ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 672 พิธีตัดริบบิ้น
ตอนที่ 672 พิธีตัดริบบิ้น
เวลา 12.12 น. พิธีก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ภายใต้การแนะนำอย่างกระตือรือร้นของหลี่หลิงหลิง และท่ามกลางเสียงปรบมืออย่างอบอุ่นของฝูงชน เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกจำนวน 12 คนได้นำทางหลินต้ากั๋ว เจิงเหลียงหยู กั๋วเทียนเยว่ เมิ่งเหว่ย กานเหว่ยหง ฉีเย่ผิง จางอี้เต๋อ ถังจิงเทียนและผู้นำคนอื่นรวมถึงหลินเจียอิน เดินขึ้นเวทีไปอย่างช้า ๆ
หลังจากที่ทั้ง 12 คนขึ้นไปบนเวทีจนครบแล้ว เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกก็ขึ้นไปบนเวทีโดยถือพานดอกไม้และกรรไกรตัดริบบิ้น
“ปัง ปัง ปัง…”
“ตุ้ม ตุ้ม ตุ้ม…”
ท่ามกลางเสียงประทัด หลินต้ากั๋ว หลินเจียอิน และคนอื่นก็สามารถร่วมกันตัดริบบิ้นได้สำเร็จ
หลินต้ากั๋ว เจิงเหลียงหยู กั๋วเทียนเยว่ และคนอื่นจับมือกับหลินเจียอินตามลำดับ และแสดงความยินดีกับเธอ จากนั้นหลินต้ากั๋วและคนอื่นก็เดินลงจากเวที ทิ้งหลินเจียอินไว้ตามลำพังข้างบนนั้น
“เรียนท่านผู้นำและแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน”
“วันนี้ เจียงเจียกรุ๊ปได้ถูกก่อตั้งขึ้น ในฐานะประธานของเจียงเจียกรุ๊ป ฉันขอต้อนรับทุกท่านอย่างอบอุ่นและขอขอบคุณอย่างจริงใจต่อท่านผู้นำและแขกทุกคน ในนามของพนักงานทุกคนของเจียงเจียกรุ๊ป…..”
หลินเจียอินกล่าวขอบคุณบนเวทีและประกาศการก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปขึ้นอย่างเป็นทางการ
คำพูดของเธอสั้นประมาณแค่สามนาทีเท่านั้น
ท่ามกลางเสียงปรบมืออันอบอุ่น เธอก็เดินลงจากเวทีมาหาหลินต้ากั๋วและเชิญเขาให้เยี่ยมชมนิทรรศการ
“ทันทีที่ฉันมาถึงศาลากลาง ฉันได้ยินมาว่าที่นี่มีการจัดนิทรรศการ ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่ามันจะเป็นอย่างไร ? ” หลินต้ากั๋วพูดด้วยรอยยิ้ม
“งั้นฉันจะไปดูพร้อมกับลุงรองละกันนะคะ!” หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ตกลง ! เจียงเสี่ยวไป๋เล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังก่อนหน้านี้แล้ว แต่วันนี้ฉันจะได้ยินจากปากของเธอเองเลยนะท่านประธาน ! ” หลินต้ากั๋วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“งั้นเชิญค่ะ ! ” หลินเจียอินผายมือของเธอออกไปเพื่อเป็นการส่งสัญญาณ และเดินไปพร้อมกับหลินต้ากั๋ว ไปยังสถานที่จัดนิทรรศการที่ชั้นหนึ่งของเกสต์เฮาส์ชิงเจียง
เจิงเหลียงหยู กั๋วเทียนเยว่ ฉีเย่ผิง จางอี้เต๋อ และคนอื่นก็ได้เดินตามไปทันที มีผู้คนมากกว่าสองร้อยคนเดินตามเข้ามา ทำให้พื้นที่แลกรางวัลว่างเปล่าขึ้นมาทันที
หลินเจียจวินจึงส่งสัญญาณให้หลี่หลิงหลิง จากนั้นหลี่หลิงหลิงก็ประกาศทันทีว่าจะมีการขายล็อตเตอรี่อีกครั้งในเร็ว ๆ นี้ จากนั้นพนักงานก็เริ่มย้ายโต๊ะขึ้นไปบนเวที
เจียงเสี่ยวไป๋ส่งสัญญาณให้กับหลินเจียจวิน หลินเจียจวินพยักหน้า จากนั้นก็ไปที่ห้องเก็บกล่องล็อตเตอรี่ เขาใส่ตั๋วรางวัลพิเศษลงในกล่องล็อตเตอรี่แล้วเขย่าเพื่อให้ตั๋วถูกคละเข้าไป
ไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็มาย้ายกล่องล็อตเตอรี่ออกไปวางขาย หลินเจียจวินสั่งให้พนักงานย้ายกล่องล็อตเตอรี่ออกไปทั้งหมด รวมทั้งกล่องที่มีตั๋วรางวัลพิเศษด้วย
เมื่อมีการใส่รางวัลพิเศษลงไป รางวัลก็จะออกในเร็ว ๆ นี้
ส่วนใครจะเป็นคนจับได้นั้น ไม่มีใครรู้ได้ !
หลินต้ากั๋วและหลินเจียอินคุยกันขณะเดินไปที่สถานที่จัดนิทรรศการ “งานขายล็อตเตอรี่ที่จัดขึ้นครั้งนี้มีคนมาเยอะมาก”
หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้ม “เจียงเสี่ยวไป๋บอกว่าสิ่งที่เขาขายคือความหวัง บางทีทุกคนอาจมีความหวังที่จะเป็นเศรษฐี”
หลินต้ากั๋วตกใจเล็กน้อย คำว่า ‘ขายความหวัง’ ทำให้เขาประหลาดใจ แต่หลังจากฟังรายงานจากฉีเย่ผิง และจางอี้เต๋อแล้ว เขาก็เข้าใจว่าล็อตเตอรี่มันเป็นอย่างไร นอกจากนี้เขายังอ่านข้อความที่ชิงโจวเดย์ลี่ตีพิมพ์ออกมา ซึ่งเป็นการโฆษณาล็อตเตอรี่โดยเฉพาะ “คว้าโอกาสชิงเงินรางวัล 10,000 หยวนด้วยเงิน 2 เหมา ! ’ ซึ่งข้อความนี้กระตุ้นเขาได้มากเลยทีเดียว
ในยุคนี้ใครล่ะจะไม่อยากกลายเป็นเศรษฐีเงินหมื่น ?
เพราะการที่จะมีเงิน 10,000 หยวนนั้นยากขนาดไหน หากคุณได้รับเงินเดือน 20 หยวนต่อเดือน แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้เงินกับค่าอาหารหรือเครื่องดื่ม แต่ก็ยังต้องใช้เวลา 41 ปี 6 เดือนในการออมเงินให้ได้ 10,000 หยวน
อาจกล่าวได้ว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีเงินหนึ่งหมื่นหยวนด้วยเงินเดือนอันน้อยนิดขนาดนี้
ล็อตเตอรี่นี้จัดขึ้นโดยเจียงเสี่ยวไป๋ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้คนได้เป็นเจ้าของเงินมูลค่า 10,000 หยวนโดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เพียงแค่กำเงินมา 2เจียวเท่านั้น ?
ใครจะอยากพลาดโอกาสเช่นนี้กัน ?
แม้ว่าโอกาสจะมีเพียง 1 ใน 10,000 หรือแม้แต่ 1 ใน 100,000 แต่ก็ยังถือว่ามีโอกาส
สรุปง่าย ๆ คือล็อตเตอรี่เป็นโอกาสและความหวัง !
