ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 150 :หลินเจียอินขึ้นแท่นนักธุรกิจสาวไฟแรง
- Home
- ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล)
- ตอนที่ 150 :หลินเจียอินขึ้นแท่นนักธุรกิจสาวไฟแรง
ตอนที่ 150 :หลินเจียอินขึ้นแท่นนักธุรกิจสาวไฟแรง
อากาศในเดือนมิถุนายนเริ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขา 2 เปิดขายที่ถนนชิงซานทางใต้ของเมือง สาขา 3 ตั้งอยู่ในย่านศูนย์อาหารทางตะวันตกของเมือง สาขา 4 ตั้งอยู่ที่ถนนซื่อจือทางเหนือของเมือง และสาขา 5 ตั้งอยู่ที่ถนนถู่เฉียวทางตะวันออกของเมือง ร้านสาขาได้เปิดให้บริการพร้อมกันทั้ง 4 แห่ง
หลินเจียอินเปิดตัวร้านสาขาและจัดกิจกรรมเอาใจลูกค้าพร้อมกันทีเดียว 5 แห่ง
บนหน้าหนังสือพิมพ์รายวันชิงโจวฉบับล่าสุดได้มีการโฆษณาไปครึ่งหน้าหนังสือพิมพ์
‘กินกุ้งอบน้ำมันวันนี้ ฟรีเบียร์เย็น ๆ ให้ดื่ม ! ’
‘ตราบใดที่คุณไม่เทเบียร์ทิ้งให้เสียเปล่า ตราบใดที่คุณสามารถดื่มได้ เรามีเบียร์มากพอให้คุณได้ดื่มฟรี’
ลูกค้าจำนวนมากไปที่ร้านเพื่อดื่มเบียร์ฟรี แต่สุดท้ายพวกเขาก็ถูกดึงดูดด้วยรสชาติอร่อยของกุ้งอบน้ำมันและฝากตัวกลายเป็นลูกค้าประจำ
เนื่องจากในยุคนี้ การใช้งานคอมพิวเตอร์ยังไม่เป็นที่แพร่หลายในแวดวงธุรกิจ จึงไม่สะดวกต่อการเก็บข้อมูลการบริโภคของสมาชิก เจียงเสี่ยวไป๋เลียนแบบรูปแบบสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร เขาออกแบบสมุดสมาชิกอย่างมีเอกลักษณ์และออกสมุดให้กับสมาชิกใหม่ทุกคน ในสมุดจะมียอดคงเหลือเงินฝากล่วงหน้าของสมาชิก ซึ่งพวกเขาสามารถใช้จ่ายได้ทุกสาขาของร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียง
สิ่งนี้ทำให้สมาชิกหลายคนที่เดิมอยู่ห่างจากร้านสาขาหลักบนถนนชิงโจวมีความสุขมาก พวกเขาต่างบอกว่ามันสะดวกขึ้นเยอะ
ในวันเปิดร้านสาขาทั้ง 4 แห่ง ยอดขายรายวันของแต่ละร้านเกิน 5,000 หยวน
แน่นอนว่าทุกร้านเปลี่ยนเวลาทำงานเป็น 2 กะทั้งหมด ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวัน ช่วงเย็นไปจนถึงช่วงดึก
นักลงทุนร้านแฟรนไชส์กุ้งอบน้ำมันชิงเหอทุกสาขายังไปเยี่ยมชมร้านสาขาใหม่ของกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงแต่ละแห่งเพื่อสังเกตและเรียนรู้ เพิ่มพูนประสบการณ์ในการเปิดร้านของตัวเอง
นอกจากจะได้ทึ่งกับความเฟื่องฟูของธุรกิจกุ้งอบน้ำมันแล้ว ยังเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้พวกเขาอีกด้วย
แต่คนที่ดีใจที่สุดเห็นจะเป็นรองนายกเทศมนตรีจางและฟู่เต๋อเจิง ทั้งคู่ไปเยี่ยมชมร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงสาขาใหม่ทั้งสี่แห่ง
“เหล่าฟู่ หากตอนนั้นคุณไม่เสนอความคิดดี ๆ แบบนี้ให้ฉัน ฉันก็คงพลาดโครงการที่ดีแบบนี้ไป”
รองนายกเทศมนตรีจางพูดอย่างทอดถอนใจ
ฟู่เต๋อเจิงกล่าวว่า “เจียงเสี่ยวไป๋น่ะเจ้าเล่ห์และฉลาดยิ่งกว่าอะไร คนส่วนใหญ่ควบคุมเขาไม่ได้ ก็มีแต่คุณนี่แหละจางอี้เต๋อ คุณสามารถควบคุมเขาได้อยู่หมัดเลย”
รองนายกเทศมนตรีจางได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะเสียงดัง “นี่คือก้าวแรกของเส้นทางอันแสนยาวไกลในการพัฒนาอุตสาหกรรมกุ้งเครย์ฟิช เหล่าฟู่ คุณต้องประชาสัมพันธ์มันอย่างจริงจัง ทำให้อุตสาหกรรมใหญ่ขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด”
ฟู่เต๋อเจิงพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “รองนายกจาง คุณยังไม่รู้สินะ ผมคุยเรื่องทำข่าวประชาสัมพันธ์ให้เด็กนั่นมาหลายรอบแล้ว แต่เขาก็เอาแต่จะให้ผมลงแค่โฆษณาให้ เขายอมจ่ายเงินลงโฆษณา แต่ไม่ยอมให้ผมเขียนข่าวของเขา”
