ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 248 :คำขอของเหรินฉางเซี่ย
ตอนที่ 248 :คำขอของเหรินฉางเซี่ย
“ผู้จัดการหลิน ! ”
เมื่อหูฉางอิงเห็นหลินเจียอิน เธอก็ยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น
หลินเจียอินพยักหน้า “เอากุ้งนึ่ง 1 ชาม รากบัว 1 ชามและถั่วแระ 1 ชามมาให้ฉันด้วย”
บางทีอาจเป็นเพราะเธอกำลังตั้งท้อง เธอจึงอยากกินอาหารที่มีรสชาติไม่จัดจ้าน
แต่หนูน้อยเจียงชานนั้นต่างออกไป สิ่งที่เธอชอบคือกุ้งอบน้ำมัน ซึ่งมีรสเผ็ดและอร่อย เธอจึงรีบพูดว่า “หม่าม๊า หนูไม่อยากกินแบบนึ่ง หนูอยากกินแบบอบน้ำมันมากกว่า”
หลินเจียอินเอื้อมมือเอานิ้วไปจิ้มหน้าผากของลูกสาว “เจ้าตัวน้อยของแม่ช่างตะกละจริง ๆ หนูกินมันได้ทุกวันอย่างไม่เคยเบื่อเลยนะ”
จากนั้น เธอหันกลับไปพูดกับหูฉางอิงว่า “งั้นก็เอาแบบอบน้ำมันมาเพิ่มอีกหนึ่งที่”
“ได้ค่ะ ผู้จัดการหลิน ! ”
หูฉางอิงตอบตกลงและยิ้ม จากนั้นพาหลินเจียอินและทั้งสี่คนไปที่ห้องส่วนตัวด้านใน หลินเจียอินกล่าวว่า “เดี๋ยวเราจะหาโต๊ะว่างข้างนอกนั่งนี่แหละ”
เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อกินอาหารโดยเฉพาะ หากเข้าไปกินในห้องส่วนตัว แล้วเธอจะตรวจดูสถานการณ์ด้านนอกได้อย่างไร ?
ในอีกด้านหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋อยู่ที่ห้องส่วนตัว เขาสั่งกุ้งอบน้ำมันและรอเหรินฉางเซี่ย
หลังจากนั้นไม่นาน เหรินฉางเซี่ยก็มาถึง
“พี่อยากดื่มอะไรไหม ? ” เจียงเสี่ยวไป๋ถาม
เหรินฉางเซี่ยเลิกคิ้วของเขาขึ้นเล็กน้อย แล้วพูดแซวว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร ให้ฉันดื่ม แต่คุณไม่ดื่มงั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “สมแล้วที่พี่เหรินเป็นตำรวจ ด้วยระดับความสามารถของพี่แล้ว ดูเหมือนว่าพี่สามารถจับประเด็นทุกคำพูดที่ออกมาจากปากของนักโทษ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการรับสารภาพก็ตาม”
เหรินฉางเซี่ยยิ้มอย่างมั่นใจ
หากฉันไม่มีความสามารถในการจับประเด็นในคำพูดได้ ฉันก็คงไม่ได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแผนกสอบสวนคดีอาญาหรอกจริงไหม ?
เขายิ้มและพูดว่า “ปกติคุณไม่เคยปฏิเสธเรื่องดื่ม ทำไมวันนี้ถึงไม่ล่ะ ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นงั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ “ภรรยาของผมตั้งท้อง ผมต้องระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่”
เหรินฉางเซี่ยได้ยินแบบนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “ยินดีด้วย ฉันจะมีหลานชายอีกคนแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ถึงกับกุมขมับของตัวเอง
ไม่คิดเลยว่าเหรินฉางเซี่ยก็ยังมีคงความคาดหวังให้เขาได้ลูกชาย
ต้องบอกว่าแนวคิดในการให้กำเนิดลูกชายเพื่อสืบเชื้อสายวงศ์ตระกูลนั้นได้ฝังลึกอยู่ในใจของคนจีนไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เขารู้สึกได้ว่าหลินเจียอินคงกดดันไม่น้อยเวลาต้องเผชิญหน้ากับพ่อแม่ของเขา
เขาไม่สนใจและไม่ได้พูดในหัวข้อนี้ต่อ เขาส่งบุหรี่จงฮั๋วให้กับเหรินฉางเซี่ย แล้วพูดว่า “พี่เหริน มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือ ? ”
เหรินฉางเซี่ยรับบุหรี่จงฮั๋วมา แต่ไม่ได้สูบ เขามองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยสีหน้าที่ดูลำบากใจ
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋เห็นแบบนั้น เขารู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เขาหยิบไม้ขีดขึ้นมาจุดบุหรี่ให้เหรินฉางเซี่ย แล้วพูดว่า “พี่เหริน มีเรื่องอะไรที่ลำบากใจที่จะพูดใช่ไหม ? ”
