ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 671 เนื้อสุนัขไม่สามารถเสิร์ฟในงานเลี้ยงได้
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 671 เนื้อสุนัขไม่สามารถเสิร์ฟในงานเลี้ยงได้
ตอนที่ 671 เนื้อสุนัขไม่สามารถเสิร์ฟในงานเลี้ยงได้
เมื่อถึงเวลา 12.00 น. ก็มีการระงับการขายล็อตเตอรี่ ได้มีการนำโต๊ะออกในบริเวณลานของเกสต์เฮาส์ชิงเจียง เหลือเพียงเวทีที่ปูด้วยพรมแดง
“เรียนประชาชนทุกท่าน ล็อตเตอรี่จะถูกระงับขายชั่วคราว”
หลี่หลิงหลิง พิธีกรของสถานีโทรทัศน์ชิงโจวหยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดเสียงดังฟังชัด
เพื่อให้การขายและประกาศผลรางวัลล็อตเตอรี่เป็นไปอย่างราบรื่น เย่กวงโต้วจึงได้จ้างหลี่หลิงหลิงมาเป็นพิธีกร เพื่อให้เธอมาเป็นผู้ประกาศรางวัล
“ทำไมถึงหยุดขายล่ะ ? ”
“ใช่แล้ว ทำไมจู่ ๆ ถึงหยุดขายซะล่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น ? ”
“ฉันต่อคิวใกล้จะถึงแล้ว ทำไมไม่ขายล็อตเตอรี่ต่อล่ะ ? ”
“นี่ทำอะไรอยู่ ? ”
“โต๊ะถูกย้ายลงมาแล้ว หมายความว่าจะไม่ขายล็อตเตอรี่อีกแล้วใช่ไหม ? ”
“……”
ผู้คนที่เข้าคิวรอซื้อล็อตเตอรี่อยู่นั้นเห็นเหตุการณ์ก็หยุดชะงักทันที พวกเขาต่างวิตกกังวลและถามว่าเกิดอะไรขึ้น
หลี่หลิงหลิงกล่าวว่า “ประชาชนทุกท่านโปรดอย่ากังวล กิจกรรมจับล็อตเตอรี่จะยิงยาวไปสามวัน สาเหตุที่ระงับการขายในขณะนี้ก็เพราะวันนี้เป็นวันที่เจียงเจียกรุ๊ปจะเปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการ ทางจังหวัดได้มีการจัดงานเปิดตัวเจียงเจียกรุ๊ปอย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง”
หลังจากที่หลี่หลิงหลิงอธิบายออกมา ทุกคนก็เข้าใจ
“แบบนี้เอง ! ”
“หากว่ายังมีการขายและจับรางวัลต่อก็ไม่เป็นไร ! ”
“ฉันเข้าใจว่าผู้จัดงานต้องการจัดพิธีเปิดบริษัทก่อน”
“ใช่ ฉันก็ด้วย”
“พิธีนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ? ฉันรอไม่ไหวแล้ว ! ”
“……”
หลี่หลิงหลิงได้ยินเสียงของฝูงชน จึงพูดขึ้นมาทันที “เจียงเจียกรุ๊ปรู้ดีว่าทุกคนมีความกระตือรือร้น ดังนั้นเวลาในงานพิธีจึงสั้นมาก มีเพียงพิธีตัดริบบิ้นสั้น ๆ เท่านั้นที่จัดขึ้น เพื่อที่จะไม่ให้เสียเวลาการจับรางวัลใหญ่ ดังนั้นขอให้ทุกท่านให้ความร่วมมือกับเราด้วย ทางเราจะขอพื้นที่ด้านหน้านี้สักหน่อย ให้กับผู้นำระดับมณฑลและเขตเมืองสามารถขึ้นมาแสดงความยินดีกับการก่อตั้งเจียงเจียกรุ๊ปได้”
ขณะที่หลี่หลิงหลิงพูดจบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในเครื่องแบบก็เริ่มกันฝูงชนออกไป ไม่กี่นาทีต่อมา ก็สามารถเคลียร์สถานที่ได้ในที่สุด จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยก็ประจำการตามจุดต่าง ๆ
“เคร้ง เคร้ง เคร้ง ! เคร้ง เคร้ง เคร้ง ! เคร้ง เคร้ง เคร้ง ! ……”
“ตุง ตะลุงตุ้งแช่……”
ฆ้องและระฆังถูกตี แตรถูกเป่า จากนั้นก็มีการเชิดสิงโตสองตัวบนเวทีอย่างสนุกสนาน ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมากในคราวเดียว
รถมินิบัสหลายคันเริ่มขับเข้ามาตามทางของชิงเจียงเกสต์เฮาส์และหยุดลง ไม่นานหลินต้ากั๋ว เจิงเหลียงหยู กั๋วเทียนเยว่ ฉีเย่ผิง จางอี้เต๋อ และคนอื่นก็ลงจากรถมาทีละคน จากนั้นก็มีคนมานำพวกเขาไปยังบริเวณที่มีการเคลียร์พื้นที่ จากนั้นก็ให้ทุกคนยืนเรียงแถวหน้ากระดาน
ไม่มีการจัดเก้าอี้ให้เลย
สาเหตุหลักคือมีคนเยอะมากและพิธีเปิดก็ใช้เวลาไม่นานนัก
หลินเจียอินพร้อมด้วยเมิ่งเสี่ยวเป่ยเดินช้า ๆ ไปที่แถว และทั้งสองก็ยืนอยู่เกือบสุดขอบของแถว
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เขา หลินต้าเหว่ย เจียงไห่หยาง เจียงชาน และคนอื่นยืนอยู่ในฝูงชนและเฝ้าดูความตื่นเต้น
“งานใหญ่เช่นนี้ แกปล่อยให้เจียอินเป็นผู้นำ แกก็เป็นคนเก่งมีพรสวรรค์ แต่ทำไมถึงปล่อยเธอออกไปรับหน้าคนเดียวแบบนี้ ! ”
เจียงไห่หยางมองดูสถานการณ์นั้นและอดไม่ได้ที่จะตำหนิออกมา
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ผมเป็นแค่เนื้อสุนัข ที่ไม่สามารถเสิร์ฟบนโต๊ะหลักได้ ดูภรรยาของผมสิ แม้ว่าเธอจะมีพุงที่ใหญ่ แต่เมื่อเธอยืนอยู่ข้างหน้า เธอก็ดูเป็นราชินีที่ทรงพลังมาก ! ”
เจียงชานเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ป่าป๊า เนื้อสุนัขอร่อยมากเลยนะคะ ทำไมถึงเสิร์ฟบนโต๊ะหลักไม่ได้ล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะถามคำถามเช่นนี้ออกมา เขาจึงยิ้มและอธิบายให้เธอฟัง
มีความคิดมากมายที่ว่าเนื้อสุนัขไม่เหมาะสำหรับเอามาทำอาหารตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเหนือและใต้ไปจนถึงราชวงศ์ชิง ซึ่งก็มีสองประการที่เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วย
ประการแรกคือในสมัยราชวงศ์หยวน สำหรับราชวงศ์จิ้น สุนัขเป็นผู้ช่วยที่ดีในการล่าสัตว์ พวกเขาถือว่าสุนัขเป็นเหมือนเพื่อน จึงไม่มีทางกินเนื้อสุนัขเด็ดขาด และยังสั่งห้ามไม่ให้กินเนื้อสุนัขอีกด้วย
แต่สำหรับคนฮั่นที่อยู่ภายใต้การปกครองของราชวงศ์จิ้น พวกเขาไม่ได้มีความผูกพันธ์อย่างลึกซึ้งกับสุนัข ในช่วงข้าวยากหมากแพง พวกเขาจึงแอบกินมันอย่างลับ ๆ
ดังนั้นเมื่อมีการแอบกินเนื้อสุนัข จึงไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะมีการเสิร์ฟเนื้อสุนัขในงานเลี้ยงต่าง ๆ
อีกทฤษฎีหนึ่งก็คือ ว่ากันว่าจักรพรรดินีเกลียดการกินเนื้อสุนัข ดังนั้นเธอจึงกล่าวว่า ‘สุนัขเป็นเทพเจ้าของชนเผ่าของข้า จะไม่ได้รับอนุญาตให้เอาเนื้อสุนัขมาทำอาหารขึ้นโต๊ะเด็ดขาด’ ข่าวลือแพร่สะพัดในหมู่ประชาชน ส่งผลให้มีคำพูดและธรรมเนียมที่ว่าเนื้อสุนัขไม่สามารถเสิร์ฟในงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการได้
เจียงชานหัวเราะเสียงดังหลังจากได้ยินเรื่องเล่านี้ ที่แท้มีการแอบกินเนื้อสุนัขมาตั้งนานแล้ว ซึ่งค่อนข้างน่าสนใจสำหรับเธอมาก
เจียงไห่หยางเม้มริมฝีปาก “แกจัดการทุกอย่าง แต่ฉันไม่เห็นแกแสดงตัวตนเลยแม้แต่ครั้งเดียว”
จากก้นบึ้งของหัวใจ เขายังแอบหวังว่าลูกชายของเขาจะออกไปแสดงตนบ้าง เพื่อเป็นหน้าเป็นตาให้กับเขา
ในใจของชายชรา ไม่ว่าเขาจะดีกับลูกสะใภ้แค่ไหน เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะคาดหวังกับเรื่องเล็กน้อยพวกนี้
ยังคงมีความแตกต่างระหว่างลูกชายกับลูกสะใภ้
หวังซิ่วจวี๋ทนฟังไม่ได้และพูดว่า “วันนี้เป็นวันที่มีความสุข คุณช่วยพูดให้น้อยลงหน่อยจะได้ไหม ? ”
จากนั้น เจียงไห่หยางก็นิ่งเงียบด้วยความโกรธ
ทว่าหลินต้าเหว่ยกลับแตกต่างออกไป เมื่อเขาเห็นหลินเจียอินยืนอยู่แถวหน้าเวที เขาก็รู้สึกมีความสุขมาก
ในโอกาสนี้ แม้ว่าเขาจะเป็นนายอำเภอ แต่เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปยืนอยู่ตรงนั้น
เขาทำไม่ได้ แต่ลูกสาวของเขาทำ
เธอยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคนราวกับราชินี ดึงดูดความสนใจของทุกคน
เขาภูมิใจและมีความสุขกับลูกสาวของเขามาก
ขณะเดียวกัน ฉันก็โล่งใจและดีใจที่ลูกสาวได้พบคนรักที่ดีและรักเธอ เต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อเธอ
เขารู้ดีว่าการที่ลูกสาวของเขามาถึงจุดนี้ได้ เป็นเพราะการทำงานหนักของเจียงเสี่ยวไป๋
ว่ากันว่ายิ่งแม่ยายมองลูกเขยมากเท่าไรก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น ตอนนี้เขาเป็นพ่อตาและยิ่งมองดูลูกเขยมากเท่าไร เขาก็ชอบลูกเขยมากเท่านั้น
“อืม…… เสี่ยวไป๋ งั้นคืนนี้กลับไปดื่มกับพ่อนะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงยังชวนไปดื่ม ในขณะที่กำลังดูพิธีเปิดบริษัทกลางวันแสก ๆ แบบนี้ ?
“วันนี้อาจจะกลับช้านิดหน่อย พ่อแน่ใจเหรอครับว่ายังอยากกลับไปดื่ม ? ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวว่า “วันนี้ฉันมีความสุขมาก จึงอยากดื่มเป็นพิเศษ”
“งั้นก็ได้ครับ ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลง
หลิวอี้ถิงมองไปที่ลูกสาวของเธอ จากนั้นก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ที่ดูมีความสุขไม่ต่างกัน
หลินเจียเหว่ยเองก็มีความสุขและชื่นชมที่ได้เห็นน้องสาวยืนอยู่ที่นั่น