ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 164 :ค่ำคืนนี้
ตอนที่ 164 :ค่ำคืนนี้
“เมียจ๋า ชานชานเริ่มโตแล้ว คุณบอกให้เธอฝึกนอนคนเดียวได้แล้วนะ ! ”
เมื่อได้กลิ่นหอมละมุนจากผมของหลินเจียอิน เจียงเสี่ยวไป๋เคลิบเคลิ้มขณะเป่าผมให้เธอ เขาพ่นลมหายใจที่ร้อนผ่าวออกทางจมูกของเขา
“อืม ! ”
หลินเจียอินกำลังเพลิดเพลินกับมัน และลมหายใจร้อน ๆ ของเจียงเสี่ยวไป๋ที่รดอยู่ตรงใบหูทำให้เธอเคลิ้มจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอจึงตอบรับไปอย่างงุนงง แต่เมื่อได้สติ หญิงสาวถึงได้ถามว่า “คุณ… คุณพูดว่าอะไรนะ ? ”
เมื่อเห็นภรรยาตอบรับเร็วขนาดนี้ เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกดีใจมาก
ฮ่าฮ่า ภรรยาของเขาตกลงที่จะโน้มน้าวชานชานให้นอนคนเดียวแล้ว ดูเหมือนคืนนี้พอมีหวังว่าจะได้เล่นผีผ้าห่มแล้วล่ะ
แต่เขาไม่คิดเลยว่า……
ภรรยาของเขาจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดอย่างชัดเจนด้วยซ้ำ
ทำเอาเขารู้สึกปวดใจเล็กน้อย !
แต่เพื่อความสุขของเขาเอง เขายังคงพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เมียจ๋า ผมบอกว่าชานชานโตขึ้นแล้ว คุณบอกลูกให้นอนคนเดียวเถอะ”
อ่า ?
จากนั้น หลินเจียอินเพิ่งเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำทันที
แววตาของเขา ลมหายใจอันร้อนแรงของเขา การเคลื่อนไหวอันอ่อนโยนของมือเขาและน้ำเสียงที่จริงจังนี้ เธอจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเขาหมายถึงอะไร
“อื้ม ! ”
อย่างไรก็ตาม คราวนี้เธอไม่ปฏิเสธและตอบตกลงอย่างเขินอาย
เขาพูดถูก เมื่อลูกสาวโตขึ้น ลูกควรนอนแยกห้องได้แล้ว
ไม่อย่างนั้น……
เมื่อคิดในใจ ใบหน้าของหลินเจียอินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำยิ่งขึ้น หน้าเธอร้อนราวกับพริกแดง พวงแก้มเป็นสีอมชมพูเหมือนกลีบดอกบัว
คราวนี้ภรรยาเห็นด้วยจริง ๆ แล้ว !
มีโอกาสแน่นอน !
เจียงเสี่ยวไป๋ตื่นเต้นมาก บ้านหลังใหม่นี้ช่างฮวงจุ้ยดีจริง ๆ เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่วันนี้ก็จะได้เปลี่ยนห้องนอนกลายเป็นห้องหอแล้ว ในที่สุดความปรารถนาอันยาวนานของเขามานานหลายทศวรรษจะได้ถูกเติมเต็ม ความเดียวดายของชาติที่แล้วจะหายไปหลังจากนี้
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มอย่างโง่เขลา เต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ป่าป๊า กำลังทำอะไรอยู่ ? ”
ในขณะนี้ เจียงชานสนุกสนานในห้องของเธอมากพอแล้ว เธอเดินมาและถามอย่างสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋ตกใจ เขากลับมามีสติอีกครั้งและพูดอย่างเขินอายว่า “ป่าป๊ากำลังเป่าผมให้หม่าม๊า ! ”
“แล้วทำไมป่าป๊าถึงไม่เป่าผมให้หนูล่ะคะ ? ”
หนูน้อยวิ่งไปหาพ่อของเธอ เมื่อสัมผัสได้ถึงอากาศร้อนจากไดร์เป่าผม เธอก็คิดว่ามันต้องสนุกแน่ ๆ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
เอ่อ……
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่รู้จะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงมองไปที่ภรรยาของเขาเพื่อขอความช่วยเหลือจากเธอ
หลินเจียอินไม่มีทางเลือก นอกจากพูดว่า “ผมของชานชานสั้นมาก ไม่จำเป็นต้องเป่าผม มันแห้งเร็วอยู่แล้ว”
