ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 380 :ไม่ชอบโรงเรียนเล็ก
ตอนที่ 380 :ไม่ชอบโรงเรียนเล็ก
ปกติโรงเรียนประถมศึกษาที่ได้รับบริจาคจะตั้งอยู่ในพื้นที่ภูเขาที่ห่างไกลและยากจน เพราะ ประชากรมีไม่มากและขนาดของโรงเรียนไม่ใหญ่นัก
ยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงทศวรรษ 1980 โรงเรียนประถมศึกษาทั่วไปไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นใดนอกจากห้องเรียน สนามเด็กเล่น โต๊ะและเก้าอี้ ดังนั้นการบริจาคโรงเรียนประถมศึกษาในพื้นที่ภูเขาจึงไม่ต้องใช้เงินมากนัก
หลังจากหารือกับผู้อำนวยการหลันหงแล้ว รองนายกเทศมนตรีถังได้ตัดสินใจว่าจะให้เจียงเสี่ยวไปสร้างโรงเรียนประถมที่เขตเหล่าเหอโข่ว
เหล่าเหอโข่วเป็นเขตการปกครองระดับตำบลที่อยู่ห่างจากเมืองชิงโจวมากที่สุด ปัจจุบันโรงเรียนประถมกลางที่นั่นมีนักเรียนเพียงแค่ร้อยกว่าคนเท่านั้น อัตราการลงทะเบียนเรียนสำหรับเด็กวัยเรียนต่ำมาก
โรงเรียนประถมศึกษากลางเหล่าเหอโข่วถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1950 และมันควรจะสร้างใหม่มานานแล้ว
หลังจากที่รองนายกเทศมนตรีถังบอกกับเจียงเสี่ยวไป๋เกี่ยวกับสถานการณ์ในเหล่าเหอโข่ว เขาก็กล่าวว่า “คุณเจียง สร้างโรงเรียนประถมแห่งใหม่ในเหล่าเหอโข่วแล้วกัน โดยแต่ละชั้นจะมีชั้นเรียน 2 ห้องเรียน แต่ละห้องเรียนมีนักเรียน 40 คน มีระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และขนาดโรงเรียนเพียงพอที่จะรองรับนักเรียนได้ 600 คน”
“จากประสบการณ์ที่ผ่านมาในการสร้างโรงเรียน สามารถสร้างได้ด้วยเงินประมาณ 150,000 หยวน”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ระดับชั้นหนึ่งมีเพียงสองห้องเรียนเท่านั้น มันจะพอหรือครับ ? ”
หลันหงกล่าวว่า “นอกเหนือจากโรงเรียนประถมศึกษากลางในแต่ละเมืองแล้ว โดยทั่วไปทุกหมู่บ้านยังมีโรงเรียนประถมศึกษา ในพื้นที่ชนบท ชาวบ้านมักส่งลูกหลานไปโรงเรียนใกล้เคียง มีผู้ปกครองไม่มากที่เลือกไปโรงเรียนประถมศึกษากลาง เราได้กำหนดจำนวนคนในชั้นเรียนไว้ที่ 40 คนต่อห้อง ซึ่งถือว่าเยอะมากแล้ว”
“หลังจากสร้างโรงเรียนใหม่แล้ว เราจะขอตรวจสอบอัตราการลงทะเบียน และดูว่าชั้นเรียนหนึ่งจะมีนักเรียนมากถึง 30 คนหรือไม่ ? ”
“หากไม่มีนักเรียนได้ตามจำนวนที่เราคาดการณ์ เราก็สามารถเปิดได้เพียงชั้นเรียนเดียวเท่านั้น”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และสถานการณ์นี้ก็เป็นจริงเช่นกัน
ในอนาคต โรงเรียนประถมศึกษาในหมู่บ้านต่าง ๆ ได้ปิดตัวเอง ชาวบ้านจะส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียนประถมศึกษากลางในชนบท เกือบถึงปลายทศวรรษ 1990 จึงจะกลายเป็นกระแสหลัก อย่างไรก็ตาม แม้ในศตวรรษที่ 21 หมู่บ้านหลายแห่งก็ยังคงรักษาโรงเรียนขนาดเล็กไว้
เขตเหล่าเหอโข่วมีประชากรน้อย การสร้างโรงเรียนที่มีนักเรียน 600 คนสามารถคงอยู่ได้นานหลายทศวรรษ
“เปลี่ยนสถานที่ได้ไหม ผมอยากจะบริจาคโรงเรียนที่ใหญ่กว่านี้” เจียงเสี่ยวไป๋ถามหยั่งเชิง
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทุกคนก็มองเขาด้วยความประหลาดใจ
โดยเฉพาะเฉินหยวนเฉา เขาตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้ยิน
นี่นายสร้างโรงเรียนบริจาคให้เขาเลยนะ ! ทำไมยังมาติว่าขนาดโรงเรียนเล็กไปล่ะ ?
