ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 686 มาถึงตีนเขาฉีเฟิง
ตอนที่ 686 มาถึงตีนเขาฉีเฟิง
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เสี่ยวไป๋และฉันพูดคุยกัน ไว้ฉันจะบอกรายละเอียดให้คุณทราบ หลังจากที่เรากลับไปที่เจียงเฉิงแล้ว”
เจิงเหลียงหยูหัวเราะ “น่าเสียดาย ฉันคิดว่ามันเป็นโครงการนี้ซะอีก ถ้าเอาธุรกิจนี้ไปเปิดที่เจียงเฉิงนะ ฉันจะเข้าไปใช้บริการบ่อย ๆ เพราะเวลานวดแล้วทำให้รู้สึกสบายตัวมาก”
หลินต้ากั๋วยิ้มและพูดว่า “เสี่ยวไป๋บอกฉันว่าอีกไม่นานจะมีการเปิดร้านนวดเท้าอีกหลายแห่งในเจียงเฉิง เมื่อถึงตอนนั้น คุณจะเข้าไปนวดเท้าบ่อยแค่ไหนก็ได้”
เจิงเหลียงหยู เกาเทียนเยว่และเมิ่งเหว่ยต่างก็มีความสุขมาก ต่อไปนี้เมื่อพวกเขาเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน พวกเขาก็ยังมีสถานที่ให้ผ่อนคลาย
ฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อมองหน้ากันอีกครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ยินคำตอบเรื่องโครงการการขายล็อตเตอรี่ระยะยาวจากหลินต้ากั๋ว แต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็น่าจะมีข่าวดี มันจึงทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะแอบมีความสุขอยู่เล็ก ๆ ในใจ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลินต้ากั๋วมองดูนาฬิกาของเขาแล้วยืนขึ้น พลางพูดว่า “จะหกโมงแล้ว เราไปที่ตีนเขาฉีเฟิงกันดีกว่า ! ”
เกาเทียนเยว่กล่าวว่า “เราต้องรีบไปก่อน ไม่อย่างนั้นคงเบียดเข้างานไม่ได้แน่นอน”
เจิงเหลียงหยูและคนอื่นยิ้ม แล้วเดินตามหลินต้ากั๋วออกไปข้างนอก
เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เมฆสีเทาปกคลุมท้องฟ้า แสงไฟหลายพันดวงในเมืองเริ่มสว่างขึ้น บรรยากาศเริ่มที่จะอึมครึมลงอีกครั้ง
ที่ตีนเขาฉีเฟิง มีผู้คนมากมายไม่น้อยไปกว่าที่เกสต์เฮาส์ชิงเจียงในตอนเที่ยงเลย
ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ทั้งสองแห่งยังอยู่ห่างกันไม่ถึง 600 เมตร และผู้คนยังคงสัญจรไปมา
หลินต้ากั๋วและคนอื่นเดินช้า ๆ เข้าไปในฝูงชนและได้ยินการสนทนาต่าง ๆ ของผู้คนเหล่านี้
“ได้ยินว่าเย็นนี้มีคนถูกรางวัลอีกแล้ว”
“จริงเหรอ ? แล้วใครถูก ? ”
“เห็นว่าเป็นผู้หญิง เธอชื่อฟางอะไรสักอย่างนี่แหละ ฉันจำไม่ได้แล้ว”
“ฉันรู้ เธอชื่อจ้านหยูฟาง เป็นลูกจ้างของโรงงานลูกกวาด”
“อ่า คนมีตำแหน่งได้รางวัลใหญ่อีกแล้ว ! ทำไมคนมีเงินถึงถูกตลอดเลยนะ ? ”
“ใช่แล้ว ไม่เคยเห็นคนธรรมดาอย่างเราถูกรางวัลใหญ่กับเขาบ้างเลย”
“คุณคิดผิดแล้ว ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้โรงงานลูกกวาดกำลังประสบกับปัญหา ครอบครัวของจ้านหยูฟางก็ไม่ค่อยมีเงิน แทบจะไม่มีรายได้เลย”
“ไม่ใช่มั้ง ? ไม่มีเงินจะกิน แต่มีเงินมาซื้อล็อตเตอรี่งั้นเหรอ ? เชื่อก็บ้าแล้ว ! ”
“ตอนที่พิธีกรสัมภาษณ์เธอ เธอบอกว่ามีเงินอยู่ในมือแค่ 4 เหมา ตั้งใจจะไปซื้อข้าว แต่พอเห็นล็อตเตอรี่ก็แบ่งเงิน 2 เหมาไปซื้อลอตเตอรี โดยไม่คาดคิดว่าเธอถูกรางวัลพิเศษจริง ๆ ”
“โอ้พระเจ้า เป็นไปได้อย่างไร เธอซื้อล็อตเตอรี่หนึ่งใบกลับถูกรางวัลพิเศษ ฉันซื้อมาสิบใบได้เพียงแค่คูปองส่วนลดเท่านั้น นี่มันไม่ยุติธรรมเอาซะเลย ! ”
“ไม่ยุติธรรมอะไรล่ะ ? คนที่ถูกล็อตเตอรี่ก็คือคนที่โชคดีเท่านั้นแหละ”
“ใช่ เป็นปกติที่คุณจะซื้อล็อตเตอรี่มาหลายสิบใบแต่ไม่ถูกรางวัลใหญ่ ฉันเห็นคนซื้อล็อตเตอรี่ตั้ง 200 หยวน แต่กลับถูกรางวัลแค่ 10 หยวนก็มีมาแล้ว ”
“ใช่แล้ว…จะถูกรางวัลใหญ่หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคุณเอง”
“ไม่ ชะตากรรมของบางคนเปลี่ยนไปด้วยเหตุนี้”