“อีกอย่าง เขาถึงขั้นมีความคิดที่จะรับผิดชอบแผนกลงโฆษณาของสำนักพิมพ์เองด้วยซ้ำ……”
รองนายกเทศมนตรีจางฟังเพื่อนเก่าของเขาบ่น เขาก็หัวเราะและพูดว่า “เหล่าฟู่เอ๋ย คุณน่ะเป็นคนฉลาด แต่ทำไมถึงไม่รู้จักพลิกแพลงสถานการณ์บ้างนะ”
“คุณจะไปทำข่าวประชาสัมพันธ์เขาทำไม ? ฉันจะบอกอะไรคุณให้ ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเด็กคนนั้นคิดอะไรของเขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารที่เขาเปิดหรืออสังหาฯ ที่เขาซื้อไว้ ล้วนใส่ชื่อภรรยาของเขาเป็นเจ้าของทั้งนั้น”
“ท้ายที่สุดแล้ว มันไม่สมเหตุสมผลเลยหากคุณจะทำข่าวเกี่ยวกับเขา เพราะทรัพย์สินทุกอย่างล้วนอยู่ภายใต้ชื่อภรรยาของเขาทั้งนั้น”
ฟู่เต๋อเจิงได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไป “จริงหรือ ? ”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าแล้วพูดต่ออีกว่า “ฉันเห็นขั้นตอนดำเนินงานของเขาทั้งหมดตั้งแต่จดทะเบียนบริษัทลามไปจนถึงการจัดตั้งโรงงาน จะปลอมได้อย่างไร ? ”
ฟู่เต๋อเจิงเกิดความคิดดี ๆ ขึ้นมา เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า: “รองนายก แม้เจียงเสี่ยวไป๋จะไม่ชอบเป็นข่าว แต่เราสามารถทำข่าวของหลินเจียอินได้”
รองนายกเทศมนตรีจางพยักหน้าแล้วพูดว่า: “ความเท่าเทียมระหว่างชายหญิงถูกพูดถึงมานานหลายปีแล้ว สโลแกนที่ว่าสตรีก็สามารถแบกครึ่งฟ้าได้เช่นเดียวกันได้ถูกย้ำนักย้ำหนามานานหลายทศวรรษ แต่ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดกว่าที่ชายหญิงจะเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง ฉะนั้นคุณสามารถเป็นตัวอย่างให้กับเมืองของเราได้ โดยการเขียนข่าวประชาสัมพันธ์นักธุรกิจสาวไฟแรงของพวกเรา”
ฟู่เต๋อเจิงพยักหน้ารับ เขาเองก็เห็นด้วย
จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งสองต่างหัวเราะออกมาพร้อมกัน
วันต่อมา หนังสือพิมพ์รายวันชิงโจวได้ใช้พื้นที่หน้าหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่เพื่อเผยแพร่รายงานเกี่ยวกับหลินเจียอิน นักธุรกิจหญิงในชิงโจวที่สร้างนวัตกรรมวิธีการกินกุ้งเครย์ฟิช สร้างโมเดลธุรกิจแบบเครือข่าย และผลักดันให้ผู้คนร่ำรวย
บนหน้าหนังสือพิมพ์ยังแนบภาพพิธีเปิดร้านสาขา 2 บนถนนชิงซานทางตอนใต้ของเมืองด้วย ภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าหลินเจียอินยืนที่ประตูร้านคอยต้อนรับลูกค้า
“ผู้จัดการหลิน คุณได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยนะ ! ”
หูฉางอิงถือหนังสือพิมพ์ฉบับนี้มาหาหลินเจียอิน พลางพูดอย่างตื่นเต้น
หลินเจียอินฉันหยิบหนังสือพิมพ์มาอ่านด้วยความประหลาดใจและหน้าแดงเล็กน้อยหลังจากอ่านจบ
แต่เธอก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน
เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความตื่นเต้นของเธอ และกล่าวว่า “นี่คือการโปรโมตร้านของเรา ไม่ใช่โปรโมตฉันเป็นการส่วนตัวหรอก”
หูฉางอิงกล่าวว่า “แต่ถึงอย่างไรคุณก็ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์แล้ว ! ”
ยุคนี้ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์ หูฉางอิงเองก็มีความสุขเช่นกัน
ไม่นาน ข่าวที่หลินเจียอินลงหน้าหนังสือพิมพ์ก็แพร่กระจายไปทั้ง 5 สาขา
พนักงานทุกคนรีบไปหาหนังสือพิมพ์มาอ่านแล้วก็รู้สึกภูมิใจมาก
เจียงเสี่ยวไป๋ก็ได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน หลังจากหาหนังสือพิมพ์มาอ่านแล้ว เขาก็บ่นฟู่เต๋อเจิงอยู่ในใจไปหลายชุด
ขนาดตัวเขาเองยังไม่อยากกลายเป็นที่รู้จักในแวดวงกว้างขนาดนั้น นับประสาอะไรกับภรรยาของเขา ?
