ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 678 นับเงินจนเจ็บมือ
ตอนที่ 678 นับเงินจนเจ็บมือ
หลินต้ากั๋วตกใจเมื่อได้ยินว่าคนที่จะขึ้นมามอบรางวัลคือหลินเจียจวิน
ตอนแรกเขาคิดว่าเขาฟังผิดไป
แต่เมื่อเขาเห็นชัดเจนว่าเป็นหลินเจียจวิน เป็นลูกชายของเขาจริง ๆ ที่เดินขึ้นไปบนเวที เขาก็หันไปมองเจียงเสี่ยวไป๋และถามด้วยเสียงทุ้มลึก “เกิดอะไรขึ้น ? เจียจวินกลายเป็นผู้ช่วยของประธานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ลุงรอง ตอนที่พี่จวินมาที่ชิงโจวในครั้งนี้ ผมได้ขอให้เขาช่วยดูแลเรื่องการขายล็อตเตอรี่ ลุงก็รู้ว่าเราขายล็อตเตอรี่กันเยอะ คนในบริษัทเองก็ขาดความสามารถ พี่จวินจึงรับหน้าที่นี้ไป เขาช่วยจัดการและมีความเป็นผู้นำสูง เราจึงมอบตำแหน่งผู้ช่วยประธานให้กับเขา”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด หลินต้ากั๋วก็พยักหน้าช้า ๆ
ผู้ช่วยประธานบริษัท ตำแหน่งนี้ไม่เด่นชัดนัก เขาจึงพอรับได้ หากเสนอให้ลูกชายของเขาเป็นผู้จัดการทั่วไปหรืออะไรทำนองนั้น เขาคงไม่เห็นด้วย
ในฐานะลูกชายของผู้นำ หลินเจียจวินไม่สามารถโชว์ตัวมากเกินไปได้
หลินเจียจวินเดินขึ้นไปบนเวที จับมือกับหวงหงหยูด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและพูดสำเนียงจีนกลางว่า “คุณหวง ยินดีด้วยที่คุณถูกรางวัลพิเศษ ! ”
หวงหงหยูตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณเช่นกันผู้ช่วยหลิน”
หลินเจียจวินยิ้ม จากนั้นก็หยิบปึกเงินสิบปึกมาจากพานที่เจ้าหน้าที่สองคนถืออยู่ มอบให้หวงหงหยูและกล่าวว่า “คุณหวง ตรวจสอบเงินก่อนนะครับว่าครบไหม”
หวงหงหยูมองไปที่ตราประทับของธนาคารในเงินทั้ง 10 ปึก และพูดด้วยรอยยิ้ม “เงินพวกนี้เพิ่งถูกนำออกมาจากธนาคาร ยังไม่ได้แกะออกมาจากปึกเงินด้วยซ้ำ มันคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก”
หลินเจียจวินยังคงยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณคุณหวง สำหรับความไว้วางใจ เงินจำนวนนี้ถูกถอนออกจากธนาคารโดยตรงจริง ๆ และส่งไปยังสถานที่แลกรางวัลโดยเจ้าหน้าที่ธนาคาร อย่างไรก็ตามฉันยังคงแนะนำให้คุณนับด้วยตนเอง เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลังครับ”
“อ่อ ได้ครับ ! ”
เมื่อเห็นว่าหลินเจียจวินยืนกรานออกมาแบบนั้น หวงหงหยูก็หยิบเงินขึ้นมาหนึ่งปึก ถ่มน้ำลายใส่นิ้วของเขา และเริ่มนับทีละใบ