“ฉันได้ยินมาว่าจ้านหยูฟางร้องไห้ทันทีที่เธอขึ้นไปรับรางวัล เธอร้องไห้จนตาบวมเลย”
“อ่า ? เธอถูกรางวัลใหญ่และกลายเป็นเศรษฐีแล้ว ทำไมเธอต้องร้องไห้ด้วย ? ”
“ฉันได้ยินมาว่าเธอเป็นคนยากจน สามีของเธอเสียชีวิตที่ชายแดนทางใต้ แม่สามีของเธอก็เป็นอัมพาตติดเตียง ลูกทั้งสองก็ยังเล็กอยู่ โรงงานลูกกวาดที่เธอทำงานอยู่ก็ได้เงินมาไม่มาก ครอบครัวไม่มีเงินซื้อถ่านหินด้วยซ้ำ แต่เธอมีลูกเล็ก จึงต้องเก็บเศษถ่านหินจากขี้เถ้าที่คนอื่นทิ้งกลับมาบ้านทุกวัน”
“ชีวิตน่าเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอ ? ”
“ใช่ จ้านหยูฟางบอกว่าเดิมทีเธอคิดว่าเธอคงไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาวนี้ แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าจะถูกรางวัลพิเศษ เพราะมันเปลี่ยนชีวิตของเธอจากยากจนกลายเป็นเศรษฐีได้เลย”
“อนิจจา น่าสงสารจริง ๆ เธอโชคดีแล้ว”
“ใช่แล้ว ตอนที่ขึ้นไปบนเวที จ้านหยูฟางยังกล่าวขอบคุณเจียงเจียกรุ๊ปที่ช่วยเปลี่ยนชีวิตของเธอ”
“และยังมีอีกคนหนึ่งที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง สถานการณ์ชีวิตของเธอก็คล้ายกับของจ้านหยูฟาง ครอบครัวของเธอยากจนมาก เธอจึงซื้อลอตเตอรีเพียง 2 เหมาเท่านั้น แต่เธอก็ถูกรางวัลที่หนึ่ง ได้รับเงิน 3,000 หยวน เธอก็ร้องไห้เหมือนกันตอนที่ขึ้นมารับเงินรางวัลบนเวที”
“ไม่มีประโยชน์ที่จะไปอิจฉาคนอื่น เราก็เสี่ยงโชคของเราไป ซื้อล็อตเตอรี่เท่าที่มีก็พอ”
“ใช่ ยังมีรางวัลพิเศษเหลืออีกตั้ง 8 รางวัลที่ยังไม่มีคนถูก”
“รางวัลที่หนึ่งก็ออกไปแค่ 4 รางวัลเท่านั้น ยังมีเหลืออีกหลายรางวัล พรุ่งนี้ก็ยังไม่สาย ถ้าไม่ถูกรางวัลพิเศษก็ยังมีโอกาสถูกรางวัลที่หนึ่งอยู่”
“ฮ่าฮ่า… ฉันหวังว่าคุณจะได้รับรางวัลใหญ่นะ ! ”
“ฮ่าฮ่า… ถ้าฉันถูกแจ็คพอต ฉันจะซื้อขนมและเครื่องดื่มของทุกร้านในตลาดนี้ให้คุณเลย”
“เยี่ยมมาก ไปดูกันเถอะว่ามีอะไรอร่อยกินบ้าง ! ”
“……”
เมื่อฟังการสนทนาเหล่านี้ หลินต้ากั๋วก็นึกถึง “โครงการลอตเตอรีแห่งความหวัง” ที่เจียงเสี่ยวไป๋เสนอให้ฟัง บางทีวิธีนี้อาจไม่เพียงแต่สร้างความหวังเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนชะตากรรมของใครอีกหลายคนอีกด้วย
เขาเริ่มมีความมุ่งมั่นที่จะทำสิ่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ
เกาเทียนเยว่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สหายเย่ผิง ในชิงโจวของคุณมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมาอีกสองครัวเรือนแล้วนะ ! ”
ฉีเย่ผิงยิ้มและกล่าวว่า “นี่คือการบรรเทาความยากจนรูปแบบใหม่ที่เจียงเจียกรุ๊ปสร้างขึ้น คือการที่กลายมาเป็นเศรษฐีโดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไร”
ได้ยินแบบนั้น เจิงเหลียงหยู เกาเทียนเยว่ และคนอื่นต่างก็หัวเราะออกมา
มีเพียงเจียงเสี่ยวไป๋เท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายเป็นเศรษฐีได้ในพริบตาแบบนี้ ซึ่งเขาสามารถเปลี่ยน 10 ครอบครัวธรรมดาให้กลายเป็นเศรษฐีเงินหมื่นได้ในเวลา 3 วัน
จางอี้เต๋อยิ้ม “ท่านผู้นำอาจจะยังไม่รู้ ผมได้ยินมาว่าเมื่อเช้านี้ตอนที่ผู้บริหารในเจียงเจียกรุ๊ปประชุมกัน เจียงเสี่ยวไป๋ได้ตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ ในสามปีข้างหน้าให้กับบริษัทสองประการ”
“โอ้ ? ” หลินต้ากั๋วอดไม่ได้ที่จะแสดงความสนใจออกมา “บอกฉันหน่อยได้ไหมว่าเป้าหมายเล็ก ๆ ของเจียงเจียกรุ๊ปคืออะไร ? ”
จางอี้เต๋อกล่าวว่า “เจียงเสี่ยวไป๋พูดเป้าหมายเล็ก ๆ ของบริษัทออกมาว่า อย่างแรกคือผลกำไรของเจียงเจียกรุ๊ปต้องได้เกินหมื่นล้านภายในเวลา 3 ปี ! ”
ซี๊ด !
ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นวาบเข้าไป
หมื่นล้าน !
นี่เป็นเป้าหมายเล็ก ๆ แล้วใช่ไหม ?
หากนี่คือเป้าหมายเล็ก ๆ งั้นทุกคนก็คงไม่มีเป้าหมายอะไรแล้ว
ในตอนที่พวกเขากำลังตกใจอยู่นั้น จางอี้เต๋อก็พูดต่ออีกว่า “เป้าหมายเล็ก ๆ อย่างที่สองก็คือ พนักงานทุกคนของเจียงเจียกรุ๊ปที่ทำงานมาครบหนึ่งปี จะต้องมีรายได้เกินหนึ่งหมื่นหยวนต่อปี”
เกาเทียนเยว่ตกตะลึง ในตอนแรกเขากำลังพูดถึงการที่เมืองชิงโจวสามารถสร้างเศรษฐีคนใหม่ขึ้นมาได้หลายครอบครัวในเวลาอันสั้น แต่โดยไม่คาดคิด เจียงเสี่ยวไป๋กลับกล้ารับปากว่าพนักงานของเขาทุกคนที่ทำงานมานานกว่าหนึ่งปีว่าจะได้กลายเป็นเศรษฐีที่มีรายได้หนึ่งหมื่นหยวนต่อปี
แล้วแบบนี้เมืองชิงโจวจะมีเศรษฐีเพิ่มขึ้นมากี่คนกัน ?
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่จางอี้เต๋อรู้เนื้อหาของการประชุมในเจียงเจียกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้นเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเก็บเป็นความลับในที่ประชุม เพราะทุกเรื่องไม่ใช่ความลับ และไม่กลัวว่าข่าวจะแพร่กระจายออกไป
เขายิ้มและพูดว่า “ใช่ มันเป็นเป้าหมายเล็ก ๆ สองเป้าหมายที่ผมเสนอออกมา ไม่เพียงแต่เสนอเท่านั้น แต่ผมจะทำให้บรรลุเป้าหมายนั้นด้วย ! ”
ความมุ่งมั่นและความมั่นใจออกมาจากคำพูดของเขา แม้แต่หลินต้ากั๋วก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ แต่เขาก็ตั้งใจที่จะสนับสนุนเจียงเสี่ยวไป๋ในการทำให้ธุรกิจ ‘ล็อตเตอรี่แห่งความหวัง’ ประสบความสำเร็จเหมือนกัน
เขารู้สึกภูมิใจที่มีหลานเขยแบบนี้
แม้ว่าจะเป็นการใช้อำนาจช่วยเหลือคนในครอบครัวเดียวกันก็ตาม แต่เขาก็ไม่ลังเลเลย
หลังจากนั้นไม่นาน ทุกคนก็เงียบลง
หลินต้ากั๋วยิ้มและพูดว่า “เร็วเข้า รีบเดินไปข้างหน้าเถอะ มีอาหารอร่อยหลายร้อยรายการรอเราอยู่ข้างหน้าแล้ว”
“ถูกต้อง ไปกินข้าวกันก่อนแล้วค่อยคุยกัน” เกาเทียนเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม
เป็นผลให้คนทั้งกลุ่มฝ่าฝูงชนก้าวไปข้างหน้า ในไม่ช้า กลิ่นหอมต่าง ๆ ก็เริ่มลอยเข้ามาแตะจมูกของพวกเขา เสียงตะโกนอึกทึกครึกโครมของผู้คนและพ่อค้าแม่ค้าก็ดังเข้ามาถึงหูของพวกเขา
ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเต็นท์ที่อยู่ตรงหน้าเป็นแถวยาวไปตามถนน มีไอน้ำและควันพวยพุ่งขึ้นมา หน้าเต็นท์แต่ละหลังเต็มไปด้วยผู้คน เป็นฉากที่มีชีวิตชีวามาก