ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 128 :เขาไม่สนใจเรื่องเงิน
ตอนที่ 128 :เขาไม่สนใจเรื่องเงิน
กล่าวได้ว่าร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดีในการเปิดขายวันแรก
ไม่ว่าจะเป็นทั้งในหรือนอกร้าน เหล่าลูกค้าต่างแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันมานั่งเต็มโต๊ะ 60 ตัวนี้ถึงเก้ารอบ
แม้จะทดลองเปิดขายเป็นวันแรก แต่กลับขายกุ้งเครฟิชได้มากถึง 1,500 กว่าชั่ง ในขณะที่รากบัว พะโล้และเบียร์ต่างก็ขายดีเช่นกัน ทำให้ร้านมียอดขายวันนี้พุ่งสูงถึง 4,000 หยวน
เรียกได้ว่าเป็น 2 เท่าของร้านอร่อยสามมื้อเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ จำนวนลูกค้าที่มาสมัครสมาชิกร้านพุ่งสูงถึง 240 คนในวันเดียว มีคนสมัครสมาชิกระดับทอง 3 คน ลูกค้าส่วนใหญ่ยังคงสมัครสมาชิกธรรมดา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่สมัครสมาชิกระดับเงิน
ปริมาณเงินที่เก็บล่วงหน้าจากสมาชิกมีมากถึง 7,180 หยวน
หลินเจียอินประเมินผลประกอบการของวัน แค่ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงร้านเดียวมีรายได้เกินกว่า 11,000 หยวน บวกกับรายได้รายวันของร้านอร่อยสามมื้อ ทั้งสองร้านทำรายได้รวมวันนี้เกือบ 14,000 หยวนแล้ว
แน่นอนว่ารายได้ส่วนใหญ่คือการจ่ายเงินล่วงหน้าของคนที่มาสมัครบัตรสมาชิก ซึ่งเงินเหล่านี้จะนำไปใช้ชดเชยการซื้อของลูกค้าในอนาคต คาดว่ามูลค่าการซื้อขายรายวันจะลดลงมากเช่นกัน
หลินเจียอิน หวังผิง เฝิงเยี่ยนหงกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขเหมือนเด็กน้อย
ถานชิงซาน ถานเสี่ยวฟาง เจียงเสี่ยวเฟิน และพนักงานคนอื่นต่างก็ดีใจเช่นกัน
เพราะยิ่งผลประกอบการของร้านค้าดีขึ้นเท่าไร โบนัสที่ได้ก็จะมากขึ้นเท่านั้น
“ถ้าขายดีได้เงินเยอะเหมือนแบบนี้ทุกวัน แบบนี้ฉันคงมีเงินเก็บแตะหลักหมื่นหยวนแน่นอน ! ”
ดวงตาคู่สวยของเจียงเสี่ยวเฟิ่งเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น
“พอถึงตอนนั้น ผู้ชายคนไหนที่แต่งงานกับเธอก็เท่ากับว่าแต่งงานกับหญิงสาวที่มีเงินเก็บหลักหมื่นหยวนน่ะสิ” เจียงเสี่ยวเฟินแกล้งแซว
“เราทำตำแหน่งเดียวกัน ฉันได้เงินเท่าไร เธอก็ได้เท่ากันไม่ใช่หรือไง มาแกล้งแซวฉันแบบนี้ ระวังเข้าตัวนะ” เจียงเสี่ยวเฟิ่งเถียงกลับพร้อมกับแลบลิ้นปลิ้นตาใส่
เจียงเสี่ยวเฟินมุ่ยปาก แล้วพูดว่า: “รอให้ฉันมีรายได้แตะหลักหมื่นหยวนก่อนเถอะ ฉันจะไม่แต่งงานออกไปแล้ว”
เจียงเสี่ยวเฟิ่งชะงักไปเล็กน้อย แล้วถามอย่างตกตะลึงไป “เธอจะไม่แต่งงาน แบบนี้จะไม่ขึ้นคานตลอดชีวิตงั้นหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวเฟินพูดอย่างภูมิใจว่าพูดอย่างภูมิใจว่า “ถ้าฉันมีเงินเยอะขนาดนั้น ฉันจะแต่งผู้ชายสักคนกลับบ้านไปกตัญญูพ่อกับแม่ไม่ได้เชียวหรือ ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิ่ง: ???
