ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 38 : รวมกลุ่มกันมาซื้อ
ตอนที่ 38 : รวมกลุ่มกันมาซื้อ
นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าตัวเล็กได้เข้ามาในเมือง เธอจึงเหลียวซ้ายแลขวามองโน่นมองนี่ แววตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
”ป่าป๊า ในเมืองนี้มีแต่บ้านหลังใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลยค่ะ”
“ดูนั่นสิคะ มีผู้คนมากมายเลย”
”โห ป่าป๊า รถเยอะจังเลยค่ะในเมืองนี้”
”ป่าป๊า…”
เจียงเสี่ยวไป๋วางเจียงชานไว้ตรงราวข้างหน้าของรถจักรยาน ส่วนเขาก็จับแฮนด์ทั้งสองข้างเพื่อกันเจ้าตัวเล็ก ไม่ให้ตก พลางปั่นจักรยานไปด้วยและอธิบายให้เธอฟังด้วยความเอ็นดู
แค่เห็นว่าเธอสนุก เจียงเสี่ยวไป๋ก็มีความสุขไปกับเธอ
ส่วนหลินเจียอินก็นั่งที่เบาะหลัง มือทั้งสองข้างของเธอจับรอบเอวของเจียงเสี่ยวไป๋อย่างแน่นหนา พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเธอ
สองสามวันมานี้มันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขจริง ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ก็หันมามองที่เธอเป็นครั้งคราว เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของภรรยาสุดที่รัก เขาก็ยิ้มไม่หุบ
เมียจ๋า ตอนนี้ผมสามารถทำให้คุณยิ้มอย่างมีความสุขได้ทั้งที่นั่งอยู่บนจักรยานเท่านั้น แต่ในอนาคต ผมจะทำให้คุณกับลูกยิ้มอย่างมีความสุขบนรถ BMW
ในตอนที่สามพ่อแม่ลูกมาถึงโรงน้ำชา หวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงก็มาถึงก่อนแล้ว
”เจียอิน, ชานชาน ไม่คิดว่าทั้งสองคนก็มาด้วย”
เฝิงเยี่ยนหงทักทายพวกเธออย่างมีความสุข “ช่างเหมาะเจาะจริง ๆ วันนี้ฉันก็พาเสี่ยวกังมาด้วย ดีเหมือนกัน พวกเธอจะได้มีเพื่อนเล่น”
”สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า”
”อรุณสวัสดิ์เจ้าหญิงน้อย”
เจียงชานน้อยทักทายหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหงอย่างสุภาพ
”เฮ้ ชานชาน เข้าไปเล่นกับพี่เสี่ยวกังข้างในสิ”
เฝิงเยี่ยนหงเดินเข้ามาลูบหัวของเจียงชานด้วยความเอ็นดู ก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปในโรงน้ำชา
หลินเจียอินมองไปที่แผงขายที่เรียบง่ายใต้กันสาด เธอก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ เพราะไม่คาดคิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะทำรายได้หลายร้อยหยวนต่อวันทั้งที่มีแค่แผงลอยเล็ก ๆ นี้
เจียงเสี่ยวไป๋หยิบซอสสูตรลับและหัวไชเท้าดองออกมาจากรถ ก่อนจะเข้าไปพูดกับหวังผิงสองสามคำ และเริ่มตั้งร้าน
หลังจากที่เฝิงเยี่ยนหงพาเจียงชานเข้าไปข้างในแล้ว เธอก็ออกมาปอกมันฝรั่ง ส่วนหวังผิงและหลินเจียอินก็ช่วยยกของออกมา
วันนี้มีมันฝรั่งเป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อคืนนี้พวกเขาไปขนมากว่า 3,000 จิน
ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่พอขายอีกต่อไป
ไม่นานนัก ก็มีลูกค้ามายืนรอที่หน้าร้าน 4 คน
หนึ่งในนั้นยื่นกระดาษคูปองให้เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “เถ้าแก่ ยังใช้คูปองส่วนลดที่คุณให้เมื่อวานได้ไหม”
”ได้สิครับ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชายคนนั้นดูจะดีใจมากที่ได้ยินแบบนี้ เขาจึงหันไปหาคนสามคนที่ยืนข้าง ๆ และพูดว่า “นี่ไงเถ้าแก่ขายผัดมันฝรั่งที่ฉันบอก ไม่อยากจะพูด ผัดมันฝรั่งสูตรของเถ้าแก่นั้นเป็นสูตรลับ อร่อยอย่าบอกใครเชียว กินแล้วหยุดไม่ได้เลยแหละ”
