ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 685 ตัดสินใจแล้ว
ตอนที่ 685 ตัดสินใจแล้ว
ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถึงคราวที่ฉันต้องใช้อำนาจของพ่อแล้ว !
หลินต้ากั๋วรีบตัดสินใจในใจ
เขามองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างลึกซึ้งและถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ถ้าฉันผลักดันเรื่องนี้ไปทั่วทั้งประเทศ นายจะรับประกันให้ฉันได้ไหมว่ามณฑลจีนตอนกลางจะได้รับประโยชน์เช่นกัน”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกมีความสุขกับประโยคที่หลินต้ากั๋วถามออกมา เพราะเห็นได้ชัดว่าหลินต้ากั๋วจะช่วยสนับสนุนเรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจึงพูดขึ้นมาทันทีว่า “ทุกอย่างต้องมีกระบวนการครับ มันต้องเริ่มต้นจากโครงการนำร่อง เช่นเดียวกับการก่อสร้างพื้นที่ชนบทใหม่ในชิงโจว ซึ่งเราได้นำโครงการนี้ไปทำครั้งแรกในเจียงวาน เมื่อโครงการนำร่องสำเร็จก็จะขยายไปยังเมืองและหมู่บ้านอื่นต่อไป”
“ผมหวังว่าล็อตเตอรี่จะสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้ เพื่อให้แผนการพัฒนาประเทศโดยรวมของเราเป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะเริ่มจากมณฑลจีนตอนกลาง แล้วจึงขยายโครงการไปทั่วประเทศ”
“ตัวอย่างเช่น จะมีการจัดตั้งสำนักงานโครงการความหวังของประเทศ และสำนักงานความหวังจะจัดการเรื่องการออกล็อตเตอรี่ เพื่อการดูแลและการใช้กองทุนที่ได้จากการขายล็อตเตอรี่โดยเฉพาะ”
ดวงตาของหลินต้ากั๋วสว่างขึ้นหลังจากได้ยินประโยคนี้ แผนการนี้สามารถเป็นไปได้ และหากไม่มีใครเห็นด้วย เขาจะอาสาทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของโครงการความหวังนี้เอง
เขายิ้มออกมาและถามว่า “แล้วนายอยากจะทำหน้าที่อะไรในโครงการนี้ ? ”
เขารู้ว่าในฐานะนักธุรกิจ เจียงเสี่ยวไป๋คงไม่ทำอะไรให้ใครฟรี ๆ เพราะหลานเขยของเขาไม่ใช่คนที่เสียสละขนาดนั้น
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและกล่าวว่า “ถ้าลุงรองสามารถดูแลเรื่องนี้ได้ ผมก็จะขอรับหน้าที่เป็นคนขายล็อตเตอรี่นี้ยังจุดต่าง ๆ เอง”
“เพราะเงินทั้งหมดจากการขายล็อตเตอรี่แห่งความหวังจะมอบให้รัฐบาล ส่วนผมจะเอาเพียงค่าคอมมิชชั่นจากการขายเท่านั้น”
หลินต้ากั๋วเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “นายต้องการค่าคอมมิชชั่นเท่าไหร่ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “หากลุงต้องการขายล็อตเตอรี่แห่งความหวัง ลุงจะต้องมีแหล่งขายกระจายยังเมืองต่าง ๆ ทั่วประเทศ หรือพูดง่าย ๆ คือต้องมีแผงขายล็อตเตอรี่ ตัวอย่างเช่น ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองชิงโจว จะต้องมีแผงขายอย่างน้อยสิบแห่งหรือมากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นเมืองใหญ่อย่างเจียงเฉิงอาจต้องมีแผงขายหลายพันจุด เพื่อให้แน่ใจว่าผู้คนสามารถซื้อล็อตเตอรี่ได้อย่างทั่วถึงและสะดวก”
“ซึ่งการตั้งแผงขายจะต้องเสียค่าเช่าที่และจ้างคนมาขาย ทุกอย่างล้วนต้องใช้ต้นทุน ผมจะรับผิดชอบเรื่องกำไรและขาดทุนของตัวเอง ส่วนค่าคอมมิชชั่นจะอยู่ที่ 15 ถึง 20 เปอร์เซนต์ มันไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ ? ”
หลินต้ากั๋วคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “โครงการนี้เป็นความคิดของนาย และมันต้องใช้ต้นทุนจำนวนมากในการดำเนินการ อัตราส่วนค่าคอมมิชชั่นที่นายเสนอมานั้นไม่มากเกินไปหรอก แต่ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะให้ค่าคอมมิชชั่นจำนวนนั้นแก่นายได้หรือไม่”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม เมื่อพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าหลินต้ากั๋วตกลงที่จะให้เขาเป็นผู้ขายล็อตเตอรี่นี้ ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว สำหรับค่าคอมมิชชั่นนั้น ไว้คุยกันทีหลัง
จากมุมมองของชีวิตสองชาติที่เขาผ่านมา เขาหวังว่าตราบใดที่ล็อตเตอรี่ออกมาแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้รับค่าคอมมิชชั่น แต่เขาก็ยังสามารถสร้างรายได้ได้
“ลุงรอง ลุงบอกว่าอยากให้มณฑลจีนตอนกลางได้รับผลประโยชน์จากล็อตเตอรี่นี้ใช่ไหม ? ผมเองก็จะบอกว่าค่าคอมมิชชั่นนี้ยังรวมถึงรายได้ของมณฑลจีนตอนกลางและเมืองชิงโจวด้วย”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองเจียงเสี่ยวไป๋ด้วยรอยยิ้ม เขาเข้าใจว่าเจียงเสี่ยวไป๋หมายถึงอะไร เขาพยายามเชื่อมโยงผลประโยชน์ของมณฑลจีนกลางเข้าด้วยกัน !