แต่สิ่งที่เขาเขียนเป็นเพียงรายงานข่าว ไม่ใช่การสัมภาษณ์ เขาจะไปโวยวายก็ไม่ได้ จึงได้แต่รู้สึกหดหู่ใจ
โดยปกติ หนังสือพิมพ์รายวันชิงโจวจะถูกส่งไปขายทั่วเมือง รวมถึงเขตอำเภอต่าง ๆ ภายใต้การปกครองของเมืองชิงโจวด้วย
ตอนนี้หลินต้าเหว่ยขึ้นเป็นนายอำเภอเจี้ยนหยางแล้ว
“หลินเจียอิน ! ”
หลินต้าเหว่ยมองดูชื่อในหนังสือพิมพ์และภาพขาวดำบนนั้น จู่ ๆ ทะเลสาบอันเงียบสงบในใจของเขาคล้ายกำลังก่อคลื่นลูกใหญ่
ในปีนั้นเขากับลูกสาวทะเลาะกัน ซึ่งเขาโกรธลูกสาวมากจริง ๆ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะตัดขาดจากลูกสาวและไม่เป็นห่วงเธอ
ในทางตรงกันข้าม เขามักจะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่ได้อยู่กับลูกสาวของเขา
เพียงแต่ความคิดถึงและความเป็นห่วงที่มีต่อลูกสาวได้ถูกฝังลึกอยู่ในใจของเขา
เขาไม่ได้รับข่าวคราวของลูกสาวมานานกว่า 5 ปีแล้ว และเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รู้ข่าวของเธอผ่านหน้าหนังสือพิมพ์เช่นนี้
“ลูกพ่อโตแล้วสินะ ! ”
“ทั้งยังมีชื่อเสียงด้วย ! ”
หลินต้าเหว่ยมองไปที่ร่างในภาพขาวดำซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาใช้นิ้วลูบไล้รูปนั้นเบา ๆ มุมตาของเขาชื้นเล็กน้อย เขารู้สึกถึงอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ในใจ
“แต่ลูกช่างใจแข็งเหลือเกิน ! ”
“หลายปีมานี้ ลูกไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง ! ”
หลินต้าเหว่ยดูขมขื่น เขาหยิบบุหรี่ในกระเป๋าออกมาแล้วจุดบุหรี่สูบด้วยมือที่สั่นเทา
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พับหนังสือพิมพ์อย่างระมัดระวัง เขาเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วใส่หนังสือพิมพ์ฉบับนี้ลงไป
เขาดีใจที่ลูกสาวประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน
แต่ความรู้สึกบางอย่างก็ทำได้แค่ซ่อนไว้ลึก ๆ เหมือนกับที่เขาพับหนังสือพิมพ์เก็บใส่ลิ้นชัก
เขายังคงเป็นพ่อที่ยังไม่ยกโทษให้ลูกสาว……
ต้องบอกว่าความรักในครอบครัวเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดในธรรมชาติของมนุษย์ หลายครั้งถึงแม้เราจะรักและห่วงใยคนในครอบครัวมาก แต่เราก็มักจะแกล้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งยังชอบปั้นสีหน้าใส่ยามพบกัน
บางทีอาจไม่ใช่เป็นเพราะนิสัย แต่มันคือศักดิ์ศรี
หลินเจียอินเองก็แอบเอาหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ไปเก็บด้วยเหมือนกัน
เธอรู้ว่าพ่อของเธอมีนิสัยชอบอ่านหนังสือพิมพ์ บางทีพ่อของเธออาจจะเห็นเธอในหน้าหนังสือพิมพ์และรู้ว่าเธอมีชีวิตที่ดีและมีอาชีพการงานแล้ว
แต่สิ่งที่พ่อของเธอไม่รู้ นั่นก็คือสิ่งเหล่านี้ล้วนมาจากเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งหมด
เจียงเสี่ยวไป๋ผู้ที่พ่อของเธอเคยดูถูกและไม่ยอมยกเธอให้แต่งงานกับเขา บัดนี้คือฮีโร่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกสาว
“ไม่รู้ว่าถ้าพ่อรู้เรื่องราวเหล่านี้ เขาจะยอมยกโทษให้ฉันหรือเปล่า ? ”
“พ่อจะยอมรับในตัวเขาไหม ? ”
หลินเจียอินยกมือเช็ดน้ำตาตัวเอง
บางครั้ง น้ำตาที่ไหลออกมาไม่ได้มาจากความเจ็บปวด แต่มาจากความคาดหวังและความสุข