ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 161 :แผนย้ายเข้าบ้านใหม่พัง
ตอนที่ 161 :แผนย้ายเข้าบ้านใหม่พัง
“โทรทัศน์หรือ ? ”
เจียงไห่โจวอุทานออกมาด้วยความทึ่ง เขามีญาติคนหนึ่งอยู่ในเมือง เมื่อครั้งที่แล้วเขาไปที่บ้านญาติคนนั้นและได้ดูโทรทัศน์ครั้งหนึ่ง ซึ่งเขายังจำมันได้แม่น
ในเจียงวานยังไม่มีบ้านไหนมีโทรทัศน์ ดังนั้นเจียงเสี่ยวไป๋จึงเป็นคนแรกที่ซื้อกลับมา
เจียงไห่โจวยิ้มประจบขึ้นมาทันที “ฉันเคยดูโทรทัศน์มาก่อน มันเหมือนจอภาพยนต์กลางแปลงเล็ก ๆ เลย ! ”
อุ๊บ…..
เจียงเสี่ยวไป๋เกือบล้มลงกับพื้นขณะที่ถือกล่องโทรทัศน์ไว้
ไม่อยากจะเชื่อ ! โทรทัศน์กลายเป็นภาพยนต์กลางแปลงเล็ก ๆ สำหรับคนอื่นไปเสียแล้ว…
ต้องบอกว่าความแตกต่างของเวลาและการรับรู้ของวัฒนธรรมนั้นแตกต่างกัน
ถ้าคำพูดนี้อยู่ในยุคสมัยใหม่ ก็คงเป็นอีกประเด็นที่โด่งดัง บางทีอาจจะกลายเป็นกระแสดังในอินเทอร์เน็ตเพียงแค่ประโยคเดียวก็ได้
“เป็นอะไร ฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่า ? ”
เมื่อเห็นการแสดงออกของเจียงเสี่ยวไป๋ เจียงไห่โจวก็ถามอย่างสงสัย
เจียงเสี่ยวไป๋รีบพูดว่า “อาสี่ อาพูดถูก โทรทัศน์ก็คือจอภาพยนต์กลางแปลงเล็ก ๆ ! ”
จากนั้น เจียงไห่โจวก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “มานี่ ฉันจะช่วยยก รอให้ติดตั้งเสร็จ เดี๋ยวเรามาดูหนังกัน”
เขาไม่ได้ดูโทรทัศน์มานานแล้ว และเขาก็อยากดูมากจริง ๆ
คนอื่นหลายคนในเจียงวานเคยได้ยินเจียงไห่โจวคุยโวเกี่ยวกับความพิเศษของโทรทัศน์ แต่พวกเขาไม่เคยดูเลย ตอนนี้พวกเขาได้ยินการสนทนาระหว่างเจียงเสี่ยวไป๋และเจียงไห่โจว พวกเขาจึงเข้ามาดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น
”โทรทัศน์อยู่ในกล่องกระดาษแข็งนั่นใช่ไหม ? ”
“มีอะไรน่าดูไหม ? ”
“เสี่ยวไป๋ เอามานี่สิ ฉันจะแบกมันไปให้”
“เสี่ยวไป๋ กลับมาแล้วหรือ เราบังเอิญไปดูบ้านใหม่ของนายมา”
“เสี่ยวไป๋ บ้านของนายใหญ่โตมาก”
“……”
หลายคนแย่งกล่องกระดาษแข็งจากมือของเจียงเสี่ยวไป๋ และเดินขึ้นบันไดหินขณะถือมันพลางพูดคุยกันไปด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปล่อยให้พวกเขายกไป
เพียงแต่ยังไม่ทันได้ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านก็มีคนมาเยี่ยมเยือนเป็นจำนวนมากขนาดนี้แล้ว ทำให้เขาไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ชาวบ้านเดินผ่านประตูอันงดงามตามเจียงเสี่ยวไป๋เข้าไป ลานกลางบ้านสไตล์จีนยุคเก่าดูเงียบสงบ ห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ตกแต่งแบบโบราณ ดูเหมือนบ้านของคหบดีผู้ร่ำรวย
เจียงเสี่ยวไป๋พอใจกับบ้านหลังใหม่เช่นกัน
หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ เขาคงไม่กล้าอยู่ในบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้จริง ๆ เพราะเขาจะต้องเจอแต่คำยกยอปอปั้น และต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักแน่นอน
แต่ในยุคปัจจุบัน เขาสามารถเพลิดเพลินได้อย่างสบายใจ
