ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 700 ลูกคิดทองคำ
ตอนที่ 700 ลูกคิดทองคำ
เมื่อกิจกรรมขายล็อตเตอรี่และนิทรรศการสิ้นสุดลง นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์จากเมืองอื่นที่มายังชิงโจวก็ทยอยกลับออกไปเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋จึงได้ขอให้เจิ้งเจียฮุยและฟู่เต๋อเจิงเป็นตัวแทนมามอบถุงของขวัญให้นักข่าวแต่ละคน ซึ่งประกอบด้วยเมล็ดแตงโมปรุงรส ถั่วลิสงปรุงรส แพนเค้กภรรยา เกาลัดคั่ว และล่าเถียวอย่างละ 2 ห่อ
นอกจากนี้เขายังให้อั่งเป่ากับนักข่าวแต่ละคน คนละหนึ่งร้อยหยวนอีกด้วย
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้ตามมาคือ “ข่าวประชาสัมพันธ์” สามถึงห้าฉบับที่เขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้
เมื่อนักข่าวได้รับของขวัญและอั่งเปา ใบหน้าของพวกเขาก็ดูจะมีความสุขขึ้นมาทันที
“การมาเยือนชิงโจวครั้งนี้เปิดหูเปิดตาจริง ๆ ! ”
“ใช่ ฉันไม่เคยเห็นนิทรรศการดี ๆ แบบนี้มาก่อน มันน่าตื่นเต้นมาก”
“หม้อไฟของชิงโจวก็อร่อยมาก ! ”
“ตลาดถนนคนเดินมีขนมให้เลือกเยอะมาก ถ้าในอนาคตอยากกินก็ต้องฝากท่านประธานฟู่ซื้อมาให้สินะ”
“ผู้อำนวยการเจิ้ง หลังจากที่คุณตกลงกับเถ้าแก่เจียงแล้ว อย่าลืมจองโต๊ะหลุมไฟให้ฉันอันหนึ่งนะ”
“ใช่ ของฉันด้วย ! ”
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะเซ็นชื่อในต้นฉบับเมื่อกลับไป แล้วส่งออกทันที”
“……”
ขณะที่นักข่าวจากไป ชื่อของเจียงเจียกรุ๊ปก็แพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วในเมืองต่าง ๆ บริเวณภาคกลางของจีน ทั้งทางสถานีโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์
ผลิตภัณฑ์ของเจียงเจียกรุ๊ปก็กลายเป็นที่รู้จักเช่นกัน
ในผลิตภัณฑ์พวกนี้ ถุงสะดวกซื้อ โต๊ะหลุมไฟ เมล็ดแตงโมปรุงรส ฯลฯ ต่างก็ได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
โทรศัพท์ของฝ่ายการตลาดของเจียงเจียกรุ๊ปมีสายเข้ามาตลอด แทบจะไม่ว่างเลย มีทั้งลูกค้าเก่าที่โทรมาเร่งรัดและสอบถามเกี่ยวกับการเป็นแฟรนไชส์หรือการเป็นตัวแทน
คลื่นแห่งความกระตือรือร้นนี้กินเวลานานกว่าสิบวัน ก่อนที่จะค่อย ๆ กลับสู่ภาวะปกติ
ในช่วงเวลานี้ ร้านโยวผิ่นได้ลงทะเบียนร้านค้าแฟรนไชส์ไปมากกว่า 312 แห่ง ร้านหม้อไฟลาลาลา 217 แห่ง ร้านซีฟู้ด 169 แห่ง และแม้แต่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอก็มีคนลงทะเบียนเข้าร่วมกว่า 153 แห่ง
มีผู้ซื้อผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เป็นจำนวนมากอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ ฟองเต้าหู้ เบียร์ซานเฉิง ถุงสะดวกซื้อ และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
ในช่วงเวลานี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้เข้าไปดูโรงงานที่ไหน เพราะเขามาที่สำนักงานของนายกเทศมนตรีจาง
“เฮ้ เสี่ยวไป๋ ล็อตเตอรี่และนิทรรศการที่นายจัดขึ้นประสบความสำเร็จอย่างมาก ! ”
นายกเทศมนตรีจางยิ้มและเชิญเจียงเสี่ยวไป๋นั่งลงที่โต๊ะหลุมไฟแล้วยื่นบุหรี่ให้เขา
หลังจากที่ทั้งสองจุดบุหรี่แล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดว่า “มันก็งั้น ๆ ก็แค่เรื่องไร้สาระที่ผมเคยอวดไว้ก่อนหน้านี้ แค่มันไม่ล้มเหลวก็เท่านั้นครับ”
นายกเทศมนตรีจางหัวเราะเสียงดัง “คุณบอกก่อนหน้านี้ว่าจะต้องทำเงินได้ 5 ล้าน งั้นบอกฉันหน่อยว่าสุดท้ายแล้วคุณทำเงินได้เท่าไหร่”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “มากกว่าสิบล้านหยวน ! ”
“มากกว่าสิบล้านหยวน ! ” นายกเทศมนตรีจางตกตะลึงจนมือที่ถือบุหรี่นั้นสั่นเทาขึ้นมา
แม้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเคยพูดไว้ว่าจะสามารถทำเงินได้ได้มากมายในครั้งนี้ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินว่าภายในสามวันสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่า 10 ล้านหยวน
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นสีหน้าของนายกเทศมนตรีจาง จึงยิ้มโดยไม่พูดอะไร เขาหยิบสมุดบัญชีธนาคารออกมาจากกระเป๋า วางลงบนโต๊ะเบา ๆ แล้วผลักมันไปตรงหน้านายกเทศมนตรีจาง
นายกเทศมนตรีจางเหลือบมองสมุดบัญชีธนาคารสีเขียวพลางขมวดคิ้ว และพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มว่า “ทำอะไรหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะออกมา “นายกเทศมนตรีจาง ผมเคยโฆษณาไปทางโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์แล้วไม่ใช่เหรอ ? ว่าผมจะบริจาคเงิน 1 เจี่ยวจากการขายล็อตเตอรี่ทุกใบให้กับองค์กรการกุศล ในสามวันนี้การขายล็อตเตอรี่ของแปดเขตอำเภอรวมกันได้มากกว่า 66.3 ล้านใบ เงินในสมุดบัญชีเล่มนี้คือยอดเงินที่ผมจะนำไปบริจาค คุณควรช่วยผมคิดว่าจะใช้มันอย่างไรดี ? ”
นายกเทศมนตรีจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมา
ตอนแรกเขาคิดว่า เจียงเสี่ยวไป๋จะให้เงินเขาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้คาดหวังว่าจะเป็นอย่างนี้ !
เขาหยิบสมุดบัญชีเงินฝากขึ้นมาแล้วเปิดออก แต่กลับพบว่าตัวเลขด้านในคือ 663,120.89 หยวน
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “บริจาคเท่าที่คุณบอก ไม่มาก ไม่น้อยไปกว่านี้”
นายกเทศมนตรีจางอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ เขาบริจาคเงินมากกว่า 600,000 หยวนให้กับการกุศล ฉันเกรงว่าเจียงเสี่ยวไป๋คงจะเป็นคนเดียวในชิงโจวที่ทำได้
เขาวางสมุดบัญชีธนาคารลงแล้วพูดว่า “เอาล่ะ เนื่องจากเป็นเงินบริจาคของคุณ ฉันจะรับเงินไว้ในนามหน่วยงานส่วนท้องถิ่น และไม่มีทางนำเงินนี้ไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวเด็ดขาด จะใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะเท่านั้น”
หลังจากเงียบไปสักพัก เขาก็พูดว่า “คุณคิดว่าฉันควรเอาไปสนับสนุนในด้านไหนดีกว่ากัน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมไม่ขอลงความเห็นในเรื่องนี้อีกต่อไป คุณควรที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตนเอง ! ผมเหนื่อยมาหลายวันแล้ว ไม่อยากกังวลกับมันอีก”
นายกเทศมนตรีจางอดไม่ได้ที่จะกลอกตา เขาไปที่เกสต์เฮาส์ชิงเจียงบ่อยครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่เห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะทำอะไรเลย นอกจากเดินเล่นไปวัน ๆ และคนที่ยุ่งมากที่สุดก็คือหลินเจียจวิ๋น เย่กวงโต้ว และพนักงานคนอื่น
แต่เขาก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ “ถ้าเหนื่อยจากการทำงาน การนวดเท้าไม่ช่วยให้คุณผ่อนคลายเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าคุณอยากไปก็ไปเองแล้วกันนะครับ แต่ตอนนี้ที่ร้านเริ่มเก็บเงินแล้ว ขืนผมไปกับคุณ ผมก็ต้องได้จ่ายให้ มันดูจะไม่คุ้มค่า”
นายกเทศมนตรีจางพูดด้วยความโกรธ “นายหาเงินได้มากกว่า 10 ล้านหยวนภายในสามวัน ยังจะมางกกับอีแค่เรื่องค่าบริการนวดเท้าจากฉัน”
