ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 198 :ไม่เจอกันนาน
ตอนที่ 198 :ไม่เจอกันนาน
หลี่ม่านม่านแอบชอบเจียงเสี่ยวไป๋ในช่วงที่พวกเขาเรียนด้วยกัน และทั้งสองคนก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เธอรู้ว่าเจียงเสี่ยวไป๋ชอบหลินเจียอิน ดังนั้นเธอจึงไม่เคยสารภาพความรู้สึกของเธอให้เขาได้รับรู้
ในสมัยนั้น ความรักระหว่างชายและหญิงมักจะคลุมเครือและละเอียดอ่อน
พวกเขาไม่รู้ว่าความรักจำเป็นต้องพูด สารภาพ และบอกให้อีกฝ่ายรู้
ครอบครัวของหลี่ม่านม่านอาศัยอยู่ในเมืองชิงซาน แต่หลังจากที่เธอสำเร็จการศึกษา เธอออกจากชิงโจวและไปสอนหนังสือในพื้นที่ถู่เฉิงซึ่งเป็นชนบทที่อยู่ห่างออกไปกว่า 300 กิโลเมตร เป็นครูประจำหมู่บ้านที่นั่น
ซึ่งเหตุผลที่เธอเลือกจากไปไกลแสนไกล ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋
เธอกลัวได้ยินข่าวการแต่งงานของเขา
เธอจึงเลือกที่จะอยู่ห่างไกลจากเขา
เวลาผ่านไปกว่า 6 ปีแล้ว จนเธอคิดว่าตัวเองลืมเขาไปแล้ว
แต่เมื่อคน ๆ นั้นปรากฏตัวต่อหน้าเธอจริง ๆ ความรู้สึกที่ฝังลึกอยู่ในใจของเธอก็เหมือนหน่อไม้ฤดูใบไม้ผลิที่ทะลุผ่านดินและเติบโตทวนลมขึ้นมา
เขาก็ยังเป็นคนที่เธอชอบ
เมื่อหยางเจี๋ยถามเจียงเสี่ยวไป๋ว่าภรรยาของเขาคือหลินเจียอินหรือไม่ เธอรู้สึกว่าตัวเองหายใจเร็วขึ้น และรู้สึกกังวลมากกว่าตอนสอบปลายภาคในโรงเรียนเสียอีก
“ใช่ ฉันแต่งงานกับหลินเจียอินแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดด้วยรอยยิ้ม ความสุขปรากฏบนใบหน้าของเขา แม้แต่คนแปลกหน้าก็ยังสัมผัสได้
“ยินดีด้วยนะที่นายได้แต่งภรรยาคนสวย”
หยางเจี๋ยพูดอย่างดีใจโดยไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าที่ผิดปกติไปของหลี่ม่านม่านที่อยู่ข้าง ๆ เธอเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ไม่ได้สังเกตเช่นกัน
แต่เขากลับยิ้มและถามหยางเจี๋ยว่า “แล้วเธอล่ะ ตอนนี้เธอทำงานที่ไหน ? ”
หยางเจี๋ยตอบว่า “ฉันน่ะหรือ ตอนนี้ฉันดูแลลูก ๆ อยู่ที่บ้าน ฉันเป็นแม่ลูกสามแล้ว นายล่ะมีลูกกี่คนแล้ว แล้วลูกของนายอายุเท่าไหร่แล้ว ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ฉันมีลูกสาวคนหนึ่ง เธออายุจะ 5 ขวบแล้ว ! ”
เมื่อพูดถึงลูกสาวของเขา สีหน้าแห่งความสุขก็ปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง เขายกหนังสือภาพในมือขึ้น แล้วพูดว่า “ฉันซื้อหนังสือภาพพวกนี้ไปให้ลูกสาวฉัน”
หยางเจี๋ยหัวเราะแล้วพูดว่า “นายคงรักลูกสาวมาก ถึงได้ซื้อหนังสือให้เธอมากมายขนาดนี้”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เธอจำได้ว่าหลี่ม่านม่านยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลย เธอจึงหันไปหาหลี่ม่านม่านแล้วพูดว่า “เสี่ยวม่าน เจอเพื่อนร่วมชั้นเก่าทั้งที ทำไมเธอถึงยืนมึนงงอยู่ตรงนั้นล่ะ ! ”
“เจียงเสี่ยวไป๋ สวัสดี…”
ใบหน้าของหลี่ม่านม่านเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อเล็กน้อย และเธอก็ทักทายเขาด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแข็งทื่อ
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้ม แม้จะผ่านไปหลายปี แต่เธอยังคงดูขี้อายไม่เปลี่ยน จากนั้นเขาพูดทักทายเธออย่างอบอุ่น “สวัสดีหลี่ม่านม่าน ไม่เจอกันนานเลยนะ ! ”
