ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 41 :ภรรยาของเขามีความคิด
ตอนที่ 41 :ภรรยาของเขามีความคิด
เมื่อเขากลับถึงบ้าน ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋ขอให้หลินเจียอินนำของที่เขาซื้อมาไปให้พ่อแม่ก่อน
เขาซื้อเนื้อติดมันมา 10 ชั่ง ผ้า 6 จั้ง เหล้าข้าวโพด 5 ขวด และของอีกเป็นจำนวนมากในคราวเดียว
ดังนั้น เขาไม่กล้านำเหล้าเหมาไถไปให้พ่อกับแม่ในคราวเดียว แต่ให้หลินเจียอินนำไปให้พวกเขาก่อนแค่ 2 ขวด
ของเยอะขนาดนี้ หากเขานำไปให้ด้วยตนเองได้ถูกบ่นหูชาแน่นอน
ทว่าถ้าภรรยาของเขาเป็นคนนำไปให้ พ่อกับแม่จะต้องไม่ว่าอะไรแน่นอน
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม แล้วเดินเข้าไปในครัวเพื่อเริ่มทำอาหารเย็น
เนื้อตุ๋นพะโล้ที่ทำไว้เมื่อวานยังมีเหลือเยอะอยู่ ตอนเย็นค่อยทำผักพะโล้และหม้อไฟหมูสับก็พอแล้ว
หลังอาหารเย็น เจียงเสี่ยวไป๋ได้พูดกับหลินเจียอินว่า “เมียจ๋า บัญชีของวันนี้ ! ”
มีให้บัญชีด้วย !
หลินเจียอินมีความสุขมาก เมื่อวานเจียงเสี่ยวไป๋แจงบัญชีให้เธอฟังเช่นกัน เขานำเงินที่ขายของได้มาให้เธอมากถึง 270 หยวน 9 เหมา
วันนี้เธอเห็นกับตาตัวเองแล้วกิจการของเขาขายดีขนาดไหน
“ไม่รู้ว่าวันนี้หาเงินมาได้เท่าไร ? ”
หลินเจียอินอดไม่ได้ที่จะตั้งตารอ
“เมียจ๋า วันนี้ผมหาเงินมาได้ทั้งหมด 516 หยวน 6 เหมา”
เจียงเสี่ยวไป๋เริ่มร่ายบัญชีของวันนี้ให้ภรรยาฟังด้วยสีหน้าจริงจัง
“เท่าไรนะ ? ”
แม้ว่าวันนี้เธอจะคาดหวังเงินจำนวนมาก แต่เมื่อเธอได้ยินว่าเขาขายของได้มากกว่า 500 หยวน หลินเจียอินจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น
”อืม”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและเริ่มแจงบัญชีใช้จ่ายต่อไป
“ผมทำชามกระดาษแบบใช้แล้วทิ้ง 10,000 ใบที่โรงพิมพ์ของสำนักข่าวรายวันเมืองชิงโจวและจ่ายเงินไป 100 หยวน”
“ซื้อเนื้อที่ตลาดไป 14 หยวน”
”ซื้อเสื้อผ้าให้เสี่ยวกางไป 42 หยวน”
“ซื้อเสื้อผ้าให้ชานชาน 76 หยวน”
“ซื้อเสื้อผ้าให้คุณไป 128 หยวน”
“ซื้อผ้าให้พ่อกับแม่ 41 หยวน 8 เหมา”
”ซื้อเหล้าไป 14 หยวน 5 เหมา”
“ทั้งหมดนี้เหลือเงินรายได้ 100 หยวน 3 เหมา”
“เงินทั้งหมดอยู่ในนี้หมดแล้ว ผมให้คุณ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยื่นถุงผ้าที่มีเงินให้หลินเจียอิน
“ห๊ะ อะไรนะ ? ”
“คุณออกไปข้างนอกแค่ไม่นานก็ใช้เงินไป 416 หยวน 3 เหมาแล้วหรือ ! ”
หลินเจียอินลุกขึ้นยืนพรวด ความสุขที่ได้เงินมากกว่า 500 หยวนพลันหายวับไปทันที คราวนี้เธอพูดขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยวแทน
เธอโกรธมากที่เขาใช้เงินไป 400 กว่าหยวนในคราวเดียว
เงินมันหามาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ ?
เจียงเสี่ยวไป๋คนนี้ใช้เงินเก่งเกินไปไหม ?