ตั้งแต่เจียงเสี่ยวไป๋กลับมาเกิดใหม่ หลินเจียอินและเจียงชานได้กินอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการทุกมื้อ ทั้งแม่และลูกสาวมีผิวขาวดูสุขภาพดีขึ้นมาก ทว่าเนื่องจากเจียงชานขาดสารอาหารมาตั้งแต่เด็ก แม้ว่าอาการตัวลีบผมเหลืองของหนูน้อยจะดีขึ้นมากก็ตาม แต่ผมของเธอยังบางอยู่เล็กน้อย
ยิ่งไปกว่านั้น หนังศีรษะของเด็กยังบอบบาง ดังนั้นการเป่าด้วยไดร์เป่าผมจึงไม่เหมาะสำหรับเด็กน้อย
เพราะเหตุนี้หลินเจียอินจึงไม่ได้เป่าผมของเธอด้วยเครื่องเป่าผม แต่ให้เธอเช็ดตัว เช็ดหัวแล้วไปเล่นกับเจียงเสี่ยวไป๋
“อ้อ”
หนูน้อยขานรับ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในอนาคตหนูจะไว้ผมยาว ๆ แล้วให้ป่าป๊าเป่าผมให้หนูด้วย”
ท่าทางที่น่ารักและน้ำเสียงที่รอคอยของเธอทำให้หัวใจของเจียงเสี่ยวไป๋ละลายไปแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ และในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็ช่วยหลินเจียอินเป่าผมและหวีผมของเธอเรียบร้อยในที่สุด
“หม่าม๊า พวกเราไปนอนกันเถอะค่ะ ! ”
มันดึกมากแล้ว และหนูน้อยก็รู้สึกง่วง เธอจึงหาวไปพูดไป
เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รีบขยิบตาให้ภรรยาของเขา
“เอาล่ะ เราไปนอนกันเถอะ ! ” หลินเจียอินขานรับ แล้วพูดหยั่งเชิงว่า “ชานชาน ป่าป๊าสร้างห้องแสนสวยไว้ให้หนูด้วย หนูอยากนอนในห้องใหม่ไหม ? ”
“ค่ะ ! ”
เมื่อได้ยินลูกสาวตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเจียงเสี่ยวไป๋ก็ดูขมขื่นขึ้นมา
ก่อนหน้านี้ลูกสาวก็ตอบรับเขาแบบนี้แหละ แต่มันก็แค่คำพูดครึ่งแรกเท่านั้น
หลินเจียอินมองเจียงเสี่ยวไป๋อย่างภาคภูมิใจและเขินอายราวกับจะพูดว่า: ดูสิ นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายหรือไง ?
ทว่าหลังจากนั้นไม่นาน
“หม่าม๊า เราไปกันเถอะ ! ”
รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเจียอินแข็งทื่อทันที
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มเหย ตามที่คาดไว้เลย
“ชานชาน ลูกโตขึ้นแล้ว ลูกสามารถลองนอนคนเดียวได้แล้วนะจ๊ะ” หลินเจียอินพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมลูบหัวลูกสาวของเธอ
“แต่……หนูกลัวการนอนคนเดียว ! ”
หนูน้อยพูดอย่างหวาดกลัว
เอ่อ……
หลินเจียอินไม่รู้จะพูดอะไร ในวันแรกที่เธอย้ายเข้าบ้านหลังใหม่ เธอก็กังวลเล็กน้อยที่จะปล่อยให้ลูกสาวนอนคนเดียว
เธอชำเลืองมองเจียงเสี่ยวไป๋: ลูกสาวไม่ยอม เราควรทำอย่างไรดี ?
เจียงเสี่ยวไป๋จะทำอะไรได้อีก ?
เขาคงต้องไปอาบน้ำแล้ว
อาบน้ำเย็น ๆ เพื่อขจัดความร้อนรุ่มออกจากร่างกายของเขา !
เตียงใหม่ในห้องนอนหลักทั้งมีขนาดกว้างและใหญ่โต โครงเตียงทำจากไม้โดยฝีมือของช่างไม้ถาน พื้นเตียงขึงด้วยเชือกไนลอนสีน้ำตาลแข็งแรงทนทาน ปูทับด้วยที่นอนสำลีหนักประมาณ 12 ชั่ง ทั้งนุ่มและนอนสบายไม่แพ้ฟูกของซิมมอนส์ที่มีราคาหลักหมื่นหยวนเลย
คืนนั้น หนูน้อยนอนอยู่ตรงกลาง เธอนอนหลับสบายมาก หนูน้อยพลิกตัวไปมาเล็กน้อย ส่วนเขาที่นอนข้าง ๆ กลับรู้สึกหดหู่ใจเหลือเกิน
โธ่……
เขาก็แค่อยากจู๋จี๋กับภรรยาบ้าง ทำไมมันถึงได้ยากเย็นนักนะ ?
