ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 230 :แม้แต่พ่อตาก็ยังเล่นเกมโกง
ตอนที่ 230 :แม้แต่พ่อตาก็ยังเล่นเกมโกง
“เสี่ยวไป๋ ถ้าสร้างโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสที่เจี้ยนหยาง พ่อจะให้นโยบายพิเศษกับลูกเลย เป็นไง ? ”
หลินต้าเหว่ยกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋ผงะ พ่อตาเองก็อยากให้เขาไปตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยางด้วยงั้นหรือ ? นี่ไม่ใช่การแย่งชิงกับรองนายกเทศมนตรีจางหรือ ?
เมื่อหลินต้าเหว่ยเห็นว่าเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้พูดอะไร เขาก็คิดว่าเจียงเสี่ยวไป๋ลังเล ดังนั้นเขาจึงรีบพูดออกมาว่า “ลูกไม่อยากเซ็นสัญญากับโรงเบียร์ซานเฉิงหรือ ? ถ้าอยาก ก่อนอื่นลูกต้องตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเขตเจี้ยนหยาง ถึงจะมีโอกาสคว้าสัญญาของโรงงานเบียร์ซานเฉิงมาได้”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกขบขัน ชายชรากำลังวางกับดักล่อเหยื่อ เพื่อผลประโยชน์ของเขาเอง
ในความเป็นจริง เขาไม่ได้มีปัญหาที่จะตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในชิงโจวหรือเจี้ยนหยางเลย
“พ่อครับ เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่พักหนึ่ง เขาไม่เห็นด้วยโดยตรง แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน
ทว่าหลินต้าเหว่ยกลับใจร้อน หากข่าวนี้แพร่ออกไป จางอี้เต๋ออาจจะเข้ายึดโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสไว้ในครอบครองอย่างแน่นอน
การแย่งโครงการกับจางอี้เต๋อไม่ใช่เรื่องดีแน่
ฉะนั้นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ก่อนที่จางอี้เต๋อจะรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้อยู่หมัด พอถึงตอนนั้นจางอี้เต๋อจะไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
หลินต้าเหว่ยมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และพูดอย่างอบอุ่น “พ่อเป็นพ่อตาของนาย ยังไม่เคยให้ลูกทำอะไรเพื่อพ่อตาคนนี้มาก่อน หากลูกตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยาง พ่อยังจะสามารถสนับสนุนลูกได้ ดังนั้นจึงอยากให้ลูกลองตัดสินใจดู ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกขบขันในใจ เมื่อครู่พ่อตาไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้ ดังนั้นเขาจึงหงายไพ่ตายออกมา
มันก็เป็นเพียงแค่โรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสไม่ใช่หรือ ?
การตัดสินใจนี้ยากจริง ๆ
คุณเป็นนายอำเภออยู่แล้ว จำเป็นที่จะต้องมาใส่ใจเรื่องนี้อีกหรือ ?
เจียงไห่หยางฟังการสนทนาระหว่างลูกเขยและพ่อตาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย เขาจึงพูดว่า “พ่อตาเสี่ยวไป๋ เขาแค่กำลังคิดจะเปิดโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รส ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องตีตลาดไปจนถึงเจี้ยนหยางหรอกมั้ง”
เขายังคิดว่าถ้าเจียงเสี่ยวไป๋ตั้งโรงงานขนาดเล็ก เขาจะเป็นผู้อำนวยการโรงงานเอง
ขนาดเฉินหยวนเฉา ลูกเขยของเขายังได้เป็นผู้อำนวยการโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลือง ซึ่งเขาเองก็อยากเป็นผู้อำนวยการโรงงานเหมือนกัน
ดังนั้นลูกชายของเขาจะต้องไม่ไปตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยาง
เมื่อหลินต้าเหว่ยได้ยินว่าเจียงไห่หยางไม่สนับสนุนการก่อตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสของเจียงเสี่ยวไป๋ในเจี้ยนหยาง เขาก็ไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาคิดว่าเจียงไห่หยางคงไม่อยากให้ลูกชายไปอยู่ไกลบ้าน “ที่จริงอำเภอเจี้ยนหยางไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิดหรอกพ่อเสี่ยวไป๋”
เจียงไห่หยางกล่าวว่า “มันอยู่ห่างออกไปกว่าร้อยลี้ จะบอกว่าไม่ไกลได้อย่างไร ! ”
หลังจากหยุดพูดไปชั่วขณะ เขาก็กล่าวว่า “ในความคิดของฉัน โรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสนั้น ควรจะลองสร้างขึ้นที่หมู่บ้านนี้ก่อน ลองทำเป็นโรงงานขนาดเล็กดู”
เขาชี้ไปที่เจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ถ้ากลัวว่าโรงงานของแกไม่มีใครดูแลมัน ฉันจะช่วยแกดูแลเอง”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาไม่คาดหวังว่าพ่อของเขาจะอยากดูแลกิจการนี้ด้วย
เขามองไปที่เจียงไห่หยาง จากนั้นจึงมองไปที่หลินต้าเหว่ย
ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี แต่พ่อตาและพ่อของเขาเริ่มที่จะมีความคิดขัดแย้งกันแล้ว
ตอนนั้นเองที่หลินต้าเหว่ยตระหนักได้ว่าเหตุผลที่พ่อของเสี่ยวไป๋คัดค้านการตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยางไม่ใช่เพราะกังวลเรื่องระยะทาง แต่เป็นเพราะเขาอยากบริหารมันเอง
“พ่อเสี่ยวไป๋ โอกาสที่เมล็ดแตงโม 5 รสจะตีตลาดได้นั้นมีสูงมาก ฉะนั้นเราต้องหาตลาดที่ใหญ่ไว้แต่เนิ่น ๆ ”
“นั่นก็คือการสร้างโรงงานขนาดใหญ่”
แต่หากตั้งโรงงานในเจียงวาน การขนส่ง ไฟฟ้า และการเดินทางของคนงานจะไม่สะดวกและอาจจะเป็นปัญหาใหญ่ในภายหลัง” หลินต้าเหว่ยกล่าว
เจียงไห่หยางไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน เมื่อได้ยินคำพูดของหลินต้าเหว่ย เขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวแข็งและอ้าปากค้าง พูดไม่ออกเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นแบบนี้ หลินต้าเหว่ยก็ยิ้มออกมา “พ่อเสี่ยวไป๋ แม้ว่าเสี่ยวไป๋จะบริหารโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยาง แต่หากคุณต้องการดูแลโรงงาน คุณสามารถไปที่เจี้ยนหยางได้ ซึ่งแบบนี้พวกเราสองคนจะได้ช่วยกันดูแล ทั้งยังได้ดื่มด้วยกันในยามว่างอีกด้วย”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่พ่อตาของเขา และอดไม่ได้ที่จะใส่ร้ายเขาในใจ
พ่อตาต้องการลักพาตัวพ่อของเขาไปที่เจี้ยนหยาง เพราะเขาตั้งใจแน่วแน่ที่จะนำโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสมาที่เจี้ยนหยาง
“ช่างเถอะ มันไม่สำคัญหรอก คุณอย่าใส่ใจไปเลย”
“ฉันมันคนแก่ ฉันไม่อยากไปไกลขนาดนั้น”
เจียงไห่หยางโบกมือแล้วพูดด้วยท่าทีหมดหวัง
เขาหมดความหวังที่จะก่อตั้งโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจียงวาน
หลินต้าเหว่ยมีสีหน้าเสียใจ แต่ที่จริงแล้วเขาแอบพอใจมันมาก เพียงแต่กังวลว่าพ่อของเสี่ยวไป๋จะดื้อรั้นมากกว่า
ใครจะไปรู้ว่าเสี่ยวไป๋จะคิดอย่างไรกับเรื่องนี้ ?
หากว่าเขาฟังพ่อของเขาขึ้นมา ตนเองก็คงจะไม่ได้ประโยชน์อะไร
โครงการที่ดีเช่นนี้จะต้องดำเนินการในเจี้ยนหยางเท่านั้น
แม้ว่าจะต้องใช้ลูกเล่นบางอย่าง แต่เขาก็จะไม่ลังเลเลย
หลินต้าเหว่ยมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ ในตอนนั้น รังสีของความเป็นนายอำเภอก็ถูกเปิดเผยออกมาอย่างเต็มที่ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “บอกฉันหน่อยว่าโรงงานเมล็ดแตงโมควรก่อตั้งขึ้นในเขตอำเภอเจี้ยนหยางหรือในเขตชานเมืองของอำเภอเจี้ยนหยาง ? ”
“ถ้าตัดสินใจได้แล้วมานั่งหารือกัน แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ งั้นพ่อจะพาแม่ยายของลูกกลับก่อน ! ”
อ่า ?
เจียงเสี่ยวไป๋อ้าปากค้างจนสามารถยัดไข่เป็ดเข้าไปทั้งฟองได้
พ่อตาของเขาไม่สามารถเกลี่ยกล่อมเขาได้ จึงใช้ไพ่ตายออกมา พอไพ่ตายใช้ไม่ได้ผล ก็ใช้วิธีบังคับเขาอีกงั้นหรือ ?
ดึงลูกเล่นออกมาได้ครบครันจริง ๆ !
