ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 203 :เข้ารับตำแหน่งใหม่
ตอนที่ 203 :เข้ารับตำแหน่งใหม่
การแข่งขันชิงตำแหน่งของพนักงานในโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกชิงโจวสิ้นสุดลงแล้ว
ในโรงงานมีพนักงานทั้งหมด 220 คน ลงชื่อเข้าแข่งขันคัดเลือก 201 คน มีผู้ที่ผ่านเกณฑ์และมีตำแหน่งรองรับ 189 คน ซึ่งอีก 12 คนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกต้องถูกส่งไปอบรม เพราะยังไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับงานนี้
เมิ่งเสี่ยวเป่ยที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งก็ได้แสดงความสามารถของเธออย่างเต็มที่ เธอสั่งให้หลินเฟิงเปิดคอร์สอบรมทางธุรกิจเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เพื่ออบรมผู้ไม่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 12 คนนั้น
และหนึ่งสัปดาห์ต่อมา พวกเขาจะได้รับการประเมินอีกครั้ง ผู้ที่ผ่านการประเมินจะถูกจ้างต่อ แต่หากคนที่ความรู้ยังไม่ถึงมาตรฐานของโรงงานก็ต้องเก็บของกลับบ้านไป
ในบรรดาพนักงานที่ไม่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก หลังจากอบรมเสร็จ มี 5 คนที่ผ่านการประเมินและถูกจ้างต่อ ส่วนคนที่ไม่ผ่านนั้น ตอนนี้ต้องรอทำเรื่องโยกย้ายไปยังรัฐวิสาหกิจอื่น ซึ่งบางคนไม่ได้รู้สึกติดขัดอะไร เพราะคิดว่าอย่างไรตัวเองก็เป็นพนักงานของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีงานรองรับอยู่แล้ว ทำไมต้องมาแข่งขันเพื่องานนี้ด้วย
เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงได้ทำเรื่องโยกย้ายคนเหล่านี้ให้ไปที่อื่น
หากว่าไม่สามารถทำประโยชน์ให้กับโรงงานได้ ฉะนั้นก็ไปที่อื่น
และหากจะใช้เส้นสายในการทำงานล่ะก็ หยุดฝันไปได้เลย
จากนั้น เธอให้หัวหน้าไลน์ผลิตไปคุยกับพวกเขาเพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ชัดเจนก่อน แล้วให้คนที่ยังอยากทำงานต่อไปฝึกอบรมกับทั้ง 12 คนนั้น และเข้ารับการประเมินพร้อมในอีกหนึ่งสัปดาห์ให้หลัง ผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินก็จะถูกโยกย้ายไปที่อื่น
เจียงเสี่ยวไป๋พอใจกับทำงานและการตัดสินใจที่เด็ดขาดของเมิ่งเสี่ยวเป่ยมาก
หลังจากนั้น เจียงเสี่ยวไป๋ เมิ่งเสี่ยวเป่ย หวังชิ่งซี และโหยวโหย่วหยูก็ได้เริ่มประชุมกัน ปัญหาหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดคุยกันคือตำแหน่งหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ที่ยังไม่มีคนมาลงสมัคร นอกจากนี้ยังมีอีกสามคนที่ยังมีความสามารถ แต่ถูกถอดออกจากตำแหน่ง นั่นก็คือเจี่ยนหมิงหยู่ มู่ฟางหยวนและเปากันฉวน ซึ่งเดิมทีมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าไลน์ผลิต แต่ปัจจุบันถูกถอดออกจากตำแหน่งแล้ว
เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าวว่า “ผู้ช่วยเจียง เปากันฉวนเหมาะสมที่สุดที่จะเป็นหัวหน้าแผนกโลจิสติกส์ ฉันขอแนะนำว่าให้เขามาดำรงตำแหน่งนี้ค่ะ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้น ก็กล่าวว่า “คุณตัดสินใจได้เลย ผมไม่คัดค้าน”
เขาไม่เพียงแต่ปล่อยให้เมิ่งเสี่ยวเป่ยได้ทำหน้าที่ของเธออย่างเต็มที่เท่านั้น แต่ก็เพราะไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้จริง ๆ และในฐานะที่เมิ่งเสี่ยวเป่ยเป็นพนักงานของที่นี่มานาน เธอย่อมรู้จักเปากันฉวนดีกว่าเขา
ด้วยการสนับสนุนของเจียงเสี่ยวไป๋ เมิ่งเสี่ยวเป่ยจึงยิ้ม เผยให้เห็นเสน่ห์ของผู้หญิงที่มั่นใจ จนทำให้เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาคิดเพียงว่าเมิ่งเสี่ยวเป่ยสวยเท่านั้น แต่ตอนนี้เขาค้นพบว่าผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
