ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 682 แรงบันดาลใจมาจากชีวิตเสมอ
ตอนที่ 682 แรงบันดาลใจมาจากชีวิตเสมอ
หลังจากที่จางอี้เต๋อโทรไปสนามบิน เขาก็กลับมาที่ร้านหม้อไฟลาลาลา
“ท่านผู้นำ เราแจ้งไปทางสนามบินแล้ว ! ”
จางอี้เต๋อพูดด้วยท่าทางเคารพ ก่อนจะนั่งลงบนที่นั่งของเขา
หลินต้ากั๋วพยักหน้า “รีบกินเถอะ หลังจากกินเสร็จ เสี่ยวไป๋บอกว่าเขาจะพาเราไปที่แห่งหนึ่ง”
ดวงตาของจางอี้เต๋อเป็นประกายขึ้นมา ซึ่งเขาก็รู้ได้ทันทีว่าสถานที่ที่หลินต้ากั๋วกำลังพูดถึงนั้นคือที่ไหน เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วรีบกินหม้อไฟอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน หลินต้ากั๋วและคนอื่นก็กินกันเสร็จ
ก่อนหน้านี้ฉีเย่ผิงได้ฝากงานให้ถังจิงเทียนแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวกันอีก จากนั้นคนทั้งโต๊ะก็เดินออกจากร้านไป
“ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่าน ขอให้เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพ ร้านหม้อไฟลาลาลายินดีต้อนรับเสมอ ! ”
พนักงานตรงหน้าประตูที่มีรูปร่างสูง หน้าตาหล่อเหลาก็เปิดประตูกระจกให้พวกเขา พนักงานโค้งคำนับและยื่นลูกกวาดผลไม้ให้ทุกคนที่เดินออกร้านไป
หลินต้ากั๋วไม่ได้กินลูกอมมาหลายปีแล้ว แต่เมื่อคนเฝ้าประตูยื่นลูกอมมาให้เขา เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ จึงรับไป
“ทำไมถึงแจกลูกอมด้วยล่ะ” หลังออกมานอกร้าน หลินต้ากั๋วก็มองไปที่ลูกกวาดผลไม้ในมือแล้วถามด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “รสชาติที่เหลืออยู่ในปากหลังจากกินหม้อไฟนั้นค่อนข้างแรง การอมลูกกวาดรสผลไม้ที่หอมหวานสามารถกำจัดกลิ่นปากลงไปได้บ้าง และเป็นการล้างปาก ทำให้ลมหายใจสดชื่นขึ้นครับ”
ขณะที่เขาพูด เขาก็แกะกระดาษห่อลูกกวาดออกแล้วยื่นให้หลินเจียอิน จากนั้นก็หยิบลูกกวาดในมือของเธอ แกะกระดาษห่อออกแล้วโยนเข้าในปากของตัวเอง
เมื่อหลินต้ากั๋วและคนอื่นเห็นดังนั้น พวกเขาก็แกะกระดาษห่อลูกกวาดออก แล้วใส่เข้าปาก
ลูกอมละลายช้า ๆ และดูเหมือนว่าจะรู้สึกสดชื่นข้างในปากจริง ๆ
แต่ดูเหมือนเจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ค่อยพอใจกับผลลัพธ์ของลูกกวาดรสผลไม้มากนัก เมื่อนึกถึงหมากฝรั่งที่คนรุ่นหลังใช้ เขาอดไม่ได้ที่จะคิดใหม่อีกครั้ง
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น คนทั้งกลุ่มก็ขึ้นรถมินิบัสไปแล้ว
“นายกำลังคิดอะไรอยู่ ? ” หลินต้ากั๋วเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋ดูจะไม่โฟกัสกับสถานการณ์ตรงหน้า เขาจึงถามว่า “นายไม่บอกด้วยซ้ำว่าจะพาพวกเราไปที่ไหน คนขับกำลังรอให้นายบอกทางอยู่”
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกตัวและพูดอย่างรวดเร็วว่า “ไปที่ถนนเหมียววาน”
คนขับเป็นคนชิงโจว จึงรู้จักถนนเหมียววานเป็นอย่างดี เขาสตาร์ทรถหลังจากรู้จุดหมายปลายทางแล้ว
“เมื่อครู่กำลังคิดอะไรอยู่ ? ” หลินต้ากั๋วมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และถามอีกครั้ง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มแล้วตอบว่า “ผมไม่ได้กินลูกกวาดมานานแล้ว เลยนึกผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมาได้ทันทีที่เอาเข้าปาก แต่ผมขอจัดการเรื่องยุ่ง ๆ พวกนี้ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยลองทำดูว่าพอจะเป็นไปได้ไหม”