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของหลินเจียจวิน จากนั้นเขาก็ถอยกลับไปเล็กน้อยเพื่อให้ผู้ชมเห็นตอนที่หวงหงหยูนับเงินอย่างชัดเจน
หวงหงหยูกำลังนับทีละปึกอย่างช้า ๆ อยู่บนเวที และผู้ชมด้านล่างส่วนใหญ่ต่างเฝ้าดูอย่างกระตือรือร้น ราวกับว่าพวกเขากำลังนับไปด้วยอย่างเงียบ ๆ
หวงหงหยูใช้เวลามากกว่าสิบนาทีในการนับเงินทั้งสิบปึก จนนิ้วของเขาเริ่มล้าและระบมจากการนับ
หลี่หลิงหลิงยิ้มและพูดว่า “คุณหวง จำนวนเงินถูกต้องหรือเปล่า ? ”
หวงหงหยูพูดเสียงดัง “ถูกแล้ว มีธนบัติสิบหยวนหนึ่งพันใบ รวมเป็น 10,000 หยวน ! ”
หลี่หลิงหลิงหยิบไมโครโฟนและปรบมือ แล้วพูดกับฝูงชนที่กำลังดูอยู่ด้านล่าง “ลูกค้าทุกท่าน ล็อตเตอรี่ที่จัดขึ้นโดยเจียงเจียกรุ๊ปในราคาใบละ 2 เหมาเพื่อลุ้นรับเงินรางวัล 10,000 หยวนนั้น ครั้งนี้รางวัลได้ตกเป็นของคุณหวงหงหยู เราขอแสดงความยินดีกับคุณหวงอีกครั้งพร้อมเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น เราหวังว่าทุกคนจะโชคดี ขอบคุณค่ะ ! ”
เมื่อหลี่หลิงหลิงกล่าวขอบคุณ พิธีมอบรางวัลพิเศษก็ได้สิ้นสุดลง หลินเจียจวินจับมือกับหวงหงหยูอีกครั้ง จากนั้นก็ขอให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกนำถุงมาใส่เงินให้เขานำกลับบ้าน
หวงหงหยูเก็บเงินของเขาเดินลงจากเวทีด้วยรอยยิ้ม และรีบกลับบ้านเพื่อไปบอกข่าวดีนี้กับภรรยาและลูกของเขา
หลินเจียจวินกล่าวขอบคุณหลี่หลิงหลิง ก่อนจะเดินลงจากเวทีไป
“ไปกันเถอะ ! ”
“อย่ามัวอิจฉาคนอื่น เราไปซื้อล็อตเตอรี่เองดีกว่า”
“ใช่แล้ว ลงมือทำดีกว่าคิด รีบไปซื้อล็อตเตอรี่กันเถอะ”
“ไม่น่าแปลกใจที่ผู้อำนวยการหวงได้รับรางวัลพิเศษ กลายเป็นว่าเพราะเขาซื้อเยอะ ฉะนั้นฉันต้องซื้อเพิ่ม”
“คนที่ซื้อเยอะ ก็หมายความว่าพวกเขามีเงิน แต่เราซื้อเท่าที่เรามีก็พอ”
“ฉันก็ไม่อยากซื้อเยอะหรอก ซื้อแค่ยี่สิบถึงสามสิบหยวนก็พอแล้ว”
“แบบนี้เหรอที่บอกว่าไม่เยอะ ! ฉันซื้อแค่สองหยวนเท่านั้น”
“อะไรกัน คุณบอกว่าซื้อสองหยวนมากี่ครั้งแล้ว จนฉันนับไม่ได้ว่าคุณซื้อครั้งละสองหยวนไปกี่ครั้ง ทำไมถึงซื้อครั้งละสองหยวนละ ซื้อทั้งทีก็ซื้อเท่าที่เตรียมเงินมาเลยสิ ไม่ขี้เกียจเข้าแถวหรือไง”
“ถูกต้อง คุณไม่รู้หรือว่าผู้อำนวยการหวงถูกรางวัลพิเศษก็เพราะเขาซื้อครั้งเดียวในราคาห้าสิบหยวน”
“……”
เมื่อผู้ชมเห็นว่าตัวหลักออกจากพื้นที่ไปแล้ว พวกเขาจึงแยกย้ายกันออกไป
คนส่วนใหญ่จึงรีบไปเข้าแถวเพื่อซื้อล็อตเตอรี่ต่อ
ตอนที่พวกเขาเห็นหวงหงหยูนับเงินบนเวทีจนเจ็บมือ พวกเขาก็อยากจะนับเงินจนเจ็บมือแบบนั้นบ้าง !