“เอ่อ……เงินที่จ่ายไปล้วนเป็นค่าใช้จ่ายที่จำเป็นตามปกติ ผม…ไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวเสียงแผ่ว
หลินเจียอินพูดไม่ออก การที่เขาใช้เงินในคราวเดียวถึง 400 กว่าหยวนยังไม่นับว่าสิ้นเปลืองอีกหรือ งั้นต้องใช้เงินเท่าไรถึงจะเรียกว่าสิ้นเปลือง ?
“หม่าม๊า ป่าป๊าใช้เงินซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเรา”
ชานชานเป็นเด็กที่มีความรู้สึกไวมาก เธอรู้สึกได้ว่าหม่าม๊ากำลังตำหนิป่าป๊าเรื่องใช้เงิน ชานชานจึงกระซิบข้างหูเธอ
หลินเจียอินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ในตอนนั้นเองที่เธอคิดได้ว่าในรายการบัญชีที่เจียงเสี่ยวไป๋แจงมา เงินที่จ่ายให้กับโรงพิมพ์ของสำนักข่าวรายวันเมืองชิงโจวเป็นค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจ และการซื้อเสื้อผ้าให้หวังกังนั้นนับว่าเป็นการมอบน้ำใจต่อกัน ส่วนที่เหลือเขาซื้อให้พ่อแม่ ชานชาน และตัวเธอเอง
เขาใช้เงินที่ตนเองหามาได้ซื้อของให้ทุกคน
มีเพียงเขาเท่านั้นที่ไม่ได้ใช้เงินเพื่อตัวเอง ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเองเลยแม้แต่เหมาเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาขี่จักรยานเข้าเมืองเพื่อทำธุระตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ไม่ว่าจะเหนื่อยและหนักแค่ไหน เขาก็ไม่เคยปริปากบ่นสักคำ
ภาพเหตุการณ์ที่เจียงเสี่ยวไป๋ทำในทุกวันนี้ปรากฏขึ้นในใจของเธอ
เขาทำสิ่งต่าง ๆ มากมายอย่างเงียบ ๆ และมอบเงินที่หามาอย่างยากลำบากให้กับเธอทุกวัน โดยที่เขาไม่เคยเก็บเงินไว้เองเลยสักหยวน
แต่เธอยังคงตำหนิเขา
ดวงตาของหลินเจียอินค่อย ๆ เปียกชื้นขึ้นมา
“ขอโทษ ฉันไม่ควรพูดตำหนิคุณเลย”
“เมียจ๋า อย่าคิดมากเลย ผมหาเงินเพื่อให้คุณกับชานชานได้กินดีอยู่ดี แต่งตัวดี มีเงินใช้ และมีชีวิตที่มีความสุขไม่ใช่หรือ ? ”
”อืม ! ”
“เมียจ๋า ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ผมหาเงินได้แล้ว ครอบครัวของเราจะมีเงินมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต”
หลินเจียอินพยักหน้าอีกครั้ง เธอเชื่อในสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด
“เข้าไปในบ้านและเก็บเงินกันเถอะ แล้วดูกันว่าคุณชอบเสื้อผ้าพวกนั้นไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม
หลินเจียอินบีบถุงผ้าที่มีเงินอยู่ในมือ เขาส่งให้เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ไม่อย่างนั้น…คุณเป็นคนเก็บเงินนี้เองเถอะ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือปฏิเสธ “ผมเคยบอกไปแล้วว่ายกเงินทั้งหมดของครอบครัวเราให้คุณดูแล”
หลินเจียอินกล่าวว่า “แต่คุณค้าขายอยู่ข้างนอก คุณจะไม่มีเงินติดตัวไว้เลยได้อย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดติดตลก “คุณไม่กลัวหรือว่าถ้าผมมีเงินอยู่ในมือ ผมจะไปเล่นไพ่อีก ? ”
อ่า ?
