ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 151 :เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง
ตอนที่ 151 :เริ่มวุ่นวายอีกครั้ง
เดือนหก กำลังลุกเป็นไฟ
แต่สิ่งที่ร้อนแรงยิ่งกว่านั้นคือกุ้งอบน้ำมันในเมืองชิงโจว
เมื่อใกล้ถึงสิ้นเดือน หลังจากที่ทยอยเปิดสาขาใหม่ของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง 4 แห่ง ร้านแฟรนไชส์ขายกุ้งอบน้ำมันชิงเหออีกหลายร้านก็เริ่มเปิดในเมืองชิงโจว
ร้านแฟรนไชส์เหล่านั้นเปิดในนาม ‘ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอ’
หลายคนสนใจที่กุ้งอบน้ำมัน ไม่ได้สนใจว่าชื่อที่อยู่ข้างหน้าคือชิงเจียงหรือชิงเหอ
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ กุ้งอบน้ำมันน้ำมันชิงเจียงและกุ้งอบน้ำมันชิงเหอนั้นมีชื่อ ลักษณะการตกแต่งและขนาดคล้ายกัน ดูแล้วแทบจะไม่แตกต่างกันเลย
ร้านอาหารเหล่านี้กระจายอยู่ในห้าเขตของเมืองชิงโจว ทำให้สะดวกยิ่งขึ้นสำหรับผู้ที่อยากกินกุ้งอบน้ำมัน
ความสะดวกสบายเป็นปัจจัยหนึ่งที่ขับเคลื่อนการบริโภคเช่นกัน
ร้านแฟรนไชส์ของพวกเขาแต่ละร้านทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำเช่นกัน
มีเพียงไม่กี่ร้าน เนื่องจากเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและมีเครือข่ายการติดต่อที่กว้างขวาง ทำให้ธุรกิจของพวกเขาดีกว่าร้านอาหารกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงเสียอีก
หวังผิงกลับมาเป็นพ่อค้ารับซื้อกุ้งอีกครั้ง
นอกจากกุ้งที่เขารวบรวมในเจียงวานและเฉินเจียโกวในราคาชั่งละ 3 เหมาแล้ว เขายังเริ่มกระจายการรับซื้อไปยังสถานที่ต่าง ๆ เช่น แถบภูเขาชิงหลง ภูเขาถังซาน ว่านไจ้และชีหลี่ผิง
เขาจะหาหุ้นส่วนในแต่ละที่ โดยรับซื้อจากหุ้นส่วนที่ชั่งละ 2.5 เหมา และขายให้ร้านแฟรนไชส์ในราคาชั่งละ 3.5 เหมา
แม้ว่าร้านค้าแฟรนไชส์แต่ละร้านจะรู้ว่าหวังผิงบวกกำไรเพิ่มไปเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะซื้อจากเขา
เพราะประการแรกเลยก็คือ พวกเขารู้ว่าหวังผิงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเหอ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ หวังผิงมีรถบรรทุกคันเล็กและสะดวกในการขนส่งกุ้ง
หากพวกเขาไปหารับซื้อเองตามชนบท การขนส่งจะเป็นปัญหาใหญ่
ปัจจุบัน เขาสามารถรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชในเจียงวานและเฉินเจียโกวได้วันละมากกว่า 10,000 ชั่ง ส่วนหมู่บ้านอื่นสามารถรับซื้อได้วันละหลายพันชั่ง
ในเจียงวานมีชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือน ทุกครอบครัวสามารถจับกุ้งเครย์ฟิชได้นับร้อยชั่งเพื่อขายต่อวัน
หากนาที่บ้านไม่พอจับ พวกเขาก็จะไปจับตามลำธาร ห้วย หนอง บึงโคลน
หลายครอบครัวเกณฑ์ผู้ใหญ่และเด็ก ๆ ในบ้านไปช่วยกันจับ เรียกได้ว่าทุกคนกำลังหมกมุ่นอยู่กับการจับกุ้งเครย์ฟิชส่งขายให้หวังผิง
ขณะที่เจียงเสี่ยวหมิงกำลังจับกุ้ง เขาได้พบกับเฉินหยวนชาง
“ผู้เฒ่าเฉิน วันนี้ขายกุ้งได้เท่าไหร่ ? ”
“ไม่มากหรอก ! บ้านฉันมีกันอยู่สองคน จับได้ไม่ถึงร้อยชั่งหรอก”
“ไม่เป็นไร ได้ 20-30 หยวนก็ดีมากแล้ว”
“เทียบกับนายไม่ได้เลย บ้านของพวกนายก็สี่คนแล้ว แต่ละวันคงจับขายได้เป็นร้อยหยวนเลยใช่ไหม ? ”