บ่ายวันรุ่งขึ้น เมื่อเจียงเสี่ยวไป๋กลับมาจากในเมือง ในตอนที่เขาเพิ่งจะขับรถขึ้นเนินมา เขาก็แทบผงะ
แม่เจ้า เพราะเขาเห็นคนกลุ่มใหญ่มีทั้งลูกเด็กเล็กแดง คนหนุ่มสาว คนชราต่างถือม้านั่งมานั่งรอที่ลานหน้าบ้านเขา
“ฉันจะบอกพวกเธอให้นะ วันนี้ฉันกินข้าวก่อนมาที่นี่แล้ว”
“ชิ ใครจะมาที่นี่โดยไม่กินอะไรมาก่อนบ้าง ? ”
“ฉันไม่ได้แค่กินข้าวมาแล้วเท่านั้นนะ แต่ยังนำถ้วยชาติดตัวมาด้วย”
“ฉันเอาเมล็ดแตงโมติดมาด้วย อืม ได้แทะเมล็ดแตงโมไปดูโทรทัศน์ไป มันต้องสบายมากแน่ ๆ เลย ! ”
“เราเตรียมของมาพร้อมขนาดนี้ วันนี้ดูละครโทรทัศน์สนุกแน่ ! ”
“ฮ่า ๆ ……”
“……”
ผู้ใหญ่และเด็กบางคนกำลังพูดคุยเกี่ยวกับละครเรื่องที่พวกเขาดูเมื่อคืนนี้ ในขณะที่บางคนกำลังพูดเรื่องไร้สาระ
วันนี้ชาวบ้านที่มาที่นี่มีเยอะกว่าเมื่อวาน
แม้แต่ครอบครัวของเจียงไห่หยางก็มาด้วยเช่นกัน เจียงไห่หยางและหวังซิ่วจวี๋ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มคน พวกเขากำลังพูดคุยและหัวเราะกันอย่างมีความสุข
“ไห่หยางเองหรือ เสี่ยวไป๋ของนายได้ดิบได้ดีแล้ว เขาทั้งสร้างบ้านหลังใหญ่โต ทั้งซื้อรถยนต์และโทรทัศน์อีกด้วย”
“ใช่แล้ว ไห่หยาง คุณโชคดีมากเลยนะ ! ”
“ลุงไห่หยาง แล้วลุงจะย้ายเข้ามาอยู่เมื่อไหร่หรือ ? ”
“ใช่แล้ว เสี่ยวไป๋มีบ้านหลังใหญ่โต เขาต้องเตรียมที่อยู่ไว้ให้คุณกับครอบครัวแน่นอน”
“……”
เจียงไห่หยางถูกชาวบ้านชื่นชมจนยิ้มหน้าบาน
ลูกชายมีอนาคตที่สดใส เขาก็มีหน้ามีตาขึ้นเช่นกัน
“ฮ่าฮ่า อย่าเอาแต่ชมเขาเลย เขาน่ะชอบทำอะไรสิ้นเปลืองแบบนี้ตลอด”
“เมื่อวานเขาก็บอกให้ทั้งครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่กับเขา แต่ฉันยังไม่ได้ตกลง”
เจียงไห่หยางสูบบุหรี่จงฮั๋วที่เจียงเสี่ยวไป๋ซื้อให้และพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วทำไมไม่ตกลงล่ะ ? รีบย้ายเข้าไปอยู่เถอะ”
“ถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความกตัญญูของเสี่ยวไป๋ต้องสูญเปล่า”
“คุณมันหัวดื้อ คุณไม่มีความสุขหรือที่จะได้อยู่กับลูกชายของคุณ ถ้าหากเป็นฉัน ฉันย้ายเข้ามานานแล้ว”
“……”
ชาวบ้านแต่ละคนต่างพูดแสดงความคิดเห็นของตนเอง แม้ดูผิวเผินจะเหมือนการโน้มน้าว แต่อันที่จริงล้วนมาจากความอิจฉาของพวกเขาทั้งนั้น
อนิจจา…..น่าเสียดายที่ฉันไม่มีลูกชายที่มากความสามารถเหมือนเจียงเสี่ยวไป๋
ขณะที่รถของเจียงเสี่ยวไป๋ขับไปตามถนนรูปตัว “之” ทุกคนที่พูดถึงเขาก็รู้สึกตื่นเต้น
“พี่เสี่ยวไป๋กลับมาแล้ว ! ”
“ในที่สุดก็กลับมา ! ”
“ดูสิ นั่นรถเขา ! ”
“……”
คนหนุ่มสาวและเด็กเล็กจำนวนมากวิ่งไปที่ริมน้ำ เมื่อมองไปที่รถของเจียงเสี่ยวไป๋ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอิจฉา