ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 379 :ทั้งสำเร็จและล้มเหลวในคนเดียว
ตอนที่ 379 :ทั้งสำเร็จและล้มเหลวในคนเดียว
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ประธานฟู่และผู้อำนวยการเจิ้ง พวกคุณทั้งสองมีความกังวลมากเกินไป ที่จริงแล้วสถานีโทรทัศน์สามารถทำรายการพิเศษเกี่ยวกับเรื่องการมีสุขภาพดี และขอให้แพทย์จากโรงพยาบาลท้องถิ่นมาแนะนำ ให้ความรู้เรื่องการกินเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะเรื่องนมถั่วเหลือง”
เจิ้งเจียฮุ่ยกล่าวว่า “คุณเจียง นอกจากรายการข่าวเช้าเก้าโมงครึ่ง ปัจจุบันสถานีโทรทัศน์ของเราออกอากาศละครโทรทัศน์ทั้งทาง CCTV และละครโทรทัศน์ประจำอำเภอ เราจะมีบุคลากรและเงินทุนเพื่อเปิดรายการอื่นได้อย่างไร ? ”
จู่ ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ก็รู้สึกปวดหัว
หากสถานีโทรทัศน์และสำนักข่าวรายวันไม่ให้ความร่วมมือกับการประชาสัมพันธ์ การรณรงค์ “ดื่มนมวันละขวด คนจีนแข็งแรง” และการส่งนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองก็จะไม่มีความหมายแล้ว
สุดท้ายมันก็เป็นการเสียเงินเปล่า !
ในเวลานี้ รองนายกเทศมนตรีถังที่นิ่งเงียบมาเป็นเวลานานกล่าวขึ้นว่า “โรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองยินดีบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาในเมืองคนละ 1 ขวดในทุกวัน นี่เป็นสิ่งที่ดี แม้ว่าฉันจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ แต่การดื่มนมถั่วเหลืองจะไม่ส่งผลเสียใดอย่างแน่นอน ผู้อำนวยการเจิ้งและประธานฟู่ ผมว่าสถานีโทรทัศน์และสำนักข่าวรายวันของคุณควรโปรโมทเรื่องนี้”
รองนายกเทศมนตรีถังรับผิดชอบด้านวัฒนธรรม การศึกษา สุขภาพ และการประชาสัมพันธ์ เขาเปรียบเสมือนหัวหน้าของเจิ้งเจียฮุ่ยและฟู่เต๋อเจิง
เมื่อเขาพูดเช่นนั้น เจิ้งเจียฮุ่ยและฟู่เต๋อเจิงไม่มีทางเลือกอื่น จึงพยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋แอบหายใจด้วยความโล่งอก แต่นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ
แม้ว่าสถานีโทรทัศน์และสำนักข่าวรายวันจะประชาสัมพันธ์กิจกรรมการบริจาค แต่เขาเชื่อว่าจะไม่ทำการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังอย่างแน่นอน
และคำขวัญที่ว่า “ดื่มนมวันละขวด คนจีนแข็งแรง” จำเป็นต้องใช้การประชาสัมพันธ์ที่มีความเข้มข้นสูงในระยะยาว เพื่อให้บรรลุผลตามที่เขาคาดหวัง
ในขณะที่เขากำลังคิดเรื่องนี้ ฟู่เต๋อเจิงก็พูดขึ้นบ้าง
“ผู้อำนวยการเจิ้ง ที่จริงแล้วข้อเสนอแนะของเจียงเสี่ยวไป๋นั้นดี สถานีโทรทัศน์ของคุณสามารถเปิดตัวรายการสุขภาพดี ชีวีสุขี ได้”
เจิ้งเจียฮุ่ยเหลือบมองฟู่เต๋อเจิง แล้วพูดว่า “ประธานฟู่ สถานีโทรทัศน์ของเราไม่เหมือนกับสำนักข่าวรายวันของคุณ สำนักข่าวรายวันของคุณมีโรงพิมพ์สร้างรายได้ด้วย เงินทุนของสถานีโทรทัศน์ของเราน้อยเกินไป จะหาทุนจากไหนมาทำรายการใหม่ ? ”
ฟู่เต๋อเจิงยิ้มและชี้ไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ “แต่เขามีเงินไม่ใช่หรือ ? ”
เจิ้งเจียฮุ่ยมองด้วยความสับสน “ประธานฟู่ คุณ……”
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “เจียงเสี่ยวไป๋อยากประชาสัมพันธ์ไม่ใช่หรือไง ? รายการสุขภาพดี ชีวีสุขคือการโปรโมทโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองของเขา ดังนั้นให้เขาจัดหาเงินทุนให้ ! ”
เจิ้งเจียฮุ่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ดีใจมากและพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “คุณเจียง หากคุณเป็นสปอนเซอร์ ฉันจะจัดสรรกำลังคนทำรายการสุขภาพดี ชีวีสุขี คุณคิดว่าอย่างไร ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วถามว่า “ผู้อำนวยการเจิ้ง แล้วมันมีค่าใช้จ่ายเท่าไรครับ ? ”
เจิ้งเจียฮุ่ยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วพูดว่า “รายการจะอยู่ในรูปแบบการสัมภาษณ์ โดยจะออกสัปดาห์ละ 1 ตอน แต่ละตอนใช้เวลา 20-30 นาที โดยจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 10,000 หยวนต่อปี หากให้ฉันคิดประมาณคร่าว ๆ น่าจะสัปดาห์ละประมาณ 200 หยวน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนี้ก็รู้สึกดีใจมาก เดิมทีเขาคิดว่าสถานีโทรทัศน์จะต้องใช้เงินทุนมากกว่าสองแสนหยวนในการเปิดรายการ แต่เขาไม่คาดคิดว่าจะมีราคาเพียงแค่หลักหมื่นหยวนเท่านั้น !
และนี่คือค่าใช้จ่ายประจำปี !
ราคาถูกจริง ๆ !
เขาสงบอารมณ์ไว้และกำลังคิดเรื่องให้เงินทุน 20,000 หยวนแก่สถานีโทรทัศน์ เพียงแต่ต้องมีโฆษณานมถั่วเหลืองทั้งก่อนและท้ายรายการ ครู่หนึ่ง เสียงของฟู่เต๋อเจิงก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ผู้อำนวยการเจิ้ง ตอนนี้สำนักข่าวรายวันของเรามีเงินทุนเพียงพอ ไม่ใช่แค่เพราะโรงพิมพ์เท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะผมทำสัญญาแผนกโฆษณาจากภายนอกกับเจียงเสี่ยวไป๋ด้วย”
“ผมคิดว่าคุณสามารถจัดตั้งแผนกโฆษณาเพื่อหาเงินทุนสำหรับสถานีโทรทัศน์ได้เช่นกัน”
ดวงตาของเจิ้งเจียฮุ่ยเป็นประกายขึ้นหลังจากได้ยิน ใช่แล้ว สำนักข่าวรายวันสามารถโฆษณาได้ สถานีโทรทัศน์ก็ย่อมทำได้เช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงพูดขึ้นทันทีว่า “คุณเจียง คุณจะเซ็นสัญญากับแผนกโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ด้วยไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋มีความสุขยิ่งขึ้น ฟู่เต๋อเจิงยังคงมีประโยชน์ในช่วงเวลาวิกฤติเช่นนี้
เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อผู้อำนวยการเจิ้งเชื่อมั่นในตัวผม ก็ไม่มีปัญหาครับ ผมจะสนับสนุนรายการสุขภาพดี ชีวีสุขและให้เงินทุนสถานีโทรทัศน์ปีละ 20,000 หยวน ผมจะเซ็นสัญญารับเหมาแผนกโฆษณาด้วย เราจะหารือรายละเอียดเฉพาะของความร่วมมือนี้ในภายหลัง”
“ตกลง หวังว่าเราจะทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ! ” เจิ้งเจียฮุ่ยพูดอย่างมีความสุข พร้อมยกขวดนมถั่วเหลืองขึ้นมา
“ขอให้ทำงานร่วมกันอย่างมีความสุข ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ก็ยกขวดนมถั่วเหลืองขึ้นและจิบไปอึกใหญ่
อย่างไรก็ตาม เขาดูเหมือนจะดีใจเร็วไปเสียหน่อย
เพราะเขาได้ยินฟู่เต๋อเจิงพูดกับเจิ้งเจียฮุ่ยว่า “ผู้อำนวยการเจิ้ง เรื่องที่คุณจะทำสัญญาร่วมมือจ้างแผนกโฆษณาจากภายนอกกับเจียงเสี่ยวไป๋ ที่ห้องทำงานของผมมีสัญญาอยู่ คุณสามารถนำมาอ้างอิงตอนร่างสัญญาได้ อย่าหลงกลถูกเขาเอาเปรียบเชียว ! ”
“ขอบคุณมากประธานฟู่ ! ”
เจิ้งเจียฮุ่ยกำลังกังวลอยู่พอดี ว่าเธอจะทำสัญญาความร่วมมือแบบไหนกับเจียงเสี่ยวไป๋
เธอไม่มีประสบการณ์ในด้านนี้
และฟู่เต๋อเจิงก็เป็นเหมือนฝนที่ตกได้ถูกเวลา ราวกับเป็นหมอนที่ถูกหยิบยื่นมาให้ยามเธอผงกหัวหลับ
แต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับมีใบหน้ามืดมนและมองไปที่ฟู่เต๋อเจิงด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเขาและฟู่เต๋อเจิงลงนามในสัญญาแผนกโฆษณาของสำนักข่าวรายวัน ตอนนั้นเขาไม่ได้เอาเปรียบอะไรฟู่เต๋อเจิงเลย !