แค่เขาไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อยว่าคนทั้งประเทศเป็นเหมือนกระดานเกมหมากรุกขนาดใหญ่แบบนี้ แต่เหตุใดเจียงเสี่ยวไป๋ถึงเอาเมืองชิงโจวเข้าไปโยงด้วย ?
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ไม่ว่าค่าคอมมิชชั่นจะได้เท่าไร ผมจะรับเพียงครึ่งเดียว และผมจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ ส่วนค่าคอมมิชชั่นที่เหลือจะเป็นของมณฑลจีนตอนกลาง 80 เปอร์เซ็นต์และของเมืองชิงโจว 20 เปอร์เซ็นต์”
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “ด้วยวิธีนี้ ทั้งมณฑลจีนตอนกลางและเมืองชิงโจวจะได้รับผลประโยชน์ไปเต็ม ๆ แต่ความเสี่ยงทั้งหมดจะตกเป็นของนาย นายแน่ใจหรือว่าจะเอาแบบนี้จริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ลุงรอง ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมาเลยละกัน ตราบใดที่ผมไม่ขาดทุนในโครงการนี้ก็ไม่เป็นไร อย่างที่ลุงพูด ถ้าผมไม่ลงทุน ผมก็จะไม่ได้กำไร”
“เหตุผลที่ผมอยากลงทุนให้ ก็เพื่อส่งเสริมโครงการนี้และทำให้มันดำเนินไปด้วยดีในอนาคต”
หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดออกมาด้วยความมั่นใจว่า “เพราะผมรู้กฎของมันดีที่สุด และมีความสามารถในการขายที่สุด แค่การมีส่วนร่วมของผมก็สามารถรับประกันความสำเร็จของโครงการนี้ได้แล้ว”
หลินต้ากั๋วพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากนั้น ขณะที่ทั้งสองกำลังเพลิดเพลินกับการนวดเท้า ทั้งสองก็พูดคุยกันถึงรายละเอียดต่าง ๆ มากมายของโครงการ
ยิ่งเจียงเสี่ยวไป๋พูดออกมามากเท่าไร หลินต้ากั๋วก็รู้สึกถึงความเป็นไปได้ของโครงการนี้มากขึ้นเท่านั้น
เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว และทั้งสองก็นวดเท้ากันเสร็จแล้ว
หลังจากที่จางหงหยู หยวนหยวน และเฉินเจียออกไปแล้ว เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงรอง ลุงรู้สึกสบายตัวหลังนวดเท้าไหม ? ”
หลินต้ากั๋วลุกขึ้นยืนและพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเด็กนี่มีเรื่องเซอร์ไพรส์มากมายจริง ๆ วันนี้ฉันนั่งเครื่องบินมาและเดินชมนิทรรศการมามาก เลยเหนื่อยและปวดเท้า แต่หลังจากได้นวดเท้าแล้ว ฉันกลับรู้สึกสบายตัวและกระปรี้กระเปร่ายิ่งกว่าตอนตื่นนอนเสียอีก”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมก็คิดว่าอีกไม่นานจะเปิดสปาแบบนี้เพิ่มอีกหลายสาขาในเจียงเฉิงด้วย หากลุงเหนื่อยจากการทำงานก็ไปนวดเท้าที่นั่นได้ ซึ่งธุระบางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ เราก็พูดคุยตอนที่นวดเท้าได้ แบบนั้นมันทำให้ผ่อนคลายมาก ๆ เลยครับ”