หลินต้ากั๋วกล่าวว่า “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่านายคิดอะไรอยู่ในหัว นายคิดผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ออกได้อย่างไร กับไอ้การแค่กินลูกกวาดไปเม็ดเดียว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “แรงบันดาลใจมาจากการใช้ชีวิตเสมอครับ สิ่งประดิษฐ์และการสร้างสรรค์ที่ยิ่งใหญ่มากมายล้วนมาจากประสบการณ์ชีวิตไม่ใช่หรือ ? ”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า “จริงสิ งั้นบอกฉันทีได้ไหมว่านายคิดจะทำผลิตภัณฑ์อะไรอยู่ในใจตอนนี้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ผมเรียกมันว่าหมากฝรั่ง มันไม่ละลายในปากเหมือนลูกอมผลไม้ แต่สามารถเคี้ยวได้นาน คิดค้นมาเป็นพิเศษเพื่อขจัดกลิ่นในปากและเศษอาหาร”
หลินต้ากั๋วตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “ลูกอมมีไว้กินอย่างเดียวไม่ใช่หรือ ใครจะซื้อมาเคี้ยวกันล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงรอง ผมรู้ว่าลุงเองก็ไม่ชอบกินของหวาน แต่ลุงสูบบุหรี่และกินอาหารรสจัดเป็นประจำ ฉะนั้นจะต้องมีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์เรื่องพวกนี้ เวลาลุงเรียกผู้ใต้บังคับบัญชาของลุงมาใช้งาน ไม่อายเหรอครับ ถ้ากลิ่นปากของลุงแรงเกินไปน่ะ ? ”
หลินต้ากั๋วพยักหน้ายอมรับเรื่องนี้
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่ออีกว่า “ดูสิ ลุงก็รู้สึกอายเหมือนกัน เพราะเราไม่สะดวกที่จะแปรงฟันตลอดเวลา หากมีหมากฝรั่งชนิดที่สามารถเคี้ยวในปากเพื่อขจัดกลิ่นปากและเศษอาหารที่ตกค้างได้ มันจะช่วยบรรเทากลิ่นพวกนี้ลง และช่วยให้ลมหายใจสดชื่นขึ้น”
“อื้ม ! ” หลินต้ากั๋วเห็นด้วยกับมุมมองของเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวต่อว่า “การเคี้ยวเป็นประจำสามารถปกป้องสุขภาพฟันได้ด้วย ผมเชื่อว่าหมากฝรั่งนี้จะได้รับความนิยมทันทีที่เปิดตัว”
หลินต้ากั๋วยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รีบทำมาให้ฉันชิมหน่อยสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ช่วงนี้ผมยุ่งมาก ไว้ปีหน้าค่อยทำ ! เพราะผมเองก็ตั้งใจจะทำออกมาในปีหน้า”
จางอี้เต๋อที่อยู่ด้านหลังได้ฟังก็พูดเสียงดังขึ้นมาว่า “เสี่ยวเจียง เพื่อไม่ให้ลืมเรื่องนี้ พรุ่งนี้ฉันจะให้ที่ดินกับคุณและแขวนป้ายว่าที่ดินของโรงงานหมากฝรั่งไว้ก่อน ปีหน้า ฉันค่อยเตือนคุณให้ตั้งโรงงาน มันจะได้ไม่เป็นปัญหา”
หลินต้ากั๋วหัวเราะออกมา “ฮ่าฮ่า สหายอี้เต๋อ คุณกลัวว่าเสี่ยวไป๋จะย้ายโรงงานหมากฝรั่งไปที่อื่นงั้นเหรอ ! ”
จางอี้เต๋อยิ้มออกมา “โรงงานไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งและโรงงานโต๊ะหลุมไฟไปตั้งที่อื่นแล้ว จะไม่ให้ผมรีบได้อย่างไรล่ะท่านผู้นำ ? ”
หลินต้ากั๋วรู้เรื่องโรงงานโต๊ะหลุมไฟมาแล้ว แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับโรงงานไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งมาก่อน ดังนั้นเขาจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งคืออะไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งออกมาจากกระเป๋าของเขา แล้วยื่นให้หลินต้ากั๋ว แล้วพูดว่า “นี่ไง ครับ มันสะดวกมาก ๆ สำหรับการจุดบุหรี่”
หลินต้ากั๋วหยิบมันมา หมุนล้อเจียรสองสามครั้ง และอุทานด้วยความประหลาดใจว่า “มันช่างวิเศษจริง ๆ แล้วใช้ได้กี่ครั้ง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “อันนี้สามารถใช้ได้เกือบ 1,000 ครั้ง แต่เมื่อแก๊สในนั้นหมดลง มันก็จะไร้ประโยชน์”
ใช้ได้ตั้งพันครั้งเชียวเหรอ ?