เหรินฉางเซี่ยพ่นควันออกมา เขาดูโล่งใจขึ้นมาก มุมปากของเขาขยับเล็กน้อย “ฉันมีบางอย่าง ที่อยากจะขอให้คุณช่วย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ลังเลที่จะรับฟัง “พูดมาตามตรงเถอะ บอกผมว่าพี่ต้องการให้ผมช่วยอะไร”
เหรินฉางเซี่ยถอนหายใจและพูดว่า “ฉันได้รับโทรศัพท์จากผู้บัญชาการกองร้อยคนเก่าเมื่อไม่กี่วันก่อน”
เมื่อเขาพูดขึ้นมา ดูเหมือนว่าเขาจะคิดย้อนกลับไปในความทรงจำสมัยหนุ่ม ๆ ของเขา มีรอยยิ้มลำบากใจปรากฏบนใบหน้าของเขา “โอ้ ฉันเคยเป็นทหารในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งที่ทะเลทรายโกบี ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยทะเลทรายและพื้นที่รกร้าง……”
“หลังจากที่ฉันเปลี่ยนสายงานกลับมาที่ชิงโจว ผู้บัญชาการกองร้อยเก่ายังคงอยู่ที่นั่น เขาทั้งต้อนรับทหารเกณฑ์ใหม่จำนวนมากและส่งทหารเพื่อนร่วมรบออกมาเป็นจำนวนมากเช่นกัน……”
เจียงเสี่ยวไป๋ฟังเหรินฉางเซี่ยอย่างเงียบ ๆ ด้วยความเคารพต่อทหารทางตะวันตกเฉียงเหนือ พวกเขาเป็นพวกที่กินข้าวและดื่มน้ำท่ามกลางแสงแดด สายลมและหิมะ ทหารเหล่านั้นอุทิศวัยหนุ่มของพวกเขาในถิ่นทุรกันดาร ซึ่งทำให้จีนมี “สองระเบิดหนึ่งดาวเทียม [1] ” และต่อมาจึงมีการพัฒนาขีปนาวุธรุ่นตงเฟิงขึ้น
การกำเนิดของอาวุธที่สำคัญที่สุดของประเทศไม่ใช่แค่การต่อสู้ของนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เช่นเหล่าเติ้งและคณะเท่านั้น แต่เบื้องหลัง นักรบประจำชาติที่ไม่มีใครเทียบได้เหล่านั้นยังมีนักรบหนุ่มจำนวนมากที่อุทิศตนป้องกันประเทศอย่างเงียบ ๆ อีกด้วย
พวกเขาเหล่านั้นควรได้รับเหรียญเกียรติยศของทหาร
อย่างไรก็ตาม ชื่อของหลายคนไม่เคยปรากฏในสายตาของชาวโลกด้วยซ้ำ
เหรินฉางเซี่ยบรรยายเป็นเวลานาน และในที่สุดก็พูดว่า “ผู้บัญชาการกองร้อยเก่าโทรมาและบอกว่าเขากำลังจะส่งทหารทหารผ่านศึกกลับมา และมีคนบางส่วนในนั้นกำลังจะกลับมาที่ชิงโจวของเรา……”
เหรินฉางเซี่ยมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ “ผู้บัญชาการกองร้อยเก่าต้องการให้ฉันหางานให้ทหารทหารผ่านศึกที่กลับมาชิงโจวได้หรือไม่”
เขายิ้มอย่างเศร้า ๆ “ฉันไม่มีความสามารถมากมายขนาดนั้น เมื่อเห็นว่าอาชีพการงานของคุณกำลังรุ่งเรือง ฉันเลยต้องแบกหน้ามา……”
“พี่เหรินไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋ขัดจังหวะเขา และพูดต่อ “ผมเห็นด้วยกับสิ่งนี้ หากพวกเขาเต็มใจทำงานกับผม ผมก็พร้อมที่จะต้อนรับพวกเขา ผมสัญญาว่าจะไม่เอาเปรียบพวกเขาแน่นอน”
“เยี่ยมมาก ! ”
เหรินฉางเซี่ยรู้สึกโล่งใจ รอยยิ้มที่สดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่สง่างามของเขา และพูดอย่างจริงใจ “เสี่ยวไป๋ ขอบคุณมากนะ”
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือของเขา
“พี่เหริน แม้ว่าผมจะไม่เคยเป็นทหารมาก่อน แต่ผมก็รู้ดีว่าถ้าไม่มีทหารเหล่านั้น เราจะมีชีวิตที่มั่นคงและมีความสุขขนาดนี้ได้อย่างไร”
“โลกนี้จะมีช่วงเวลาอันเงียบสงบได้อย่างไร ? หากไม่มีพวกเขาแบกภาระให้เรา”
“เมื่อประเทศเกิดความไม่สงบสุข พวกเขาก็พร้อมจะพลีชีพเพื่อปกป้องประเทศของเรา”
“เมื่อพวกเขาต้องการผม ผมจะช่วยเท่าที่ผมสามารถทำได้ ซึ่งมันทำให้ใจผมพลอยมีความสุขไปด้วย”
เหรินฉางเซี่ยจ้องมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ ไม่คิดว่าเขาจะพูดคำพูดเช่นนั้นออกมา
เขามองน้องชายคนนี้ไม่มีผิด !
“ตอนนี้น้องสะใภ้ท้องแล้ว คุณต้องขับรถ ไม่ควรดื่มเหล้าน่ะถูกแล้ว”
“แต่ตอนนี้ฉันมีความสุข ฉันอยากดื่ม ! ”
เหรินฉางเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าและขอให้พนักงานเสิร์ฟเอาขวดเหมาไถมา
เหรินฉางเซี่ยเทเหมาไถให้ตัวเอง หลังจากดื่มไปสองแก้ว เขาก็พูดว่า “เอาล่ะ คุณบอกว่ามีธุระจะคุยกับฉัน มันคืออะไรหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋วางตะเกียบลง แล้วพูดว่า “ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากพี่ ขอรายชื่อผู้ที่มีใบขับขี่ในชิงโจวมาให้ผมหน่อย”
เหรินฉางเซี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง “แค่นั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋กล่าวว่า “ขณะนี้มีคนน้อยมากที่มีใบขับขี่ และผมไม่รู้ว่าจะหาพวกเขาได้ที่ไหน ผมคิดว่าสำนักความมั่นคงสาธารณะของพี่จัดการเรื่องใบขับขี่ ดังนั้นพวกเขาน่าจะต้องรู้เรื่องนี้”
เหรินฉางเซี่ยพูดว่า “นายกำลังหาคนขับรถอยู่หรือเปล่า ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “เรื่องรายชื่อน่ะ ฉันไม่สามารถให้ได้ เพราะจะเป็นการทำผิดกฎ”
เขาปรับน้ำเสียงและพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่างไรก็ตาม ทหารที่ผู้บัญชาการกองร้อยเก่าจะส่งกลับมาน่าจะขับรถได้”
เจียงเสี่ยวไป๋ดีใจมากและพูดว่า “เยี่ยมมาก ! ”
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีสิ่งดี ๆ เช่นนี้ เขารับสมัครกลุ่มคนขับรถได้อย่างง่ายดายขนาดนี้เลย
นี่ไม่ใช่การช่วยเหรินฉางเซี่ย แต่เห็นได้ชัดว่าเหรินฉางเซี่ยกำลังช่วยเขา !
“พี่เหริน พวกเขามีทั้งหมดกี่นาย ? ”
เหรินฉางเซี่ยกล่าวว่า “ผู้บัญชาการกองร้อยเก่าบอกว่ามี 8 นาย”
“แค่ 8 นายเองหรือ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง
เขาขอให้รองนายกเทศมนตรีจางหารถบรรทุกขนาดใหญ่ 40 คัน คนขับ 8 คนคงไม่เพียงพออย่างแน่นอน
เขามองไปที่เหรินฉางเซี่ย และพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่เหริน ช่วยโทรหาผู้บัญชาการกองร้อยเก่าของพี่ได้ไหม และแนะนำทหารทุกคนที่เป็นทหารผ่านศึกว่าสามารถมาทำงานให้กับผมได้ ! ”
ห๊ะ !
เหรินฉางเซี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและอุทานออกมา “คุณต้องการคนขับกี่คน ? ”
“180 คน ไม่ถือว่ามากเกินไป ! ” เจียงเสี่ยวไป๋พูดอย่างสบาย ๆ
เหรินฉางเซี่ยตกตะลึง คนขับ 180 คนยังไม่มากเกินไปอีกงั้นหรือ ? นี่เขามีรถบรรทุกเยอะขนาดนั้นเลยหรือไง ?
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องมาคอยเป็นกังวล
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดว่า “ฉันสามารถโทรติดต่อให้ได้ แต่ฉันไม่สามารถรับประกันได้ว่าทหารทหารผ่านศึกจากพื้นที่อื่นจะมาหรือไม่”
เจียงเสี่ยวไป๋เข้าใจว่าคนเหล่านั้นและหลายคนยังไม่เต็มใจที่จะออกจากบ้านเกิด
เพียงแต่ว่ามันไม่ง่ายเลยในการรับสมัครคนขับรถในยุคนี้ เขายังคงหวังที่จะรับสมัครคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ผ่านทางผู้บัญชาการกองร้อยเก่าของเหรินฉางเซี่ย
[1] สองระเบิดหนึ่งดาวเทียม (两弹一星)เป็นโครงการนิวเคลียร์และอวกาศช่วงแรกของจีน ระเบิดสองลูกหมายถึงระเบิดปรมาณูและขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) หนึ่งดาวเทียมหมายถึง ดาวเทียมประดิษฐ์