บางทีอาจเป็นเพราะสถานะและตำแหน่งเปลี่ยนไป ทำให้บุคลิกของคนเปลี่ยนแปลงได้ด้วย
เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
หลังจากที่เมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดคุยเกี่ยวกับเปากันฉวนจบ เธอก็กล่าวเสริมว่า “ผู้ช่วยเจียง ฉันคิดว่าฉันต้องไปคุยกับเจี่ยนหมิงหยู่และมู่ฟางหยวน ทั้งคู่ถูกถอดออกจากตำแหน่งหัวหน้าไลน์ผลิต พวกเขาน่าจะรู้สึกไม่พอใจ”
เจียงเสี่ยวไป๋เห็นด้วยไปกับเธอทันที “ทำตามที่คุณบอกได้เลย”
เพราะจะได้เข้าใจตรงกัน แล้วอะไรจะง่ายขึ้นกว่าเดิม
นี่คือหลักการจ้างคนของเจียงเสี่ยวไป๋
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพยักหน้าและพูดว่า “ตกลงค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปคุยกับพวกเขา”
โหยวโหย่วหยูได้ยินแบบนั้นก็ขัดจังหวะขึ้นมาทันที “เจี่ยนหมิงหยู่น่าจะไม่มีปัญหา อย่างน้อยเขาก็คงไม่ทำอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่สำหรับมู่ฟางหยวนนั้น รองผู้จัดการเมิ่ง คุณควรจับตามองเขาเอาไว้จะดีกว่า”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยมองไปที่โหยวโหย่วหยูและกล่าวขอบคุณเขาที่เตือนเธอ
เธอทำงานในโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกมานานกว่า 5 ปี และรู้จักโหยวโหย่วหยูดี เมื่อโหยวโหย่วหยูพูดแบบนี้ นั่นแสดงว่าเธอไม่ควรละเลยจริง ๆ
และที่ผ่านมา เธอเคยเป็นหัวหน้าทีมย่อยในไลน์ผลิตสี่ ในตอนนั้นมู่ฟางหยวนเป็นหัวหน้าไลน์ผลิตของเธอ เธอเคยเป็นลูกน้องของมู่ฟางหยวนมาก่อน ดังนั้นเธอจึงรู้ดีว่ามู่ฟางหยวนเป็นคนอย่างไร
นี่จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอขอคุยกับเจี่ยนหมิงหยู่และมู่ฟางหยวน
แต่เธอไม่คิดว่าโหยวโหย่วหยูจะเตือนเธอออกมาแบบนี้
“สำหรับการติดตามผลการแข่งขันในโรงงาน เราก็ได้คุยกันไปแล้ว ผู้ช่วยเจียง คุณคิดว่ามีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม ? ” เมิ่งเสี่ยวเป่ยกล่าว
เจียงเสี่ยวไป๋โบกมือ หยิบเอกสารหลายฉบับออกมาแล้วมอบให้เมิ่งเสี่ยวเป่ย หวังชิ่งซีและโหยวโหย่วหยูตามลำดับ
“นี่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่โรงงานของเราจะเปิดตัว พวกคุณลองดูสิ”
หลังจากที่เจียงเสี่ยวไป๋เชิญทุกคนมากินกุ้งอบน้ำมันเมื่อครั้งที่แล้ว เมิ่งเสี่ยวเป่ยและคนอื่นก็ได้ยินมาว่าโรงงานกำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ แต่เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะ ซึ่งมีแค่หวังชิ่งซีที่รู้ ส่วนคนที่เหลือยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร
ในเวลานี้ เมื่อพวกเขาเปิดข้อมูลที่เจียงเสี่ยวไป๋ให้มา เมิ่งเสี่ยวเป่ยและโหยวโหย่วหยูต่างก็ผงะไป
ผลิตภัณฑ์ทั้งสองตัวนี้ดูจะเรียบง่ายเกินไปด้วยซ้ำ !
พวกเขาทั้งสองอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋พร้อมกัน
รวมถึงหวังชิ่งซีด้วย ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าเจียงเสี่ยวไป๋มีผลิตภัณฑ์ใหม่สองรายการ หนึ่งคือถุงบรรจุภัณฑ์พลาสติกและอีกอันคือถุงพลาสติกสะดวกซื้อ แต่เขาไม่รู้ว่ามันมีลักษณะอย่างไร
เขายังแปลกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบผลิตภัณฑ์และข้อมูลจำเพาะของผลิตภัณฑ์จากข้อมูลที่เจียงเสี่ยวไป๋ให้มา
ขนาดเมิ่งเสี่ยวเป่ยและโหยวโหย่วหยูเองก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกัน พวกเขารู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งสองนี้ดูเรียบง่ายเกินไป
หากทำออกมา จะมีตลาดสำหรับสินค้าประเภทนี้หรือไม่ ?