“จะขายได้มากมายขนาดนั้นได้อย่างไร วันนี้ขายได้ 72 หยวนเท่านั้น”
เฉินหยวนชางกล่าวอย่างอิจฉา “ถ้าขายได้แบบนายทุกวัน ใน 2 ปีฉันคงกลายเป็นเศรษฐีแน่นอน”
เจียงเสี่ยวหมิงถอนหายใจและพูดว่า “แบบนี้ก็ดีสิ แต่น่าเสียดายที่กุ้งเครย์ฟิชจับได้ถึงแค่เดือนสิบเท่านั้น ไม่เช่นนั้นครอบครัวของฉันคงได้กลายเป็นเศรษฐีในปีนี้ไปแล้ว”
เฉินหยวนชางกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่า หวังผิงกำลังรับซื้อกุ้งในว่านไจ้และภูเขาถังซานด้วย”
เจียงเสี่ยวหมิงกล่าวว่า “ตอนนี้พี่เสี่ยวไป๋ต้องใช้กุ้งเครย์ฟิชจำนวนมาก ของพวกเราในเจียงวานมีไม่มากพอ”
เขาหยุดไปชั่วขณะ และพูดว่า “นายรู้ไหมว่าหวังผิงรับซื้อจากที่อื่นแค่ชั่งละ 2.5 เหมาเท่านั้น แต่ในเจียงวานของเราเขาให้ราคาชั่งละ 3 เหมา”
“ฉันรู้ เป็นเพราะเสี่ยวไป๋คิดถึงความสัมพันธ์ของชาวบ้านในเจียงวาน ฉันเข้าใจ”
“……”
การพูดคุยที่คล้ายกันนี้สามารถพบเห็นได้ทุกที่ในเจียงวาน
ตอนนี้เกือบทุกคนในเจียงวานต่างกำลังพูดถึงแต่ด้านดี ๆ ของเจียงเสี่ยวไป๋
แน่นอนว่าในบรรดาคนที่กำลังมีความสุข ย่อมยังมีคนที่หดหู่
หลิวซือกั๋วและจูเยี่ยนผิงเห็นชาวบ้านจับกุ้งเครย์ฟิชขายได้เงิน มีรายได้หลายสิบหยวนทุกวัน ทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บปวดหัวใจไม่น้อย
“เอาแต่นั่งดื่มอยู่บ้านทุกวันไม่ออกไปไหน ทำไมไม่รู้จักไปจับกุ้งเครย์ฟิชขายเหมือนคนอื่นเขาบ้าง ! ” เมื่อเห็นหลิวซือกั๋วนั่งดื่มอีกครั้ง จูเยี่ยนผิงรู้สึกหงุดหงิดและอดบ่นไม่ได้
หลิวซือกั๋วกำลังดื่มเหล้าดับความอัดอั้นใจ ไม่อยากคุยกับเธอ
จูเยี่ยนผิงที่เห็นแบบนั้นก็โกรธยิ่งขึ้น “ดื่ม ดื่ม ดื่ม วัน ๆ รู้จักแต่ดื่มเหล้า เดี๋ยวก็ตายในไม่ช้าก็เร็วหรอก”
หลังจากดุด่าเขา เธอกระแทกประตูและเดินจากไป เมื่อเห็นหลิวซือหมิงในทุ่งนา จูเยี่ยนผิงก็เดินเข้าไปหาและพูดว่า “ซือหมิง นายมีเวลาว่างมากขนาดนั้น ทำไมไม่จับกุ้งเครย์ฟิชไปขายล่ะ”
หลิวซือหมิงส่ายหัว “ฉันไม่ไป ! ”
จูเยี่ยนผิงเลิกคิ้วถามว่า “กุ้งเครย์ฟิชสามารถขายได้วันละหลายสิบหยวนเชียวนะ ทำไมไม่ไปจับขาย ? ”
หลิวซือหมิงตอบ “ฉันเคยมีปัญหากับเจียงเสี่ยวไป๋ ฉันจะไม่ไปเลียแข้งเลียขาของเขาหรอก”
แม้ว่าเขาจะเป็นคนซื่อ แต่เขาจะไม่ยอมเสียหน้าไปก้มหัวให้เจียงเสี่ยวไป๋แน่นอน
จูเยี่ยนผิงแย้มยิ้มที่หาดูได้ยากและเกลี้ยกล่อมเขาเบา ๆ “ซือหมิง นายคิดผิด คนที่รับซื้อกุ้งไม่ใช่เจียงเสี่ยวไป๋ คนที่ขับรถมาที่นี่ทุกวันมาจากในเมือง แซ่ของเขาน่าจะเป็นแซ่หวัง”
หลิวซือหมิงได้ยินแบบนั้นจึงถามย้อน “แล้วเขาไม่ได้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเจียงเสี่ยวไป๋หรือไง”
จูเยี่ยนผิงโบกมือปัดและพูดว่า “ฉันได้ยินมาว่ากุ้งเครย์ฟิชที่เขารับซื้อไปจะถูกขายให้กับคนอื่นด้วย มีคนมากมายในเมืองนี้ ซึ่งเจียงเสี่ยวไป๋ไม่ใช่คนเดียวที่ทำกุ้งอบน้ำมันได้”
ในความเป็นจริง เธอไม่ได้รู้เรื่องนี้เลย เธอก็แค่พูดไปเรื่อย
หลิวซือหมิงได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที
เขาแค่ทำให้เจียงเสี่ยวไป๋ขุ่นเคืองใจ แต่ไม่ได้ทำให้คนแซ่หวังขุ่นเคืองใจเสียหน่อย แล้วทำไมเขาถึงจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายไม่ได้ล่ะ ?
เขาก็อิจฉาเหมือนกันที่เห็นบ้านอื่นจับไปขายทุกวัน ได้นับเงินทุกวันจนมือไม้อ่อน
“พี่สะใภ้ พูดจริงหรือ ? ”
“ฉันเป็นพี่สะใภ้ของนาย ฉันจะโกหกนายทำไม ! ” จูเยี่ยนผิงกล่าวย้ำด้วยความมั่นใจ
“งั้น… ฉันจะลองดู”
หลิวซือหมิงยิ้มอย่างไร้เดียงสา เขากลับไปที่บ้าน หยิบถังไม้และวิ่งไปที่นาของเขา
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา หลิวซือหมิงจับกุ้งเครย์ฟิชได้ 30-40 ชั่ง
เมื่อได้ยินเสียงแตรรถบรรทุกคันเล็ก เขาก็ถือกุ้งถังใหญ่และเดินไปที่ถนนลูกรัง
ตอนนี้มันแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว
เมื่อก่อน หวังผิงจะมารับซื้อกุ้งในตอนเช้าเท่านั้น แต่ตอนนี้เนื่องจากมีร้านแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันเปิดมากถึง 15 ร้านในเมือง อีกทั้งยังมีการเปิดตลาดนัดกลางคืนด้วย หวังผิงจึงมักจะมาซื้อทั้งรอบเช้าและรอบบ่าย
เจียงเสี่ยวเฟิงยังคงรับผิดชอบรับซื้อกุ้งในเจียงวาน ส่วนหวังผิงมีหน้าที่รับผิดชอบในการขนส่งพวกมันออกไปเท่านั้น
เมื่อหลิวซือหมิงมาถึง มีคนมากกว่าสิบคนเข้าแถวรอเจียงเสี่ยวเฟิงชั่งน้ำหนักกุ้งแล้ว
“อ้าว ซือหมิง วันนี้จับกุ้งมาขายด้วยหรือ ! ”
หยางซื่อหยุนอยู่ที่ปลายแถว และเมื่อเขาเห็นหลิวซือหมิง เขาก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม
หลิวซือหมิงยิ้มหน้าซื่อและพยักหน้าเท่านั้น
เจียงไห่กุ้ยหันหน้าไปทางด้านหลังแล้วพูดว่า “นายน่าจะทำตั้งนานแล้ว ทำไมเพิ่งมาจับขายเอาวันนี้ ไม่อย่างนั้นนายคงเก็บเงินไว้แต่งเมียได้แล้ว”
หลิวซือหมิงเกาหัวของเขา “เมีย ไม่มี ! ”
คำพูดของเขาทำให้คนที่อยู่แถวหน้าระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ทุกคนในเจียงวานรู้ว่าสมองของหลิวซือหมิงทำงานช้า ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พูดอะไร
ในไม่ช้า เจียงไห่กุ้ย หยางซื่อหยุน และคนอื่นก็ชั่งน้ำหนักกุ้งเสร็จ ตอนนี้ถึงคิวของหลิวซือหมิงแล้ว
”เสี่ยวเฟิง นายรับซื้อกุ้งของฉันไหม ? ”
หลิวซือหมิงถามอย่างประหม่า
เจียงเสี่ยวเฟิงชำเลืองมองหลิวซือหมิงแล้วถอนหายใจในใจ เขากวักมือแล้วพูดว่า “รีบเอามาชั่งสิ”
ถ้าหลิวซือกั๋วมา เขาจะไม่ยอมรับซื้ออย่างแน่นอน
แต่หลิวซือหมิงต่างออกไป เจียงเสี่ยวเฟิงไม่สามารถปฏิเสธได้
“ขอบคุณเสี่ยวเฟิง ! ”
เมื่อเห็นว่าเจียงเสี่ยวเฟิงตกลงที่จะรับซื้อกุ้งของเขา หลิวซือหมิงก็ขอบคุณเขาอย่างมีความสุข
หลังจากชั่งรวมแล้วได้ 43 ชั่ง
เจียงเสี่ยวเฟิงนับเงิน 12.9 หยวน และเมื่อเขายื่นให้หลิวซือหมิง เขาก็พูดย้ำว่า “เก็บเงินของนายไว้ให้ดี อย่าเอาไปให้พี่สะใภ้ของนายหมดล่ะ”
“ขอบคุณเสี่ยวเฟิง ฉันรู้”
หลิวซือหมิงพยักหน้าซ้ำ ๆ และพูดว่า “ฉันจะจับกุ้งมาขายอีก”
เจียงเสี่ยวเฟิงกล่าวว่า “วันนี้พอก่อน ถ้านายอยากจับให้จับตอนกลางคืน พรุ่งนี้เช้าจะได้เอามาขาย เพราะถ้านายจับเร็วเกินไปมันจะตาย ฉันไม่รับซื้อกุ้งตาย”
“เข้าใจแล้ว ! ”
หลิวซือหมิงขอบคุณเขาอีกครั้ง แล้วถือถังเปล่าเดินกลับบ้านไป