เขาไม่คาดคิดว่าพ่อตาของเขาจะทำตัวขี้โกงเช่นกัน
ถ้าตัดสินใจแล้วก็มาหารือกัน แต่ถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ จะพาแม่ยายกลับไป
ซึ่งหากเขาไม่ปฏิบัติตาม ความสัมพันธ์ที่ยากจะกลับมาคืนดีกันก่อนหน้านี้ก็อาจกลับมาสู่ทางตันอีกครั้ง
เมื่อถึงเวลานั้น ภรรยาก็จะโทษตัวเขาด้วย
นี่เป็นการปิดช่องโหว่ของเขาอย่างแน่นหนา
หลินต้าเหว่ยมองไปที่การแสดงออกของเจียงเสี่ยวไป๋และรู้สึกมีความสุขมาก: อย่าโทษฉันเลย ฉันก็เรียนรู้มันมาจากลูกเขยของฉันเหมือนกัน
ลูกเขยของฉันยังใช้เกมโกงกับจางอี้เต๋อได้ ฉันที่เป็นพ่อตาจะเล่นเกมโกงนี้กับเขาที่เป็นลูกเขยไม่ได้งั้นหรือ ? ไม่มีอะไรน่าละอายใจทั้งนั้น
วิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับคนเจ้าเล่ห์คือการทำตัวเจ้าเล่ห์มากกว่า
หลินต้าเหว่ยรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นความจริง
เจียงเสี่ยวไป๋ถอนหายใจและพูดด้วยหน้าตาที่บูดบึ้ง “มีความแตกต่างระหว่างการตั้งโรงงานเมล็ดแตงโมในเจี้ยนหยางกับการตั้งโรงงานในเขตชานเมืองไหมครับ ? ”
หลินต้าเหว่ยหัวเราะออกมาเสียงดัง
“แน่นอนว่ามีความแตกต่าง พื้นที่ในเมืองมักจะมีขนาดเล็ก แต่พื้นที่แถวชานเมืองมีขนาดใหญ่”
ดวงตาของเจียงเสี่ยวไป๋เป็นประกาย เขาปรับสีหน้าให้ดูดีขึ้นมา แล้วพูดว่า “พ่อครับ เรากำลังพูดถึงธุรกิจ ถ้าผมสร้างโรงงานเมล็ดแตงโม 5 รสในเจี้ยนหยางจริง ๆ พ่อจะให้ที่ดินผมได้เท่าไหร่ ? ”
มุมปากของหลินต้าเหว่ยกระตุกอย่างรุนแรง เขาไม่รู้ว่าทำไมลูกเขยคนนี้ถึงหมกมุ่นอยู่แต่กับการครองกรรมสิทธิ์ที่ดินขนาดนี้
ขนาดกับรองนายกเทศมนตรีจาง เขายังกล้าขอที่ดิน 10,000 หมู่เลย
ขอบคุณเขาที่กล้าพูด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินต้าเหว่ยก็เหยียดนิ้วออกแล้วพูดว่า “1,000 หมู่ล่ะ ? เป็นไง ? ”
เขารู้ว่าโรงงานผลิตและแปรรูปถั่วเหลืองของเจียงเสี่ยวไป๋ได้ขอที่ดินในการทำอุตสาหกรรมจำนวน 500 หมู่กับรองนายกเทศมนตรีจาง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าการให้พื้นที่ 1,000 หมู่ก็น่าจะทำให้เขาพอใจได้
เจียงเสี่ยวไป๋มองดูนิ้วมือของพ่อตาที่เหยียดออกมา ทั้งที่เขาก็เข้าใจ แต่ก็โพล่งออกมาว่า “10,000 หมู่ ! ”
หลินต้าเว่ยแทบจะเซ
หลังจากทรงตัวให้มั่นคงแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญอยู่ในใจ: เมื่อเทียบความเจ้าเล่ห์แล้ว หลินต้าเหว่ยก็รู้สึกว่าสู้เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้
เขาไม่สามารถมอบพื้นที่ทำอุตสาหกรรมจำนวน 10,000 หมู่ให้เจียงเสี่ยวไป๋ได้อย่างแน่นอน
เขากัดฟันแล้วพูดว่า “ให้ได้มากที่สุด 2,000 หมู่ ! ”
นี่คือขีดจำกัดที่มากที่สุดของเขาแล้ว
เจียงเสี่ยวไป๋คิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “5,000 หมู่ ผมไม่ได้จะเอาที่ดินในตัวอำเภอ แค่จัดสรรที่ดินในเขตชานเมืองให้ผมก็พอ”
หลินต้าเหว่ยขมวดคิ้ว ขีดจำกัดของเขาคือที่ดินในเมือง 2,000 หมู่ แต่หากเป็นในเขตชานเมือง การขอที่ดิน 5,000 หมู่อาจจะพอพิจารณาให้ได้
เนื่องจากขณะนี้ที่ดินในเขตชานเมืองของอำเภอเจี้ยนหยางค่อนข้างมีเยอะและเป็นที่ว่าง ซึ่งมีผู้อยู่อาศัยไม่มากนัก ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะให้
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็มองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น พ่อจะให้ที่ดินแถวชานเมือง 5,000 ……”
“ได้ครับ ! 5,000 เฮกตาร์ [1] นะ ! ”
ก่อนที่หลินต้าเหว่ยจะทันได้พูดจบ เจียงเสี่ยวไป๋ก็พูดคำว่า “เฮกตาร์” ออกมาทันทีก่อนที่หลินต้าเหว่ยจะทันพูดคำว่า “หมู่”
หลินต้าเหว่ยแทบจะกระอักเลือดออกมา
[1] 1 เฮกตาร์ เท่ากับ 10,000 ตารางเมตร ในขณะที่พื้นที่ 1 หมู่(亩) มีขนาดประมาณ 666.67 ตารางเมตร