หลินต้ากั๋วยิ้ม “สิ่งที่เขาขายคือความหวังจริง ๆ ! ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “ในตอนแรก ฉันไม่เชื่อว่าความหวังสามารถขายกันได้ด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความหวังจะมีค่ามากกว่าผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เสียอีก จะขายได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการขายจริง ๆ ค่ะ”
หลินต้ากั๋วพยักหน้าและถามว่า “แล้วที่ในโฆษณามันบอกว่าซื้อล็อตเตอรี่ 1 ใบจะเข้าการกุศล 1 เจี่ยวคืออะไร ? ”
หลินเจียอินอธิบายว่า “เจียงเจียกรุ๊ปอยู่ในสถานะองค์กรที่ใส่ใจ แม้จะตระหนักถึงการพัฒนาองค์กรของตนเอง แต่ก็ควรตอบแทนสังคมด้วย เราจึงตัดสินใจที่จะแบ่งรายได้จากการขายล็อตเตอรี่บางส่วนไปบริจาคเพื่อการกุศลค่ะ”
หลังจากหยุดชั่วครู่ เธอก็พูดต่อ “ไม่ใช่แค่เงินจากการขายล็อตเตอรี่เท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ แต่เงินจากการขายผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ในเจียงเจียกรุ๊ปก็จะเอาไปบริจาคด้วยในอนาคต”
“เงิน 1 เจี่ยวอาจจะดูไม่มากนัก แต่ด้วยยอดขายที่เพิ่มขึ้นของผลิตภัณฑ์ที่เจียงเจียกรุ๊ปผลิตขึ้น น้ำเพียงหยดเดียวก็อาจกลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ได้ เงินที่เจียงเจียกรุ๊ปจะใช้เพื่อสนับสนุนสวัสดิการสาธารณะจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ”
หลินต้ากั๋วเข้าใจความจริงนี้โดยธรรมชาติ และพูดอย่างมีความสุข “ลุงดีใจมากที่พวกเธอคิดแบบนี้”
ในขณะที่เดินไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย กลุ่มคนก็ได้เข้าไปในสถานที่จัดนิทรรศการแล้ว
ตอนที่พวกเขาอยู่ข้างนอกยังรู้สึกหนาวอยู่บ้าง แต่พอเข้าไปในงานก็รู้สึกอุ่นมากขึ้น !
คนหนึ่งมีชีวิตชีวา อีกคนก็อบอุ่นใจ
ในงานคึกคักเพราะคนแน่นมาก มันไม่ได้เกินจริง เรียกได้ว่าเป็นทะเลคนเลยก็ว่าได้ ทุกบูธต่างแน่นขนัดไปด้วยผู้คน
บูธเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงบูธที่มีการจัดโต๊ะและวางสินค้าบนโต๊ะเท่านั้น
บูธที่ออกแบบโดยเจียงเสี่ยวไป๋ในครั้งนี้คล้ายกับรูปแบบของงานแสดงสินค้าที่อยู่อาศัยในอนาคต บูธจะคล้ายกับ “บ้าน” ถูกสร้างขึ้นในห้องนิทรรศการ พร้อมพื้นหลังโฆษณาและผลิตภัณฑ์ โดยที่ข้างหน้าบูธเป็นโต๊ะต้อนรับ มีพื้นที่อธิบายและพื้นที่ขาย แทบทุกบูธมีพนักงานมากกว่า 6 คน ล้วนแต่เป็นสาวสวยและหนุ่มหล่อสวมชุดทำงานมีป้ายพนักงานห้อยอยู่ที่คอ
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือโต๊ะที่ใช้ต้อนรับในแต่ละบูธเป็นโต๊ะหลุมไฟที่ภายในมีถ่านหินกำลังลุกโชน
ด้วยเหตุนี้สถานที่จัดงานจึงอบอุ่น
โต๊ะหลุมไฟพวกนี้ไม่ใช่โต๊ะเหล็กหล่อสีเทาขาวอีกต่อไป เพราะมันถูกทาด้วยสีแดงซึ่งดูมีสีสันสดใสมาก
หลินต้ากั๋วเดินไปยังพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการแห่งแรก และรู้สึกสนใจรูปแบบของพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการขึ้นมาทันที