เดิมทีเขาคิดว่าฟู่เต๋อเจิงมีประโยชน์ในครั้งนี้ เพราะช่วยให้เขาได้ทำงานร่วมกับแผนกโฆษณาของสถานีโทรทัศน์
ใครจะคิดว่าฟู่เต๋อเจิงจะตลบหลังเขาแบบนี้
อาจกล่าวได้ว่าเขาทั้งประสบผลสำเร็จและล้มเหลวในคราวเดียวกัน
แต่รองนายกเทศมนตรีจางกลับเห็นด้วยเรื่องการทำสัญญากับแผนกโฆษณาของสถานีโทรทัศน์ของเจียงเสี่ยวไป๋ ไม่ว่าเขาจะทำงานในด้านใด เขาก็สามารถสร้างสรรค์และสร้างเทคนิคดี ๆ ออกมาได้เสมอ
เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ขณะนี้เราได้ตัดสินใจเรื่องกิจกรรมบริจาคนมถั่วเหลืองให้กับโรงเรียนประถมแล้ว พวกคุณค่อยไปหารือรายละเอียดในภายหลังเถอะ”
เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “คุณบอกว่าคุณต้องการบริจาคโรงเรียนประถม ฉันเลยเชิญรองนายกเทศมนตรีถังมาที่นี่เป็นการพิเศษ ฉะนั้นอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้เถอะ ! ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่รองนายกเทศมนตรีจางพูด มือของเฉินหยวนเฉาก็สั่น ทำให้เขาเกือบจะทำขวดนมถั่วเหลืองในมือตก
ตอนที่เขาออกจากห้องทำงานในตอนเช้า เขาไม่ได้ยินเจียงเสี่ยวไป๋พูดถึงเลย
เขายังจะบริจาคโรงเรียนประถมอีกด้วย !
หลันหง ผู้อำนวยการสำนักการศึกษาก็ตกตะลึงเล็กน้อยเช่นกัน เธอเองก็เพิ่งได้ยินว่าเจียงเสี่ยวไป๋จะบริจาคโรงเรียนประถมด้วย
ซึ่งเรื่องนี้อยู่ในขอบเขตอำนาจของเธอด้วย
เธออดไม่ได้ที่จะพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณเจียง คุณต้องการบริจาคโรงเรียนประถมจริง ๆ หรือคะ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและกล่าวว่า: “พูดถึงเรื่องนี้ ผมเคยเป็นหนึ่งในครูของประชาชน หลังจากเรียนจบจากวิทยาลัยครูชิงโจว ผมก็ทำงานเป็นครูในโรงเรียนประถมอำเภอชิงซานที่บ้านเกิดของผมเป็นเวลาหลายปี”
เขาหัวเราะและพูดว่า “แต่ผมไม่สามารถเป็นครูต่อไปได้ ดังนั้นผมเลยมาทำธุรกิจ”
“ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว เพื่อชดเชยความเสียใจต่อเรื่องนี้ ผมจึงตัดสินใจจะสร้างโรงเรียนประถมบริจาคให้กับเมืองชิงโจว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินหยวนเฉาก็อดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มที่มุมปาก: ดูท่าทางการพูดอย่างชอบธรรมของนายสิ คนที่ไม่รู้จักนายจริง ๆ คงเชื่อนายสนิท แต่นายไม่สามารถเป็นครูต่อได้ที่ไหนล่ะ ตอนนั้นนายโดนโรงเรียนประถมไล่ออกต่างหาก
หลันหงและรองนายกเทศมนตรีถังไม่รู้อดีตของเจียงเสี่ยวไป๋
หลันหงกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “ในฐานะผู้อำนวยการสำนักการศึกษา ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณเจียงเคยเป็นครูด้วย ! คนมีความสามารถอย่างคุณเจียงออกจากตำแหน่งทางการศึกษา ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ต่อการศึกษาของเราจริง ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มรับ
รองนายกเทศมนตรีถังก็ดูจะเสียดายเช่นกัน เขาพูดว่า “ใช่แล้ว คุณเจียงไม่ได้เป็นครูต่อ น่าเสียดาย ! ”
และเขาก็เปลี่ยนน้ำเสียง ขณะพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ที่คุณเจียงสร้างรายได้มหาศาล เขาไม่เคยลืมที่จะตอบแทนสังคม การสร้างโรงเรียนบริจาคถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด”
“คุณเจียง เรามาพูดถึงรายละเอียดการบริจาคโรงเรียนกันเถอะ”