หัวใจของหลินเจียอินบีบแน่นขึ้นอย่างประหม่า หญิงสาวรีบดึงถุงใส่เงินกลับมา
“ถ้าอย่างนั้น…ฉันจัดการเรื่องเงินเองดีกว่า”
พูดแล้วเธอก็รีบเข้าไปในบ้าน หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาด้วยความหวาดหวั่น
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะเสียงดังออกมา
หลินเจียอินนั่งอยู่ในห้องนอน เธอนำเงินไปเก็บให้พ้นสายตาของเขาก่อน แล้วจึงเปิดดูเสื้อผ้าใหม่ที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อให้เธอ
ในถุงมีกระโปรง 2 ตัวเป็นกระโปรงยาวทั้งคู่ ตัวหนึ่งลายดอกไม้ อีกตัวสีขาวล้วน ซึ่งเธอชอบมันมาก
เธอเคยสวมกระโปรงสมัยที่ยังเรียนในวิทยาลัยครู ทว่าตั้งแต่เธอแต่งงานกับเจียงเสี่ยวไป๋และย้ายมาอยู่ในชนบทห่างไกลจากตัวเมือง เธอก็ไม่เคยได้สวมกระโปรงอีกเลย
ยังมีเสื้อผ้าอีก 2 ชุดและกางเกง 2 ตัว สามารถสวมใส่ในวันธรรมดาได้ รูปแบบมีความแปลกใหม่และทันสมัย
มีรองเท้า 2 คู่ เป็นรองเท้าสีขาวเล็ก ๆ
รองเท้าเหล่านี้ดูมีระดับกว่ารองเท้าเจี๋ยฟางเป็นไหน ๆ ทั้งยังนุ่มและสวมใส่สบายเท้า
หลินเจียอินมีความสุขมาก
แต่เมื่อเธอเห็นชุดชั้นในที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อให้ ใบหน้าสวยของเธอพลันร้อนฉ่า พวงแก้มของหญิงสาวแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงไปจนถึงใบหู
เขาเป็นผู้ชาย เขากล้าซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ได้อย่างไร ?
ในตอนนี้เองที่เธอรู้แล้วว่าสามีของเธอห่วงใยเอาใจใส่เธอมากขนาดไหน ความสุขพลันก่อตัวขึ้นในใจของเธอ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินเจียอินก็เดินออกจากห้องนอน
“เมียจ๋า น้ำอาบใกล้พร้อมแล้ว” เจียงเสี่ยวไป๋กล่าว
หลินเจียอินตอบรับและพูดว่า “เอ่อ…พรุ่งนี้ฉันจะไปในเมืองกับคุณ”
“ได้สิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบรับด้วยรอยยิ้ม
ไม่ต้องพูดถึงหรอกว่าการขายผัดมันฝรั่งนั้นง่ายกว่าการทำนาแบบหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินขนาดไหน แค่ภรรยาเต็มใจไปในเมืองกับเขา เขาก็ดีใจมากแล้ว แล้วทำไมเขาต้องปฏิเสธเธอด้วย ?
หลินเจียอินกล่าวว่า “ตอนนี้คุณเริ่มทำธุรกิจขายผัดมันฝรั่งแล้ว แต่เมนูยังไม่หลากหลาย”
“โอ้ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ที่กำลังเติมฟืนเตารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเงยหน้ามองหลินเจียอินและถามเธออย่างสนใจ “เมียจ๋า คุณมีความคิดอะไรใช่ไหม ? ”
หลินเจียอินดูเหมือนจะลังเล แต่เธอก็สูดลมหายใจอย่างรวดเร็ว รวบรวมความกล้าและพูดว่า “ฟักเขียวน้ำแดงและตุ๋นฟักเขียวสไลด์แบบหมูสามชั้น ที่คุณทำเมื่อสองวันก่อนอร่อยมาก มันน่าจะเป็นที่นิยมมากถ้าเราทำขาย ในแปลงฝักของเรามีฟักเขียวเยอะ ลองทำดู ไม่รู้ว่าจะขายได้ไหม ? ”
หลังจากพูดจบ เธอก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความลังเล
“ได้สิ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบตกลงโดยไม่ลังเล
ในเมื่อภรรยาเอ่ยปากมาแบบนี้แล้ว นี่มันได้ผลเสียยิ่งกว่าคำสั่งของซูสีไทเฮาเสียอีก เขาจะบอกว่า ‘ไม่ได้’ ได้อย่างไร
ใช่แล้วล่ะ ภรรยาพูดอะไร เขาจะปฏิเสธไม่ได้
“จริงหรือ ? ”
เห็นได้ชัดว่าหลินเจียอินไม่ได้คาดหวังว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะเห็นด้วยกับคำแนะนำของเธอ
“จริง”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ายืนยันและพูดว่า “เมียจ๋า คุณคิดเหมือนผมเลย ผมเองก็คิดว่าการขายผัดมันฝรั่งอย่างเดียวดูซ้ำซากจำเจไป เพียงแต่ผมยังคิดไม่ออกว่าจะเพิ่มเมนูอะไรเข้าไปดี คุณเก่งมากเลยนะที่นึกถึงฟักเขียวขึ้นมาได้”
“เป็นความคิดที่ดี ผมแน่ใจว่าจะทำเงินได้มากมาย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงเสี่ยวไป๋พูด หลินเจียอินมีความสุขมาก ดวงตาที่สวยงามของเธอเปล่งประกายออกมา หญิงสาวจินตนาการถึงฉากตอนขาย “ฟักเขียว” ในวันพรุ่งนี้ไว้แล้ว