“ตั้งแต่เมื่อวานที่คุณเล่าให้ฉันฟัง ฉันก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว ต้องลองชิมแล้วละ”
“เถ้าแก่ ชามละ 4 เหมาใช่ไหม งั้นฉันเอาชามนึง”
“ฉันก็ด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่ลูกค้าทั้งสามคน แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้วร้านเรามีโปรโมชั่น ซื้อ 3 ชามราคาเพียง 1 หยวน พวกคุณจะรวมกลุ่มกันมาซื้อเพื่อให้ได้โปรโมชั่นนี้ก็ได้”
”รวมกลุ่มกันมาซื้อ ? ”
ทั้งสามไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน พวกเขาแค่คิดว่ามันเป็นคำที่แปลกใหม่มาก และยากที่จะเข้าใจไปหน่อย
อย่างไรก็ตาม พวกเขายังคงเข้าใจโปรโมชั่นที่ว่ามานี้ คือถ้าซื้อครบ 3 ชาม จะจ่ายในราคาเพียง 1 หยวน ซึ่งถูกกว่าการซื้อปกติไป 2 เหมา
”ถ้าเถ้าแก่แนะนำแบบนี้ มันก็เป็นผลประโยชน์ของพวกเรา งั้นเอาแบบที่เถ้าแก่บอกก็แล้วกัน”
ทั้งสามบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็ว และไม่มีใครสนใจว่าใครจะจ่ายเงินมากกว่ากัน
คนที่พาเพื่อนมาดูจะมีความสุขมาก ไม่เพียงแต่เขาจะได้กินฟรี 1 ถ้วย แต่เถ้าแก่ยังให้คูปองส่วนลดกับเขาที่แนะนำเพื่อนมาด้วย
นี่คือน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่แนะนำลูกค้ามาให้กับทางร้าน
ผัดมันฝรั่ง 4 ชามในราคา 1 หยวน ทั้ง 4 คนเดินเข้าไปในโรงน้ำชาและนั่งกินอย่างมีความสุข ก่อนออกไป พวกเขาก็พูดว่าจะกลับมาซื้ออีก
ทันทีที่ร้านเปิด ลูกค้าก็เข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ก็เหงื่อออกเต็มตัว ลูกค้าจำนวนมากเริ่มทยอยกันมาเข้าแถวรออย่างค่อยเป็นค่อยไป
”เจียอิน เห็นไหมว่าธุรกิจที่เสี่ยวไป๋ทำมันดีขนาดไหน มัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่ไปปอกมันเล่า ฉันว่าจะซื้อเตากับหม้อมาเพิ่ม ถ้ามีสองอันก็จะเร็วกว่านี้”
เฝิงเยี่ยนหงกระซิบกับหลินเจียอิน
ธุรกิจนี้ดีจริง ๆ หลินเจียอินพยักหน้าเห็นด้วยอย่างมีความสุข
ทันใดนั้นดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่จำเป็นต้องซื้อมันมาเพิ่มหรอก”
เฟิงเหยียนหงผงะเล็กน้อยและยังคงกังวลเล็กน้อย “ทำไมคุณไม่ซื้อ หรือคุณไม่ชอบ ? ”
หลินเจียอินกล่าวว่า “หากจำเป็นต้องเพิ่มเตาอีกเตาหนึ่งจริง ๆ เสี่ยวไป๋ต้องซื้อมาเพิ่มนานแล้ว แต่หากเขาไม่ได้ทำ มันก็ต้องมีเหตุผล”
เธอชี้ไปยังคนที่มาต่อแถว และพูดว่า “ดูสิ มีคนมายืนต่อแถวรอตั้งมากมาย เมื่อผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นก็สะดุดตา หลายคนก็เข้ามารุมล้อมเพื่อดูหรือสอบถาม บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องการก็ได้”
เฝิงเยี่ยนหงเป็นคนเฉลียวฉลาด เมื่อได้ฟังที่หลินเจียอินพูด เธอก็เข้าใจทันที และอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “โอ้ เธอสองคนนี่เหมาะสมกันจริง ๆ ฉลาดแกมโกงทั้งคู่”
หลินเจียอินหน้าแดงและก้มหน้าลงเพื่อปอกมันฝรั่งต่อไป
ทั้งสองคนกระซิบกันแผ่วเบา ดังนั้นลูกค้าที่ต่อแถวอยู่นอกแผงลอยจึงไม่ได้ยินพวกเธอ แต่เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ใกล้ จึงได้ยินอย่างชัดเจน
“เมียจ๋าของผมฉลาดอยู่แล้ว”
เขาแอบสรรเสริญภรรยาในใจอย่างมีความสุข
ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่บนถนน เขาคงจะเข้าไปกอดภรรยาและจูบเธอเพื่อเป็นการให้รางวัลกับตัวเองไปแล้ว
แต่จะขอรางวัลจากเธอหลังจากนี้ก็ยังไม่สาย
ในขณะนี้ ทัศนคติของภรรยาที่มีต่อเขายังคงคลุมเครือ บางทีเธออาจจะกลายเป็นดั่งพายุฝนฟ้าคะนอง และนอกจากจะไม่ได้รับรางวัลแล้ว ยังจะเป็นการลงโทษแทน มันอาจได้ไม่คุ้มเสีย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มราวกับดูถูกตัวเอง และหันไปผัดมันฝรั่งของเขาต่อ
”เถ้าแก่ เอาผัดมันฝรั่งชามหนึ่ง”
เจียงเสี่ยวไป๋กำลังง่วนอยู่ แต่จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย เขาเงยหน้าขึ้นและพูดอย่างเป็นสุขว่า “ผู้จัดการเซี่ยง ทำไมคุณไม่บอกผมว่าจะมาหาตอนบ่าย”
”ฉันก็อยากมาดูว่าธุรกิจของคุณเป็นยังไง ขายดีไหม แล้วจะสั่งชามกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งของเราไปถึงเมื่อไหร่” เซี่ยงเฉียนจิ้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
”สมแล้วที่คุณเป็นถึงผู้จัดการ ถึงกับเอาเวลาว่างมาสังเกตธุรกิจของคนอื่น”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและชื่นชมออกมา
เซี่ยงเฉียนจิ้นหัวเราะและพูดว่า “หากว่าคุณภาพของมันดี ก็เท่ากับว่าฉันกำลังจะรวยนะสิ”
หลังจากหยุดครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ “ชามที่เหลืออีก 4,000 ใบ ฉันจะให้คนมาส่งให้คุณเย็นนี้นะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ขอบคุณเขาและบอกว่าเขาจะไปจ่ายเงินที่โรงพิมพ์ในตอนบ่าย
สำหรับราคานั้น แน่นอนว่าพวกเขาสองคนจะไม่พูดถึงมันในที่สาธารณะ หากลูกค้าได้ยินเข้า ก็จะรู้ว่าพวกเขาลงทุนไปเท่าไหร่ มันเป็นความลับทางธุรกิจ
หลังจากพูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ต้องการรับเงินจากเซี่ยงเฉียนจิ้นเพราะมันก็แค่ผัดมันฝรั่ง 1 ชาม แต่เซี่ยงเฉียนจิ้นยืนยันที่จะให้
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับมัน
คนที่อยู่ด้านหลังก็ทำงานไม่หยุด กิจการเริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองข้างทางเต็มไปด้วยลูกค้าที่มายืนต่อแถว
และยิ่งนานเข้าลูกค้าก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
ต้องยอมรับเลยว่า คนจีนนั้นเป็นพวกยอมรับเสียงส่วนมาก หากร้านไหนที่คนส่วนมากบอกว่าอร่อย ๆ และมีคนมายืนรอต่อแถวมากเท่าไหร่ ผู้คนก็จะเบียดเสียดกันมาร้านนั้น
กิจการไปได้ดี ผู้ใหญ่ก็คึกคักมีความสุข แต่เด็กสองคนกลับไม่ปลื้ม
หิว
เฝิงเยี่ยนหงเห็นว่ามันฝรั่งที่เตรียมไว้มีเยอะแล้ว และน่าจะพอขายไปได้อีกหลายชั่วโมง เธอจึงพาเด็กทั้งสองกลับบ้านและทำอาหารให้พวกเธอกิน
หลังจากที่เจ้าตัวเล็กกินเสร็จ พวกเธอก็นำอาหารมาให้เจียงเสี่ยวไป๋, หลินเจียอิน และหวังผิง
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามจึงได้สลับกับไปทานข้าว เมื่อให้เจียงเสี่ยวไป๋ไปประทานอาหารก่อน หลินเจียอินจึงขึ้นไปที่ผัดมันฝรั่งแทน
เพราะเธอเองก็พอรู้ว่าต้องใส่เครื่องปรุงอะไรบ้าง ซึ่งมันก็ไม่ยาก
ซอสสูตรลับและหัวไชเท้าดองก็มีครบหมดแล้ว เพียงเติมในปริมาณที่พอเหมาะแล้วคนให้เข้ากัน
เมื่อเห็นชามผัดมันฝรั่งที่ออกจากมือเธอ แลกกับเงินที่ไหลเข้ามาแทน หลินเจียอินก็มีความสุขมาก
ดูเหมือนว่าการทำธุรกิจจะไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร