ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 687 มีของกินให้เลือกซื้อมากมาย
ตอนที่ 687 มีของกินให้เลือกซื้อมากมาย
หลินต้ากั๋วและคนอื่นเดินไปตามถนนของตลาดกลางคืน และตกใจกับภาพตรงหน้าที่พวกเขาเห็น
ถนนที่แต่เดิมค่อนข้างกว้างและว่างเปล่า บัดนี้กลับเรียงรายไปด้วยเต็นท์ขายอาหาร เต็นท์แต่ละหลังมีโต๊ะเล็ก ๆ สามถึงสี่โต๊ะ ด้านหลังเต็นท์มีอุปกรณ์ทำอาหารต่าง ๆ เช่น เตาถ่าน กระทะ หม้อนึ่ง เตาบาร์บีคิว และอื่น ๆ อีกมากมาย
ถัดมาเป็นตู้โชว์วัตถุดิบต่าง ๆ ข้างในมีวัตถุดิบทุกชนิด ทั้งเนื้อสัตว์และผัก
นอกจากวัตถุดิบสดแล้ว ยังมีอาหารปรุงสุกอีกมากมาย เช่น พะโล้มังสวิรัติ ของว่าง และอื่น ๆ ที่พร้อมรับประทานและน่าดึงดูดใจจนคนที่เดินไปมาต้องซื้อกลับ เพราะต้านทานความอยากไม่ไหว
โดยเฉพาะเวลาที่เห็นคนข้าง ๆ กำลังกิน มันก็ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะน้ำลายไหล
พ่อครัวที่สวมหมวกและเสื้อคลุมสีขาวกำลังยุ่งอยู่ มีเปลวไฟจากการทำอาหารลุกขึ้นเป็นครั้งคราวน่าดึงดูดมาก อีกด้าน พนักงานย่างก็กำลังพลิกเนื้อที่ย่างอยู่บนเตาบาร์บีคิว น้ำมันของเนื้อเมื่อเจอกับไฟข้างล่างก็ส่งเสียง ‘แซ่ แซ่’ ออกมา เมื่อควันสีขาวลอยขึ้น กลิ่นหอมฟุ้งก็ลอยเข้ามาเตะจมูกผู้คนที่เดินผ่านไปมา หันไปอีกด้านก็เห็นพ่อค้าราเมงกำลังทำราเมงอยู่ แป้งก้อนหนึ่งถูกดึงขึ้นมาระหว่างมือของเขา และในไม่ช้าพอดึงหลาย ๆ รอบเข้า มันก็กลายเป็นเส้นบะหมี่เรียวยาวจำนวนหนึ่งกำมือ เขาโยนบางส่วนลงในกระทะน้ำร้อนและลวกมันอย่างคล่องแคล่ว……
พ่อครัวก็กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร ส่วนพนักงานก็ยุ่งอยู่กับการรับลูกค้าและเสิร์ฟอาหาร สำเนียงทางใต้และเหนือที่หลากหลายฟังดูมีชีวิตชีวามาก
“มองดูของกินพวกนี้แล้ว ฉันก็อดใจแทบไม่ไหว ! ” เมิ่งเหว่ยอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา สายตาของเขามองไปที่ของปิ้งย่างบนเตาขณะที่เขากำลังพูด
เกาเทียนเยว่กล่าวว่า “ถูกต้อง เหล่าเจิง หากคุณไม่ปล้นเงินทั้งหมดของเราไปเพื่อซื้อบัตรวีไอพี ป่านนี้เราก็สามารถซื้อของพวกนี้มากินได้แล้ว”
เจิงเหลียงหยูหัวเราะออกมาด้วยความเฉยเมย “มีเถ้าแก่เจียงอยู่ที่นี่ทั้งคน พวกคุณยังต้องกังวลอะไรอีก”
เกาเทียนเยว่มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และพูดด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เจียง ทันทีที่คุณรับปาก ฉันพร้อมจะออกไปหาอะไรกินเลยนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ตามสบายเลยครับ พวกคุณอยากกินอะไรก็สั่งได้เลย ! ” เขาตบกระเป๋าของเขา และพูดต่อ “มีเงินอยู่ในนี้ตั้งเยอะ จะกลัวอะไร ! ”
เกาเทียนเยว่รู้สึกดีใจมากและเรียกเมิ่งเหว่ยทันที “เร็วเข้า ได้เห็นของกินพวกนี้ ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”
“โอเค ฉันก็อยากกินเหมือนกัน ! ” เมิ่งเหว่ยตอบตกลงทันทีและเดินตรงไปที่ร้านปิ้งย่างพร้อมกับเกาเทียนเยว่