“อื้ม ไม่ได้เจอกันนานเลย ! ”
หลี่ม่านม่านตอบกลับ ทว่ามีร่องรอยของความขมขื่นเล็กน้อยที่มุมปากของเธอ
หยางเจี๋ยผู้ซึ่งตรงไปตรงมาสังเกตเห็นว่าการแสดงออกของหลี่ม่านม่านดูไม่ค่อยดีนัก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เสี่ยวม่าน เกิดอะไรขึ้นกับเธอ ? เธอรู้สึกไม่สบายอีกแล้วหรือ ? ”
หลี่ม่านม่านรีบพูดว่า “ไม่ ไม่มีอะไรหรอก…”
เจียงเสี่ยวไป๋ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขามองไปที่หลี่ม่านม่านแล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือ ? เธอไม่สบายหรือเปล่า ? ”
หยางเจี๋ยกล่าวเสริมว่า “โรคเก่าโรคแก่ของเธอน่ะ เธอมักจะปวดท้องบ่อย ๆ ”
เจียงเสี่ยวไป๋พูดว่า “ให้ฉันพาเธอไปโรงพยาบาลไหม ? ”
หยางเจี๋ยตอบว่า “เราเพิ่งมาจากโรงพยาบาล และเธอได้ใบสั่งยามาแล้ว เธอบอกว่าเธอจะซื้อหนังสือกลับไปให้เด็ก ๆ ที่โรงเรียนอ่านน่ะ”
ตอนนั้นเองที่เจียงเสี่ยวไป๋ก็ตระหนักว่าทั้งหลี่ม่านม่านและหยางเจี๋ยมาที่นี่เพื่อซื้อหนังสือ
ทำให้พวกเขาทั้งสามคนบังเอิญมาเจอกันที่นี่
เจียงเสี่ยวไป๋ถามว่า “แล้วพวกเธอซื้อหนังสือหรือยัง ? ”
หลี่ม่านม่านพยักหน้า เธอซื้อหนังสือมา 10 เล่ม ราคาเล่มละ 2.6 เหมา รวมเป็นเงิน 2.6 หยวน
ที่จริงแล้วเธออยากซื้อเพิ่มอีกหน่อย แต่เธอมีเงินเดือนแค่ 10 หยวนเท่านั้น
เธอมีเงินน้อยมากจริง ๆ
แม้แต่การไปพบแพทย์ครั้งนี้ หยางเจี๋ยก็ยังจ่ายเงินให้เธอ และหยางเจี๋ยเป็นคนซื้อตั๋วรถบัสกลับไปถู่เฉิงให้เธออีกด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋สังเกตเห็นถุงผ้าใบห้อยอยู่ที่ไหล่ของหลี่ม่านม่าน ซึ่งดูไม่โป่งพองอะไร เขาจึงพูดว่า “ฉันซื้อหนังสือมามากเกินไปนิดหน่อย หากเธอต้องการ จะเอาไปก็ได้นะ”
หลี่ม่านม่านส่ายหัว “ไม่เป็นไร”
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่ได้บังคับเธอ เขาถามว่า “จริงสิ ตอนนี้เธอกำลังสอนอยู่ที่โรงเรียนไหน ? ”
หลี่ม่านม่านลังเลที่จะตอบ แต่หยางเจี๋ยกลับพูดขึ้นมาว่า “เสี่ยวม่านสอนอยู่ที่หมู่บ้านซานฮวา เมืองถู่เฉิง”
“เมืองถู่เฉิง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ชะงักไป และมองไปที่หลี่ม่านม่านด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะถามว่า “ทำไมเธอถึงไปสอนไกลถึงเมืองถู่เฉิงเลยล่ะ ? ”
เมืองถู่เฉิงเป็นเทศมณฑลที่ยากจนที่สุดทางตะวันตกสุดของมณฑลฮว๋าจง มีภูเขาสูง พื้นที่ยากจน และประชากรเบาบาง
หยางเจี๋ยกล่าวต่อว่า “หมู่บ้านซานฮวาเป็นหมู่บ้านที่ห่างไกลที่สุดในถู่เฉิง มีจำนวนครัวเรือนไม่มาก การสื่อสารไม่สะดวก เมื่อเกิดน้ำท่วม แม้แต่คนส่งไปรษณีย์ก็ต้องปีนข้ามสายเคเบิลเหล็กที่แขวนอยู่เหนือแม่น้ำเพื่อไปส่งจดหมาย”
“ผู้คนในหมู่บ้านซานฮวาแทบจะไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลย และไม่มีครูคนไหนเต็มใจไปทำงานที่นั่น”
“ที่นั่นเป็นโรงเรียนที่ทรุดโทรม มีเพียงผู้อำนวยการโรงเรียนในวัยหกสิบเศษ และมีนักเรียนประมาณยี่สิบหรือสามสิบคนเท่านั้น”
“ไม่มีการแยกเป็นชั้นเรียนปีที่หนึ่งถึงปีที่หก เพราะเด็กทุกคนต้องเรียนด้วยกัน”
“จนกระทั่งเสี่ยวม่านไปที่นั่น พวกเขาถึงมีครูเพิ่มอีกคน”
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ม่านม่านถึงเลือกไปสอนในสถานที่ห่างไกลเช่นนี้
เมื่อพิจารณาจากผลการเรียนของเธอตอนเรียนจบ เธอสามารถเลือกทำงานที่โรงเรียนในชิงโจวได้สบาย ๆ
หลี่ม่านม่านยิ้มบาง ๆ “ฉันชอบที่นั่น”
เธอพูดด้วยท่าทีสงบ แต่จริงใจ ราวกับว่าเธอสนุกกับการอยู่ที่นั่นจริง ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
สิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ และประเมินค่าไม่ได้ที่สุดในโลกนี้คือ “ความชอบ”
เมื่อมีคนชอบบางสิ่งบางอย่าง ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร พวกเขามีเหตุผลของตัวเองเสมอ
แต่เจียงเสี่ยวไป๋ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้หลี่ม่านม่านบอกว่าเธอชอบสถานที่เช่นนั้น
แม้ว่าเขาจะมีชีวิตอยู่มาสองชาติแล้ว แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่เขายังไม่เข้าใจ
อย่างน้อย ถ้าเขาถูกทิ้งให้เลือกที่จะสอนในที่แห่งนี้เพียงลำพัง เขาเองต้องยอมรับว่าเขาทำไม่ได้
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดขึ้นว่า “เราเจอกันครั้งสุดท้ายนานมากแล้ว ใครจะรู้ว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกเมื่อใด งั้นวันนี้ฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเธอ ! ”
หลี่ม่านม่านยิ้มและส่ายหน้า “ไม่ล่ะ ขอบใจ ฉันต้องขึ้นรถบัสแล้ว ถ้าพลาดรอบนี้ ฉันต้องรออีก 2 วันกว่าจะได้กลับไป”
หยางเจี๋ยกล่าวเสริม “เจียงเสี่ยวไป๋ ไว้พบกันใหม่คราวหน้าดีกว่า แล้วเราค่อยไปหาอะไรกินกัน”
หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็หันหลังแล้วเดินจากไป โดยดึงหลี่ม่านม่านไปด้วย
ขณะที่หลี่ม่านม่านหันกลับมา เธอก็มองย้อนกลับไปที่เจียงเสี่ยวไป๋และพูดกับตัวเองเงียบ ๆ ว่า “เจียงเสี่ยวไป๋ ลาก่อน ! ”
เมื่อร่างของเพื่อนสาวทั้งสองค่อย ๆ หายไปในฝูงชน ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้อจุกที่ลำคออย่างอธิบายไม่ถูก ราวกับมีความรู้สึกปวดใจก่อตัวขึ้นลึก ๆ ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
เขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้
เขารู้เพียงว่าความรู้สึกนี้ไม่ใช่เรื่องน่ายินดี
ในชาติที่แล้ว เขาไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ กับหลี่ม่านม่านอีกเลย หลังจากที่พวกเขาแยกย้ายกัน เขานึกไม่ถึงว่าในชีวิตใหม่นี้เขาจะได้พบเธออีกครั้งที่นี่
การเกิดใหม่ได้เปลี่ยนแปลงวิถีแห่งชะตากรรมของเขา
บางที การไม่พบกันอีกครั้งคงจะดีกว่า
เจียงเสี่ยวไป๋ค่อนข้างสับสนเล็กน้อยในขณะที่ขนหนังสือทั้งหมดเข้าไปในรถ ตอนนี้ท้ายรถและเบาะหลังส่วนใหญ่เต็มไปด้วยหนังสือภาพที่เขาซื้อมา
เมื่อเขากลับมาที่ร้าน เขาก็บังเอิญเจอหลินเจียอิน
“เมียจ๋า วันนี้ผมได้พบกับเพื่อนร่วมชั้นสมัยเรียนมาสองคน”
หลินเจียอินรู้สึกประหลาดใจชั่วขณะ ตั้งแต่แต่งงานมา เธอไม่ได้ติดต่อกับเพื่อนร่วมชั้นคนใดเลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณไปเจอใครมาบ้าง ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋ตอบว่า “เพื่อนร่วมชั้นหญิงสองคนจากชั้นเรียนของเรา คุณเดาออกไหมว่าใคร ? ”
หลินเจียอินถามออกมา “คงไม่ใช่หลี่ม่านม่านใช่ไหม ? ”
ฮะ ?
เจียงเสี่ยวไป๋ตกตะลึง
ภรรยาของเขาฉลาดมาก เธอเดาได้ทันทีเลยหรือเนี่ย ?