หลินต้ากั๋วหัวเราะเสียงดัง “ฉันก็คิดว่ามันดีเลยทีเดียว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นออกไปกันเถอะ เราไปดื่มชาและสูบบุหรี่ข้างนอก ประมาณหกโมงเย็น ผมจะพาไปที่เชิงเขาฉีเฟิง เพื่อเดินดูตลาดกัน”
“ดี ! ” หลินต้ากั๋วเห็นด้วยและลุกขึ้นยืน
จากนั้น พวกเขาทั้งสามก็สวมเสื้อโค้ทและรองเท้าแล้วเดินออกจากห้องไปที่ลานด้านหน้า ฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อก็ออกมาแล้วเช่นกัน
แม้ว่าการนวดเท้าจะสบาย แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะอยู่ในห้องนานเกินไปจึงออกมาทันทีหลังนวดเสร็จ โดยหวังว่าจะออกมารอพวกเขาก่อน
พวกเขายังวางตนอยู่ในหน้าที่
ในเวลานี้ พนักงานชื่อเฉิงเยี่ยนหงกำลังชงชากังฟูให้กับทั้งสองคนอยู่
เจิงเหลียงหยู เกาเทียนเยว่ และเมิ่งเหว่ยยังไม่ออกมา พวกเขายังน่าจะนอนอยู่บนโซฟานวด คุยกันต่อหลังจากนวดเท้าเสร็จ
เมื่อฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อเห็นหลินต้ากั๋วออกมา พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนทันที
“ที่นั่งมีตั้งเยอะตั้งแยะ เชิญนั่งเถอะ” หลินต้ากั๋วโบกมือให้พวกเขานั่งที่เดิม
เมื่อหลินต้ากั๋วและคนอื่นนั่งลง ฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากนั่งลงด้วยความเกรงใจ
เฉิงเยี่ยนหงวางถ้วยชาไว้บนโต๊ะหน้าหลินต้ากั๋ว เจียงเสี่ยวไป๋ และหลินเจียอิน ก่อนจะเทชาที่ชงสดใหม่ลงไป แล้วพูดเสียงนุ่ม “เชิญดื่มชาได้เลยนะคะ”
หลินต้ากั๋วแตะนิ้วบนโต๊ะ หยิบถ้วยขึ้นมาแล้วจิบ จากนั้นก็เอามือปิดปาก “ชานี้รสชาติไม่เลว การดื่มชาคุณภาพดีช่วยให้มีความสุขขึ้นมากจริง ๆ ”
เฉิงเยี่ยนหงยิ้มและพูดว่า “นี่คือชาต้าหงเปาที่ผู้ช่วยเจียงนำมา”
หลินต้ากั๋วยิ้ม “ไม่แปลกใจเลย ! ”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบบุหรี่ของเขาออกมาและยื่นให้กับเจียงเสี่ยวไป๋ ฉีเย่ผิง และจางอี้เต๋อคนละมวน
พวกเขานั่งอยู่รอบโต๊ะหลุมไฟ ดื่มชาและสูบบุหรี่ขณะที่สนทนาไปด้วย
ไม่นานหลังจากนั้น เจิ้งเหลียงหยู เกาเทียนเยว่ และเมิ่งเหว่ยก็ออกมา มันทำให้บรรยากาศตรงโต๊ะหลุมไฟมีชีวิตชีวาขึ้นไปอีก
เกาเทียนเยว่กล่าวว่า “เสี่ยวเจียง ธุรกิจนวดเท้านี้ของคุณดีมาก นี่คือเรื่องเซอร์ไพร์ที่คุณบอกรัฐมนตรีหลินใช่ไหม ? ”
เมื่อฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อได้ยินคำพูดนี้ ทั้งสองก็มองหน้ากันทันที พวกเขารู้ชัดเจนว่าสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋และ หลินต้ากั๋วพูดถึงไม่ใช่เรื่องการนวดเท้า แต่เป็นโครงการขายล็อตเตอรี่ระยะยาว พวกเขาอยากจะถามถึงผลลัพธ์มานานแล้ว แต่ก็ไม่สามารถถามออกมาได้
เมื่อเกาเทียนเยว่ถามขึ้นมาแบบนี้ ทั้งคู่ก็อยากรู้ขึ้นมาเช่นกัน