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูเวลา นี่ก็เป็นเวลาบ่ายโมงเกือบบ่ายสองแล้ว เขาจึงพูดกับหลินต้ากั๋วว่า “ลุงรอง บ่ายโมงกว่าแล้ว ไปกินข้าวกันเถอะครับ ! ”
หลินต้ากั๋วพยักหน้า “ใช่สิ มันสายแล้ว ถึงเวลาไปกินข้าวแล้ว”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ไปว่า “วันนี้เราจะกินอะไรกัน ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ร้านหม้อไฟเปิดกิจการวันนี้เป็นวันแรกพอดีครับ แน่นอนว่าวันนี้เราจะไปกินหม้อไฟกัน”
หลินต้ากั๋วมองไปที่คนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วพูดว่า “วันนี้คนเยอะมาก ร้านหม้อไฟของนายมีที่ว่างเพียงพอเหรอ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ร้านหม้อไฟของเราเปิดพร้อมกัน 30 ร้าน ต่อให้คนมาเยอะ ก็สามารถรองรับได้ครับ”
หลินต้ากั๋วหัวเราะ “โอ้ ดูเหมือนนายจะเตรียมการไว้มากมายสำหรับวันเปิดเจียงเจียกรุ๊ปในวันนี้ ! มีทั้งงานนิทรรศการ การขายล็อตเตอรี่ และการเปิดร้านหม้อไฟกว่า 30 แห่งพร้อมกัน ว่าแต่มีตลาดถนนคนเดินด้วยใช่ไหมที่จะเปิดวันนี้ ? ”
“ลุงรอง ลุงรู้ทุกอย่างดีจริง ๆ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มให้เขา “ลุงคงรู้ข่าวเกี่ยวกับการเปิดตลาดถนนคนเดินของผมในวันนี้แล้ว ! ”
หลินต้ากั๋วหัวเราะ และในขณะที่เดินไปด้านนอกเกสต์เฮาส์ชิงเจียงพร้อมกับเจียงเสี่ยวไป๋และคนอื่น เขาก็พูดว่า “บอกฉันทีว่ามันเป็นยังไง ? ”
หลินเจียอินเพียงแต่บอกให้เขาฟังก่อนหน้านี้เท่านั้น แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไร
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มพูดขณะที่เดินไปด้วย
ตลาดถนนคนเดินตอนกลางคืนเป็นเหมือนโมเดลถนนขายอาหารในอนาคต ปัจจุบันเปิดดำเนินการในรูปแบบแผงลอยเคลื่อนที่ เขาได้เตรียมป้ายหน้าร้าน รถเข็นเคลื่อนที่ เต็นท์ อุปกรณ์เครื่องครัว โต๊ะ เก้าอี้ เมนู ฯลฯ ให้กับเจ้าของแผงทุกคน เน้นขายของกินที่ทานง่ายเป็นหลัก ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารร้อนและของย่าง อาหารเส้น ของทอด ขนมแบบดั้งเดิม
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยอยู่ กลุ่มคนก็เดินมาถึงจุดที่รถมินิบัสสองคันจอดอยู่แล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋หยุดพูดชั่วคราว เขามองออกไปและเห็นรถอีกประมาณยี่สิบถึงสามสิบคันจอดอยู่ด้านหลังรถมินิบัส มีทั้งรถจี๊ป รถเก๋งคันเล็กและรถตู้
ถ้าหากว่ามีคนไปร้านหม้อไฟกันเยอะ พวกเขาจะต้องแบ่งกันนั่งกิน เพราะจะต้องรอโต๊ะที่ว่าง
“ลุงรองขึ้นรถก่อน ผมจะจัดการเอง ! ”
หลินต้ากั๋วพยักหน้าและขึ้นรถมินิบัสคันแรกกับหลินเจียอิน เจียงเหลียงหยู และคนอื่น
“นายกเทศมนตรีจาง ผมว่าเราแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่มดีไหมครับ จะได้ง่ายต่อการไปรับประทานอาหาร” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวกับนายกเทศมนตรีจาง
นายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “คุณบอกสถานที่มาให้ฉันก็ได้ ฉันจะให้เฉินเซียนจิ้นจัดการให้”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ลังเลและพูดออกมาทันที “ร้านหมายเลข 6 บนถนนชิงหยุนอยู่ใกล้กับที่นี่มากที่สุด ดังนั้นเราจะไม่ไปที่นั่น เพราะพนักงานในบริษัทคงจะไปทานที่นั่นกันเยอะน่าดู”
“ผมว่าจะพาลุงรองไปที่ร้านหมายเลข 1 บนถนนชิงโจว ที่นั่นสามารถรองรับคน 150 คนได้สบาย ๆ ส่วนที่เหลือไปที่ร้านหมายเลข 11 บนถนนจูหยวน ทั้งสองร้านอยู่ใกล้กัน”
“อืม ! ” นายกเทศมนตรีจางเห็นด้วยและบอกให้เฉินเซียนจิ้นไปจัดการให้