเพิ่มขึ้น ฉันต้องคิดให้รอบคอบ”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดด้วยความประหลาดใจ “คุณบอกว่าค่าใช้จ่ายในร้านจะเพิ่มขึ้น นั่นก็เพราะต้องเอามาซื้อโต๊ะหลุมไฟ เรื่องนี้ฉันพอเข้าใจ แต่ทำไมค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานถึงเพิ่มขึ้นไปด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “เพราะถ้าทำตามแผนที่ผมกล่าวไปจริง ๆ เราจะไม่สามารถใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงได้ แต่ต้องใช้ไฟฟ้า”
“ใช้ไฟฟ้างั้นเหรอ ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยรู้สึกประหลาดใจ ไฟฟ้ามีค่ามากในทุกวันนี้ หากคุณใช้ไฟฟ้า ค่าใช้จ่ายในในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้อธิบายอะไรมากนักเกี่ยวกับปัญหานี้ เขาบอกให้เมิ่งเสี่ยวเป่ยรีบกินต่อ
พวกเขาทั้งสองสั่งอาหารมาไม่เยอะ จึงใช้เวลาไม่นานก็กินเสร็จ
เฉินเจียเก็บจานชามและถ้วยชามออกไป
“ผู้ช่วยเจียง คุณกับคุณเมิ่งจะดื่มชาต่อหรือไปนวดเท้าดีคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “นวดเท้าดีกว่า ! ”
“ได้ค่ะ ! ” เฉินเจียรับคำและพาทั้งสองไปที่ห้อง 011
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเคยได้ยินเรื่องการนวดเท้ามาก่อน เพราะหลินเจียจวินชอบพูดเรื่องนี้เป็นประจำ ทำให้เธอรอคอยที่จะได้นวดเท้าบ้าง