ต้องสร้างโรงเรียนใหญ่ ๆ บริจาคให้ถึงจะมีความสุขงั้นหรือ ?
เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเจียงเสี่ยวไป๋ต้องการสร้างโรงเรียนประถมที่ใต้ภูเขาฉีเฟิง เพื่อให้ลูกสาวของเขาได้เรียนสะดวกยิ่งขึ้นในอนาคต
ไม่มีใครกำหนดว่าการสร้างโรงเรียนประถมจะต้องบริจาคให้กับพื้นที่ยากจนเท่านั้น !
หลันหงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ และพูดว่า “ฉันรู้สึกได้ถึงความใจกว้างของคุณเป็นอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์โรงเรียนในปัจจุบันในเมืองของเรา เหล่าเหอโข่วคือพื้นที่ที่ต้องการโรงเรียนประถมแห่งใหม่ที่สุด”
รองนายกเทศมนตรีถังกล่าวว่า “คุณเจียง ยินดีที่จะบริจาคโรงเรียนที่ใหญ่กว่านี้ แน่นอนว่าเรารู้สึกขอบคุณอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้เป็นดังที่ผู้อำนวยการหลันกล่าวว่า โรงเรียนประถมศึกษากลางเหล่าเหอโข่วกำลังมีความจำเป็นเร่งด่วนในการฟื้นฟู ดังนั้นเรามาสร้างโรงเรียนบริจาคในเขตเหล่าเหอโข่วดีกว่า ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดไม่ออกจริง ๆ นี่แตกต่างจากที่เขาคิดเล็กน้อย
เขาคิดในใจว่าเขาจะโน้มน้าวรองนายกเทศมนตรีถังและผู้อำนวยการหลัน เลือกโรงเรียนที่เขาบริจาคได้ที่ตีนเขาภูเขาฉีเฟิงได้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากในตอนนี้
รองนายกเทศมนตรีจางรู้จักเจียงเสี่ยวไป๋ดีที่สุด เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “คุณมีความตั้งใจที่จะบริจาคแบบกำหนดเป้าหมายไหม ? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็พูดมาได้ แล้วเราจะได้หารือกัน”
ท้ายที่สุดแล้ว การบริจาคนั้นจะต้องเคารพความปรารถนาของผู้บริจาคด้วย
หลังจากได้ยินสิ่งที่รองนายกเทศมนตรีจางพูด รองนายกเทศมนตรีถังและผู้อำนวยการหลันมองหน้ากันและดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจอยู่บ้าง รองนายกเทศมนตรีถังจึงกล่าวว่า “คุณเจียง มีความคิดใด ๆ คุณสามารถเสนอแนะได้”
เจียงเสี่ยวไป๋มีเป้าหมายอยู่แล้ว แต่เขาจะไม่พูดออกมาตามตรง
เขายิ้มและพูดว่า “ผมไม่มีความคิดที่พิเศษแต่อย่างใด ผมแค่คิดว่าการสร้างโรงเรียนที่ใหญ่กว่าสามารถแก้ปัญหาสำหรับนักเรียนได้มากขึ้น ด้วยวิธีนี้ รัฐบาลเมืองยังสามารถประหยัดงบประมาณที่จะใช้ในการสร้างโรงเรียนเล็ก ๆ เหล่านั้นได้”
หลันหงมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความชื่นชม และพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเจียง ใจดีและใจกว้างมากจริง ๆ หากเราต้องการสร้างโรงเรียนที่ใหญ่ขึ้น ก็สามารถสร้างได้เฉพาะในเมืองชิงโจว เท่านั้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประชากรในเมืองชิงโจวได้เพิ่มขึ้นมาก และห้องเรียนประถม 3 แห่งในเมืองก็มีนักเรียนแน่นหนา เรายังวางแผนที่จะสร้างโรงเรียนประถมแห่งใหม่ในเขตเมืองด้วย แต่งบประมาณการสร้างโรงเรียนประถมในเขตเมืองนั้นสูงเกินไป”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้า “ตอนนี้งบประมาณของเมืองก็ตึงตัวมากเช่นกัน และไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะสร้างโรงเรียนประถมแห่งใหม่”
รองนายกเทศมนตรีถังยังกล่าวอีกว่า “การสร้างโรงเรียนใหม่ในเมืองแตกต่างจากการสร้างโรงเรียนในชนบทขึ้นใหม่ และยังเกี่ยวข้องกับประเด็นต่าง ๆ เช่น อัตราครู ซึ่งล้วนแต่เป็นปัญหาที่ยาก”
เขาถอนหายใจ “ถ้าคุณเจียงไม่กำหนดสถานที่บริจาค งั้นเราแก้ไขปัญหาที่เขตเหล่าเหอโข่วก่อนเถอะ ! ”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นประกายเมื่อได้ยินประโยคนี้ มันเป็นโอกาสดีที่เขาจะพูดถึงเป้าหมาย