พวกเขาทั้งสามมองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ทำไมหรือ ? พวกคุณเห็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ผมให้ไปก็คิดว่ามันง่ายเกินและสงสัยว่าจะมีตลาดที่ไหนรองรับผลิตภัณฑ์พวกนี้ใช่ไหม ? ”
เขาพูดภาษาจีนกลางออกมา
เนื่องจากเมิ่งเสี่ยวเป่ยพูดภาษาจีนกลางอยู่เสมอ เขาจึงไม่ได้ใช้ภาษาถิ่น
นี่ถือเป็นการให้เกียรติผู้อื่นอย่างหนึ่ง
ทว่าในตอนนั้น หวังชิ่งซีที่เป็นคนเอาจริงเอาจังก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ผู้ช่วยเจียง ที่คุณบอกผมเมื่อครั้งที่แล้ว ดูเหมือนมันจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่พอเห็นรูปแบบผลิตภัณฑ์ของคุณ ผมเองก็ยังอดเป็นกังวลไม่ได้”
เจียงเสี่ยวไป๋มองไปที่เมิ่งเสี่ยวเป่ยและโหยวโหย่วหยู แล้วถามว่า “พวกคุณคิดแบบนี้เหมือนกันใช่ไหม ? ”
โหยวโหย่วหยูพูดว่า “ฉันไม่เข้าใจเรื่องผลิตภัณฑ์หรือเรื่องการตลาด แต่เนื่องจากผู้ช่วยเจียงอยากให้เราสร้างสินค้านี้ออกมา เราก็จะทำตามคำสั่ง”
เขาพูดออกมา แต่อันที่จริงพูดหรือไม่พูดก็ไม่ต่างกัน
ส่วนเมิ่งเสี่ยวเป่ยในตอนนี้ก็ได้แต่ขมวดคิ้วเล็กน้อยและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยของเธอมองเจียงเสี่ยวไป๋แล้วพูดว่า “ผู้ช่วยเจียง ที่คุณมาทำสัญญาเหมาโรงงานผลิตฟิล์มพลาสติกก็เพราะผลิตภัณฑ์ใหม่สองตัวนี้ใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ผู้หญิงคนนี้มองคนได้เฉียบขาดมาก
เพราะเพียงไม่นาน เธอก็เดาจุดประสงค์ของเขาออก
“ถูกต้องครับ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้ปฏิเสธ และตอบออกไปตามตรง
เมิ่งเสี่ยวเป่ยเลิกคิ้ว แล้วยิ้มออกมา “ถ้าอย่างนั้นตัวฉันก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
โหยวโหย่วหยูมองเมิ่งเสี่ยวเป่ยด้วยความประหลาดใจและคิดว่าไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอสามารถเลื่อนขั้นจากการเป็นหัวหน้าทีมย่อยในไลน์ผลิตมาเป็นรองผู้จัดการโรงงานฝ่ายบริหารได้ เพราะเธอมองเห็นปัญหาได้ชัดเจนกว่าที่เขาคิดจริง ๆ
ในใจของเขาจึงเริ่มให้ความสำคัญกับมันมากขึ้นเรื่อย ๆ และตัดสินใจที่จะระมัดระวังในการทำสิ่งต่าง ๆ หลังจากนี้
แต่หวังชิ่งซีกลับมีท่าทีเฉยเมย ไม่มีการแสดงออกใดๆ ในฐานะช่างเทคนิค เขาไม่ได้มุ่งเน้นไปที่การมองคนเหมือนเมิ่งเสี่ยวเป่ยที่คาดเดาความคิดของเจียงเสี่ยวไป๋ออก เพราะตอนนี้ในใจของเขาเต็มไปด้วยพารามิเตอร์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เจียงเสี่ยวไป๋มอบให้ เขากำลังครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรให้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ใช้งานได้จริง
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและกล่าวว่า “เนื่องจากรองผู้จัดการเมิ่งบอกว่าไม่มีปัญหา งั้นนับจากนี้โรงงานจะมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ใหม่สองรายการนี้”
เมิ่งเสี่ยวเป่ยพยักหน้าเห็นด้วย