ถัดจากห้องนั่งเล่น เขายังจัดห้องโถงลักษณะพิเศษด้านข้างซึ่งมีเก้าอี้เฟอร์นิเจอร์เก่าที่ปูด้วยเบาะโฟมคล้ายกับโซฟาสไตล์จีนในยุคหลัง
ในสถานการณ์ปัจจุบัน หากวางโทรทัศน์ไว้ในห้องนั่งเล่นจะทำให้หลายคนไม่สามารถนั่งได้
เจียงเสี่ยวไป๋จึงย้ายโต๊ะไปที่ลานบ้าน
“อาสี่ พวกอาลองเดินดูรอบ ๆ ก่อน ผมจะติดตั้งโทรทัศน์” เจียงเสี่ยวไป๋พูดกับเจียงไห่โจวและคนอื่น
“งั้นพวกอาไปดูบ้านใหม่ของหลานก่อนนะ ! ”
เจียงไห่โจวและกลุ่มเพื่อนบ้านจึงเดินดูรอบตัวบ้าน ราวกับว่าพวกเขาเป็นนักท่องเที่ยวเข้าชมอุทยานอย่างไรอย่างนั้น
“พระเจ้า นี่คือบ้านคนที่ไหนกัน ฉันว่ามันดูเหมือนศาลาที่ว่าการเก่าเลยนะ”
“บ้านหลังนี้ใหญ่และสวยงามมาก ! ”
“ตอนนี้เสี่ยวไป๋ใช้ชีวิตแบบผู้ว่าราชการแล้ว ! ”
“ถนนหน้าศาลาที่ว่าการของผู้ว่ายังไม่กว้างและเรียบเท่ากับถนนหน้าบ้านของเขาเลย”
“บ้านใหญ่ขนาดนี้ มีกี่ห้องกันเนี่ย ? ”
“ต้องถามก่อนว่าเขาหมดเงินสร้างบ้านไปเท่าไร ? ”
“ดูสิ เจียงเสี่ยวไป๋ล้อมต้นหนานมู่ใหญ่ไว้ในสนามหญ้าด้วย”
“เฮ้ เนินดินที่ดูไดูโดดเด่นในตอนนั้น ได้กลายเป็นที่ดินผืนสวยแล้ว เมื่อก่อนฉันไม่ได้คิดที่จะสนใจมันเลย ? ”
“ต่อให้นายเห็นค่าของมัน แต่นายจะมีเงินสร้างบ้านหลังใหญ่ขนาดนี้หรือเปล่าล่ะ ? ”
“ไม่มี ฉันแค่อิจฉา พอใจหรือยัง ? ”
“……”
ก่อนที่จะดูโทรทัศน์ ผู้คนที่มาต่างตกใจกับบ้านหลังใหม่ของเจียงเสี่ยวไป๋ ทุกคนเต็มไปด้วยความอิจฉาและชื่นชมอย่างจริงใจ
อีกด้านหนึ่ง เจียงเสี่ยวไป๋ติดตั้งโทรทัศน์และเชื่อมต่อเสาอากาศเสร็จแล้ว เขาก็ต้องพบว่ามีผู้คนหลั่งไหลมาที่บ้านของเขามากขึ้น
นี่เป็นโทรทัศน์เครื่องแรกในเจียงวาน ผู้คนในเจียงวานไม่เคยดูโทรทัศน์ หลังจากทราบข่าว ผู้คนก็มาที่นี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
เจียงเสี่ยวไป๋ไม่คาดคิดว่าจะมีคนมามากมายขนาดนี้
“ป่าป๊า คนในโทรทัศน์ที่ป่าป๊าพูดถึงอยู่ที่ไหนคะ ? ”
เจียงชานอยู่ข้าง ๆ เจียงเสี่ยวไป๋ตลอดเวลาที่เขาติดตั้งโทรทัศน์ เธอเห็นแค่ป่าป๊าของเธอกำลังยุ่งอยู่ แต่เธอไม่เห็นอะไรน่าสนใจเลย เธอจึงอดไม่ได้ที่จะถาม
หลังจากที่เจียงไห่โจวและคนอื่นเยี่ยมชมบ้านใหม่แล้ว พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ในลานบ้านและดู เจียงเสี่ยวไป๋กำลังยุ่งอยู่กับการติดตั้งโทรทัศน์ จนถึงตอนนี้พวกเขาเห็นแค่โทรทัศน์ แต่พวกเขาไม่เห็นเนื้อหาในโทรทัศน์เลย ทุกคนต่างตั้งตารอ
“มันคือโทรทัศน์หรือ ? ”
“มันดูไม่เหมือนเลย ! ”
“ทำไมดูแตกต่างจากที่ภาพยนตร์กลางเเปลง ? ฉันไม่เห็นเครื่องปั่นไฟเรืองแสงเลย”
“โทรทัศน์ก็เหมือนกับภาพยนตร์กลางเเปลง แล้วทำไมถึงไม่เรียกว่าภาพยนตร์เล่า ? ”
“ใช่แล้ว ทำไมต้องเรียกโทรทัศน์ล่ะ ? ”
“มันเล็กกว่าภาพยนตร์กลางเเปลงมาก ! ”
“……”
คนส่วนใหญ่ชี้ไปที่โทรทัศน์ แสดงความคิดเห็นเป็นระยะ ๆ และกระซิบบอกคนรอบข้าง
ในที่สุด เจียงเสี่ยวไป๋ก็เปิดเครื่อง
“ติ๊ด……ติ๊ด……”
มีเสียงกระแสไฟฟ้าและภาพกระพริบบนหน้าจอโทรทัศน์
เจียงเสี่ยวไป๋ปรับทิศทางของเสาอากาศ และบิดปุ่มสกรูทางด้านขวาของโทรทัศน์ไปมา
ในยุคนี้ สัญญาณโทรทัศน์จะส่งสัญญาณอยู่เป็นระยะ ๆ โดยรับสัญญาณได้ตั้งแต่เวลา 18.00 น. ถึง 22.00 น. เท่านั้น
นอกจากนี้ ในยุคนี้ยังมีสถานีโทรทัศน์ไม่มากนัก มีเพียง 3 สถานีด้วยกัน ได้แก่ หนึ่งคือ สถานีโทรทัศน์ CCTV สถานีโทรทัศน์มณฑลจีนตอนกลาง และอีกสถานีหนึ่งคือสถานีโทรทัศน์เมืองชิงโจว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้มีสถานีโทรทัศน์เพียงแห่งเดียวในเมืองชิงโจว คือสถานี “ชิงโจวจิ่วเตี่ยนป้าน” นอกจากออกอากาศรายการข่าวแล้ว สถานีโทรทัศน์ชิงโจวยังออกอากาศรายการของสถานีโทรทัศน์ CCTV หรือรายการสถานีโทรทัศน์มณฑลจีนตอนกลางในเวลาอื่น ซึ่งยังไม่มีรายการเป็นของตัวเอง
ตอนนี้เป็นเวลา 18.00 น. เจียงเสี่ยวไป๋บิดปุ่มสองสามครั้ง และในที่สุดสัญญาณที่หน้าจอก็หยุดกะพริบ และภาพเบลอก็ปรากฏขึ้น เช่นเดียวกับเสียงกระแสไฟฟ้าที่ดังขึ้น
เจียงเสี่ยวไป๋ปรับเสาอากาศอีกครั้ง และในที่สุดภาพที่บิดเบี้ยวบนหน้าจอก็ชัดเจนขึ้น และฉากศิลปะการต่อสู้ก็ปรากฏขึ้นมา
“ไอ้หยา มีคนอยู่ในนั้นจริงด้วย ! ”
“ออกมาแล้ว ! ออกมาแล้ว……”
“ใช่ มันดูเหมือนหนังต่อสู้เลย ! ”
“โทรทัศน์สามารถดูหนังได้จริงด้วย ! ”
“……”
ทันทีที่ภาพปรากฏขึ้น ผู้ชมทุกคนก็โห่ร้องด้วยความประหลาดใจ
เจียงเสี่ยวไป๋ถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วมองดูโทรทัศน์ เขาเห็นว่าละครโทรทัศน์เรื่อง “จอมคนผงาดโลก” กำลังฉายอยู่
นี่เป็นละครฮ่องกงเรื่องแรกที่เปิดตัวสู่เกาะฮ่องกงจากแผ่นดินใหญ่ในปี 1983 โดยบอกเล่าเรื่องราวของวีรบุรุษฮั่วหยวนเจียและเฉินเจิน ลูกศิษย์ของเขา ละครเรื่องนี้เป็นที่จดจำของคนยุคหนึ่ง
เพลงประกอบภาพยนต์ “กำแพงหมื่นลี้ยืนยงนิรันดร์” ได้กลายเป็นเพลงสัญลักษณ์สำหรับชาวจีนในการยกระดับจิตวิญญาณและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ และกลายเป็นเพลงที่น่าจดจำแห่งยุคสมัยนั้น
เมื่อกลับมาสู่ยุคนี้ เจียงเสี่ยวไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะดูละครโทรทัศน์ในยุคนี้ด้วยความสนใจอย่างมาก
เขายังดูสนใจขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้คนที่กำลังใจจดใจจ่อไปที่หน้าจอโทรทัศน์ว่าจะตื่นเต้นแค่ไหน
ทันใดนั้น ภายในลานบ้านก็เสียงเงียบลง เจียงไห่โจวและคนอื่นเหยียดคอทีละคน จ้องมองที่หน้าจออย่างตั้งใจ หมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวของละครโทรทัศน์
เจียงเสี่ยวไป๋ดูไปสักพักแล้วก็หยุดสนใจ เขาหันกลับไปมองยังชาวบ้านที่ดูละครโทรทัศน์อยู่ เขาเห็นว่าเกือบทุกคนนั่งดูอย่างตื่นเต้นจนแทบจะไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
แม้แต่หลินเจียอินก็ดูสนใจเป็นอย่างมาก ไม่ต้องพูดถึงเจียงชานเลย
เจียงเสี่ยวไป๋อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวล โทรทัศน์จะออกอากาศจนถึงเวลา 22.00 น. เมื่อพิจารณาจากท่าทีของคนเหล่านี้ คาดว่าถ้าโทรทัศน์ไม่หยุดออกอากาศ พวกเขาคงจะไม่หยุดรับชมละครโทรทัศน์อย่างง่ายดายแน่นอน
เดิมมีเขามีแผนจะย้ายเข้าบ้านใหม่ในวันนี้ คาดว่าแผนเขาคงจะล่มแล้ว
อีกอย่าง ตอนนี้เขายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย !
เรื่องนี้วุ่นวายมาก ปวดหัว !