“ลูกค้าจะรับอะไรดีครับ ? ” พ่อค้าขายปิ้งย่างหม่าล่าถามด้วยรอยยิ้มขณะโรยพริกป่นลงบนอาหารที่ย่างบนตะแกรง
“ฉันเอาปิ้งย่างหม่าล่า ! ” เกาเทียนเยว่กล่าว
พ่อค้าชี้ไปที่ตู้ที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดว่า “ลูกค้าสามารถเลือกหยิบใส่จานได้เลยนะครับ ชื่อและราคาต่อไม้เราเขียนกำกับไว้ชัดเจนแล้ว เลือกได้ตามสบายเลยครับ”
เกาเทียนเยว่และเมิ่งเหว่ยหยิบจานสแตนเลสมาคนละใบ เดินไปที่ตู้ ซึ่งข้างในมีของปิ้งย่างที่ยังไม่ได้ย่างให้เลือกหลากหลาย พอเปิดออก ก็เห็นว่าข้างในมีวัตถุดิบให้เลือกหลายแบบ
วัตถุดิบที่อยู่ในตู้ถูกจัดเรียงอย่างเป็นหมวดหมู่
ในส่วนของเนื้อที่มีให้เลือก ก็ได้แก่ คากิ เอ็นไก่ สามชั้นสไลด์ เนื้อไม่ติดมัน สันใน หัวใจ ไต ไส้กรอก เนื้อวัว ไตแกะ เนื้อแกะ เอ็นวัว เนื้อสเต็ก ปีกไก่ ขาไก่ ปีกกลางไก่ ตีนไก่ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมีหอยนางรม กุ้งแม่น้ำ หอยเชลล์ หอยทาก ปู ปลาซันมะ ฯลฯ
ส่วนมังสวิรัติได้แก่ ข้าวโพด มันฝรั่ง เห็ด มันเทศ พริกหยวก มะเขือยาว บวบ กระเจี๊ยบเขียว กระเทียม พริกเขียว แตงกวา รากบัว ฟองเต้าหู้ ฯลฯ
“มีเยอะมาก ! ” เมิ่งเหว่ยรู้สึกตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมา
เกาเทียนเยว่กล่าวว่า “เลือกไม่ถูกเลย เอาที่คิดว่าอร่อย ๆ ลองไปชิมกันดูก่อน นี่แค่ร้านแรก หากเรากินอิ่มเกินไปจะไม่คุ้ม”
“ใช่ ใช่ ใช่ ! ” เมิ่งเหว่ยพูดซ้ำ ๆ ก่อนจะหยิบเนื้อแกะเสียบไม้ขึ้นมาสองสามไม้ จากนั้นก็ไตแกะเสียบไม้อีกสองสามไม้
เกาเทียนเยว่ยิ้ม “ของที่คุณเลือกทั้งหมดล้วนเป็นอาหารบำรุงกำลัง ช่วงนี้คุณรู้สึกอ่อนแองั้นเหรอ ? ”
เมิ่งเหว่ยได้ยินแบบนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องรอให้ร่างกายอ่อนแอก่อนถึงค่อยกินอาหารเสริมพวกนี้ได้ ต่อให้สุขภาพดีก็ต้องกินอาหารเสริมเข้าไปเยอะ ๆ เพราะถ้าสุขภาพอ่อนแอจริง ๆ มันคงสายเกินไปที่จะกินอาหารเสริมเหล่านี้”
เกาเทียนเยว่หัวเราะและพูดว่า “คุณพูดถูก งั้นเอากระเทียมย่างเพิ่มอีกดีกว่า ! ”
“โอเค โอเค เลือกได้ดี ! ”
เมิ่งเหว่ยหยิบกระเทียมลงไปในจานอีกสองสามไม้ จากนั้นก็เดินไปที่เตาแล้วยื่นให้พ่อค้าย่างให้
“รอสักครู่นะครับ เดี่ยวผมจะย่างให้ คุณลูกค้าต้องการเผ็ดไหม ? ”
“เผ็ดนิดหน่อยก็ได้ ! ”
“โอเค เผ็ดนิดหน่อย ! ”
ในอีกด้านหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ หลินต้ากั๋ว และหลินเจียอินต่างก็ยุ่งอยู่กับการเลือกอาหารในร้านตรงข้าม
ดวงตาที่สวยงามของหลินเจียอินมองไปรอบ ๆ ทุกอย่างดูน่ากินสำหรับเธอไปหมด จนเธอไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรมาสักพักแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “”ดูป้ายนี้สิ มันบอกว่าร้านนี้ขึ้นชื่อในเรื่องหมูสามชั้นผัด คุณอยากลองสักชามไหม ? ”
หลินเจียอินถามว่า “ชื้อแค่ชามเดียวมากินด้วยกันได้ไหม ? ”
เพราะเธอไม่อยากกินเยอะเกินไปจนอิ่ม แล้วจะกินอย่างอื่นไม่ได้อีก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ชามใส่อาหารของทุกร้านในตลาดแห่งนี้เป็นชามพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งจากโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกของเรา ซึ่งมีขนาดเล็กมาก”
หลินเจียอินยิ้ม “ในเมื่อคุณพูดขนาดนี้แล้ว งั้นลองชิมคนละชามก็ได้ ! ”
“พ่อค้า เอาหมูสามชั้นผัดสองชาม ! ” เจียงเสี่ยวไป๋สั่งอาหารกับเจ้าของร้านทันที
หลินเจียอินกล่าวว่า “ทำไมคุณถึงสั่งสองชาม ? เรามีกันสามคน”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมสั่งให้คุณและลุงรองคนละชาม หากกินเหลือ ผมค่อยกินต่อ คุณจะได้เก็บกระเพาะไว้กินอย่างอื่นต่อไง”
หลินเจียอินยิ้มออกมา ใบหน้าของเธอดูมีความสุขมาก
คงจะดีไม่น้อยถ้าพ่อแม่ พ่อแม่สามีและลูกสาวมาที่นี่ด้วย เพราะมันมีของให้เลือกชื้อเลือกชิมมากมาย ต่อให้ชื่ออย่างละชามและแบ่งกันกิน แต่ก็อิ่มได้ และยังสามารถลิ้มรสเมนูต่าง ๆ ได้อีกหลายเมนูด้วย
ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่ จู่ ๆ เธอก็ได้ยินว่า “หม่าม๊าอยู่ที่นี่จริง ๆ ด้วย ! ”
หลินเจียอินหันกลับมา ก็เห็นเจียงชานลูกสาวของเธอกำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ
“ชานชาน หนูรู้ได้อย่างไรว่าเราอยู่ที่นี่”
เจียงชานยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “ป้าของหนูเป็นคนบอก”
จากนั้น หลินเจียอินก็สังเกตเห็นหลินเจียหงและคนอื่นกำลังเดินมาทางนี้ ด้านหลังเธอคือหลินต้าเหว่ย หลิวอี้ถิง เจียงไห่หยาง หวังซิ่วจวี๋ และครอบครัวของเจียงเสี่ยวเฟิง
“ผู้คนมากมายขนาดนี้ มันไม่ง่ายเลยที่เราจะหากันเจอ” หลินเจียอินจับแขนของหลินเจียหงแล้วพูดขึ้นมา
หลินเจียหงกล่าวว่า “ฉันโทรหาจางหงหยู ให้เธอโทรบอกฉันทันทีที่พวกเธอออกมา จากการคำนวณเวลาก็คิดว่าน่าจะได้มาเจอเธอที่นี่พอดี”
ขณะที่เธอพูด ดวงตารูปอัลมอนด์ของเธอก็มองไปรอบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะน้ำลายสอเมื่อได้กลิ่นของอาหาร
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นหลินต้าเหว่ยและคนอื่น เขาจึงรีบเข้าไปทักทายและกล่าวขอโทษว่า “พ่อ แม่ ตอนกลางวันผมไม่มีเวลาไปอยู่ด้วยเลย หากอยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ ตามสบาย เดี๋ยวผมจ่ายให้เอง”
หลินต้าเหว่ยยิ้ม “ไม่เป็นไร เอาเวลาไปต้อนรับลุงรองและเพื่อนของเขาก่อนเถอะ ส่วนเราจะคุยกันเมื่อไหร่ก็ได้”
ในเวลานี้ หลินต้ากั๋วก็เดินออกจากร้านมาและเห็นหลินต้าเหว่ยเข้าพอดี เขาจึงยิ้มทักทายน้องชายของเขา
“พี่รอง ! ”
“พี่รอง ! ”
หลินต้าเหว่ยและหลิวอี้ถิงต่างก็ตะโกนออกมา
หลินต้ากั๋วตอบกลับทั้งสองและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันคิดว่าครั้งนี้คงไม่มีเวลาเจอพวกเธอซะอีก ไม่คิดว่าจะมาพบกันที่ตลาดเอาได้”