เขาพูดทันทีว่า “ผู้นำทุกท่าน ไม่อย่างนั้นเราสร้างโรงเรียนสองแห่งดีไหม สร้างแห่งหนึ่งในเขตเหล่าเหอโข่วและอีกแห่งในเมืองพร้อมกัน ? ”
รองนายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถังและผู้อำนวยการหลันต่างก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋เป็นตาเดียวกันด้วยความตกใจ รองนายกเทศมนตรีถังกล่าวว่า “คุณเจียง การสร้างโรงเรียนประถมในเมืองไม่ใช่แค่ใช้งบประมาณหลักแสนนะ ตามแผนงานที่เราวางไว้ มันจะต้องใช้งบประมาณเกือบหนึ่งล้าน ! ”
เฉินหยวนเฉามองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างใจจดใจจ่อ กลัวว่าเขาจะเห็นด้วยทันที
ดี !
เขาเห็นเจียงเสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว ไม่ได้เห็นด้วยในทันที
“รองนายกเทศมนตรีจาง รองนายกเทศมนตรีถังและผู้อำนวยการหลัน โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองของเขายินดีสร้างโรงเรียนประถมบริจาคให้เขตเหล่าเหอโข่ว แต่เรื่องจ่ายเงินหลักล้านสร้างโรงเรียนประถมในเมือง โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองของเราเพิ่งเริ่มดำเนินกิจการ เรายังไม่มีเงินทุนมากขนาดนั้น” เฉินหยวนเฉารีบชิงพูดถึงเรื่องนี้ก่อนเจียงเสี่ยวไป๋
เจียงเสี่ยวไป๋เหลือบมองเฉินหยวนเฉา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ในใจคิดว่ากลับไปคงต้องคุยกับพี่เขยหน่อยแล้ว ว่าต่อไปนี้อย่าเพิ่งแสดงความคิดเห็นอะไรแทนเขา
การบริจาคนมถั่วเหลืองเป็นความรับผิดชอบของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง แต่เงินงบประมาณในการสร้างโรงเรียนบริจาคไม่เกี่ยวอะไรกับเงินของโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองเลย
ในกิจกรรมทางธุรกิจ สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือความขัดแย้งประเภทนี้
รองนายกเทศมนตรีจางและรองนายกเทศมนตรีถังเป็นคนฉลาด ทันทีที่พวกเขาได้ยินคำพูดของเฉินหยวนเฉา พวกเขาก็คิดได้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่เห็นด้วยกับความคิดของเฉินหยวนเฉา
ทันทีที่เจียงเสี่ยวไป๋มองเฉินหยวนเฉา เขารู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย และตระหนักได้ว่าเขาพูดสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป
อย่างไรก็ตาม เขากลับไม่คิดว่าเขาพูดผิดอะไร
เขายังคิดเผื่อเจียงเสี่ยวไป๋ด้วย
และเขายังอยากคุยกับเจียงเสี่ยวไป๋ในภายหลังด้วย
ท้ายที่สุดเขาเป็นพี่เขย ! เขาไม่สามารถทนเห็นน้องเมียทำอะไรเลอะเลือนได้
รองนายกเทศมนตรีจางกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ แน่นอนว่าเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องการสร้างโรงเรียนใหญ่บริจาคให้เมือง แต่อย่างที่ผู้จัดการเฉินบอก โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองเพิ่งดำเนินกิจการ คุณไม่จำเป็นต้องแบกภาระหนักขนาดนั้น รอจนกว่าบริษัทจะพัฒนาอีกสักพักก็ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า “สิ่งที่ท่านรองกล่าวคือโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองไม่สามารถใช้เงินหนึ่งล้านเพื่อสร้างโรงเรียนบริจาคให้จริง”
รองนายกเทศมนตรีถังกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร แค่คุณบริจาคเงินให้เหล่าเหอโข่วสักแสนห้า พวกเราก็ซาบซึ้งมากแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ผมยังมีความคิดอื่นอยู่”