เจียงเสี่ยวไป๋เม้มริมฝีปาก “ทุกคนมีธุรกิจของตัวเอง เพียงเพราะผมหาเงินได้เก่ง ก็ไม่ได้แปลว่าคุณจะเอาเปรียบผมได้เสมอไป ! ”
พวกเขาทั้งสองพูดประชดประชันกันอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดอย่างจริงจัง “คราวนี้ที่ผมมาหาคุณ ก็เพื่อคุยเรื่องธุรกิจอย่างจริงจัง”
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “งั้นก็พูดมา ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ขณะนี้เจียงเจียกรุ๊ปได้รับการจัดตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว แต่บริษัทยังไม่มีสำนักงาน ผมต้องการพื้นที่บนถนนชิงโจวเพื่อสร้างเป็นสำนักงานชั่วคราว จากนั้นจึงค่อยย้ายไปที่อาคารชิงโจวหลังจากสร้างเสร็จแล้ว”
นายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เนื่องจากเป็นบริษัทใหญ่ แน่นอนว่าจำเป็นต้องมีสำนักงาน หากพื้นที่ที่นายต้องการเป็นพื้นที่ว่าง ก็จะจัดการได้ง่ายกว่า”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ตรงข้ามอาคารผู้โดยสาร หากออกไปห้าร้อยเมตรมีโรงงานว่างไม่ใช่เหรอ ? ถ้าเป็นไปได้ ผมอยากจะเปิดสำนักงานที่นั่น”
นายกเทศมนตรีจางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “ที่แท้คุณก็เล็งโรงงานลูกกวาดไว้นี่เอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม
นายกเทศมนตรีจางเห็นว่าเขาเงียบ จึงพูดต่อ “ที่นั่นเคยเป็นโรงงานทำลูกกวาดที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถทำธุรกิจต่อได้ แต่มันเป็นที่ดินของรัฐวิสาหกิจ ฉันเกรงว่าจะเอามาให้คุณไม่ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “วันนั้นคุณบอกว่าคุณจะให้ที่ดินผืนหนึ่งกับผมเพื่อสร้างโรงงานหมากฝรั่ง”
นายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “ฉันได้หารือเรื่องนี้กับรองนายกเทศมนตรีถังแล้ว เราได้จัดสรรที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมให้คุณ 200 หมู่ หากสนใจ สามารถดำเนินการได้ตลอดเวลา”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้นำ คุณช่วยไปคุยกับโรงงานลูกกวาดให้พวกเขามอบที่ดินบนถนนชิงโจวให้ผมหน่อยได้ไหม และขอที่ดินเพิ่มให้กับโรงงานลูกกวาดด้วยครับ สำหรับโรงงานหมากฝรั่งของผมก็แบ่งที่ให้โรงงานลูกกวาดไปส่วนหนึ่ง”
นายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “สิ่งที่คุณกำลังทำไม่ต่างจากการใช้ลูกคิดทองคำ ใช้ประโยชน์จากทั้งสองฝ่าย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หลังจากที่ผมตั้งโรงงาน แม้ว่าผมจะให้หุ้นพวกเขาเพียง 10% แต่เชื่อเถอะว่ามันดีกว่าโรงงานที่พวกเขาทำอยู่ปัจจุบันแน่นอน จากนี้ไป พวกเขาก็แค่ติดตามผมและเพลิดเพลินไปกับเงินปันผลที่จะได้ไปจากผม ! ”
เขาพูดเสียงดัง “พวกเขาอาจคิดว่าผมเอาเปรียบ แต่ผมคิดว่าพวกเขากำลังได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้อยู่ ! ”
นายกเทศมนตรีจางเชื่อในความสามารถของเจียงเสี่ยวไป๋ เขามองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้งแล้วพูดว่า “คุณจะเอาโรงงานนั้นจริง ๆ เหรอ ? ”
นายกเทศมนตรีจางไม่ได้มองเห็นว่าหมากฝรั่งที่เจียงเสี่ยวไป๋บอกมาจะตีตลาดได้มากนัก ท้ายที่สุดเขาก็คิดว่าปริมาณในการขายมีจำกัดอยู่ดี
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างมั่นใจ “เมื่อก่อตั้งโรงงานลูกกวาดแล้ว ผลผลิตจะไม่น้อยกว่าโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองเลย”
จากนั้น เขาก็ชี้ไปที่หัวของเขา “สิ่งสำคัญมันอยู่ในนี้ครับ ! ”