หลินต้ากั๋วตกใจและถามรายละเอียดทันที
เจียงเสี่ยวไป๋รู้ทุกอย่างโดยธรรมชาติและบอกทุกอย่าง
เมื่อเขารู้ว่าไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งมีราคาเพียง 8 เจี่ยวถึง 1 เหมา หลินต้ากั๋วจึงถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “นายแน่ใจหรือว่าต้องการขายในราคาเพียงเท่านี้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม “ผมก็ต้องดูต้นทุนสิครับ เพราะต้นทุนของมันไม่ได้สูงเลย”
การแสดงออกของหลินต้ากั๋วเริ่มเคร่งขรึมอีกครั้ง เขาหันไปหาเจิงเหลียงหยูและพูดขึ้นมาทันทีว่า “งั้นรีบโทรไปที่เจียงเฉิงเลย ให้พวกเขาหยุดโครงการโรงงานไม้ขีดเดี๋ยวนี้”
เจิงเหลียงหยูเองก็รู้สึกประหลาดใจไม่น้อย และถามขึ้นมาทันทีว่า “หยุดทันทีเลยเหรอ ? ”
หลินต้ากั๋วยื่นไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งในมือของเขาให้ “ก็ลองสัมผัสด้วยตัวคุณเองดู ไฟแช็กนี้มีราคาเพียงแค่ 8 เจี่ยวต่อชิ้นเท่านั้น มากสุดก็อยู่ที่ 1 เหมาต่อชิ้น ของที่สะดวกและราคาไม่สูงแบบนี้ จะเหลือส่วนแบ่งการตลาดให้ไม้ขีดไฟเท่าไรกันเชียว ? ”
เจิงเหลียงหยูลองใช้ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งอยู่หลายครั้ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาประหลาดใจ มีความสุข และทำอะไรไม่ถูกในเวลาเดียวกัน จากนั้นเขาก็พูดว่า “ต่อให้ไม้ขีดไฟขายในราคาเพียงชิ้นละ 1 เจี่ยวก็ขายไม่ได้จริง ๆ ”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็คืนไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งในมือของเขาให้กับหลินต้ากั๋ว เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “เก็บมันไว้เถอะครับ ผมยังมีอยู่ ผมจะให้ทุกคน คนละอัน”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขาก็หยิบไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งหลายอันออกมาจากกระเป๋าของเขา ยื่นให้หลินต้ากั๋วหนึ่งอัน จากนั้นยื่นให้เกาเทียนเยว่และเมิ่งเหว่ยอีกคนละหนึ่งอัน
เขายังให้อีกอันหนึ่งกับคนขับรถด้วย
สำหรับฉีเย่ผิงและจางอี้เต๋อ เขาเคยให้กับทั้งสองมาก่อนแล้ว จึงไม่ได้ให้อีก
เกาเทียนเยว่และคนอื่นต่างก็ดีใจมากเมื่อได้ไฟแช็กแบบใช้แล้วทิ้งมา ราวกับว่าพวกเขาพบสมบัติอย่างไรอย่างนั้น
“เถ้าแก่เจียง เมื่อไปถึงถนนเหมียววาน ต้องไปแวะที่ไหนเหรอครับ ? ”
ขณะนี้ คนขับรถก็ได้ถามขึ้นมา
เจียงเสี่ยวไป๋มองออกไปข้างนอกแล้วพูดว่า “ขับไปข้างหน้าประมาณ 300 เมตร เลี้ยวขวาเข้าไปในซอย จะมีลานเล็ก ๆ อยู่ข้างสระน้ำ ห่างออกไปประมาณ 100 เมตร คุณสามารถหาที่จอดรถแถวนั้นได้เลย”
คนขับรถยิ้มแล้วพูดว่า “คุณหมายถึงบ้านเก่าของตระกูลไหลเหรอ สถานที่นั้นสวยงามมาก”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าคนขับจะรู้จักสถานที่นั้นด้วย เขาจึงพูดว่า “ใช่แล้ว ที่นั่นแหละ”
“ได้ครับ ! ” คนขับรถตอบกลับ และหันความสนใจไปที่การขับรถต่อ