เจี่ยงชุ่ยหยูได้ยินคำพูดของลูกสาวที่คุยกับเจียงเสี่ยวเฟิน ก็อดด่าไม่ได้ “เด็กสองคนนี้ วัน ๆ เอาแต่คุยเรื่องผู้ชายลับหลัง ไม่กระดากปากบ้างหรือไง ! ”
เจียงเสี่ยวเฟินและเจียงเสี่ยวเฟิ่งแลบลิ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทั้งที่หน้ายังแดงแบบนั้น
บางครั้งเรื่องราวที่หญิงสาวพูดคุยกันเป็นเพียงแค่เรื่องล้อเล่นเท่านั้น แต่พอผู้ใหญ่มาได้ยิน มันจะกลายเป็นเรื่องน่าอายทันที
“มา ๆ ทุกคนมานี่เร็ว”
หลินเจียอินยืนกลางร้านปรบมือเรียกทุกคน
ถานเสี่ยวฟาง เจียงเสี่ยวเฟิ่งและพนักงานรีบวิ่งเข้ามา ทุกคนตื่นเต้นมาก หูฉางอิง หลี่หงอิงที่เป็นพนักงานใหม่ต่างรีบเดินเข้ามาเช่นเดียวกัน ทว่าพวกเธอค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมถานเสี่ยวฟางและพวกเจียงเสี่ยวเฟิ่งถึงได้ยิ้มหน้าบานกันขนาดนั้น
เจียงเสี่ยวเฟิ่งตาเป็นประกาย แน่นอนว่าต้องดีใจสิ
เพราะเธอเดาได้อยู่แล้วว่าหลินเจียอินเรียกพวกเธอมาทำไม
พวกเธอรอคอยช่วงเวลานี้แหละ
นอกจากเจียงเสี่ยวไป๋ที่ไม่ได้มา หวังผิง เฝิงเยี่ยนหง และพนักงานรวม 11 คนยืนเรียงแถวหน้ากระดานตรงหน้าหลินเจียอิน
“วันนี้ร้านกุ้งอบน้ำมันชิงเจียงประสบความาสำเร็จในการเปิดทดลองขาย ต้องขอบคุณความขยันของทุกคน ! ”
หลินเจียอินพูดกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม
ถานชิงซานนำปรบมือ ทันใดนั้นทั่วทั้งร้านก็กึกก้องไปด้วยเสียงปรบมือของทุกคน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลินเจียอินก็ยกมือบอกให้ทุกคนหยุดปรบมือ
“ต่อไปฉันจะแจกโบนัสให้ทุกคน ! ”
หลินเจียอินพูดเสียงดัง
“ขอบคุณค่ะผู้จัดการหลิน ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิ่งและคนอื่นดีใจจนเกือบจะกระโดดขึ้น เป็นอย่างที่พวกเธอคิดไว้จริงด้วย ผู้จัดการหลินจะแจกโบนัสให้พวกเธอแล้ว
ครั้งที่แล้วตอนเปิดขายพะโล้ ทุกคนได้รับเงินโบนัสคนละ 10 หยวน
และครั้งนี้ร้านกุ้งอบน้ำมันมีรายได้ดี ประสบความสำเร็จขนาดนี้ เธอจึงเดาได้อยู่แล้วว่าเย็นนี้จะมีการแจกโบนัสแน่นอน
“แจกโบนัส ? ”
“จริงหรือ ? ”
“ฉันเพิ่งมาทำงานได้ไม่นาน นี่ฉันจะได้รับโบนัสกับเขาแล้วหรือ ? ”
“……”
ต่างจากพนักงานเก่าที่ได้รับโบนัสอย่างเจียงเสี่ยวเฟิ่ง เจี่ยงชุ่ยหยู หูฉางอิงและพนักงานใหม่เกิดความสงสัยยิ่งกว่า
“โบนัสของวันนี้ พนักงานทุกคนจะได้รับคนละ 20 หยวน ส่วนผู้จัดการถานจะได้รับโบนัส 100 หยวน ! ”
หลินเจียอินประกาศเสียงดัง
“ว้าว โบนัสเยอะมาก ! ”
“ใช่แล้ว เงิน 20 หยวนมันมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนของพนักงานในโรงงานอีกนะ”
“ดีเหลือเกิน ในที่สุดฉันก็มีเงินแล้ว”
“ขอบคุณผู้จัดการหลิน ! ”
“ขอบคุณผู้จัดการหลิน ! ”
“……”
ทุกคนถือธนบัตรสิบหยวนคนละสองใบด้วยความตื่นเต้น
โดยเฉพาะหลี่หงอิง เจียงเสียวหย่งและหูฉางอิงที่เพิ่งมาใหม่ พวกเขาเพิ่งมาทำงานได้เพียงไม่กี่วัน ยังไม่ทันได้รับเงินเดือน ก็ได้รับเงินโบนัสก่อนแล้ว
ทำงานที่นี่ช่างดีจริง ๆ !
ทว่าถานชิงซานกลับมีท่าทีสงบกว่าใคร
ประการแรก เขาเป็นคนมีบุคลิกมั่นคง ประการที่สอง เขาได้ยินจากถานเสี่ยวฟางลูกพี่ลูกน้องของเขามาแล้วว่าถ้าทำผลงานในร้านได้ดี ก็จะได้รับโบนัส ดังนั้นเขาจึงเตรียมใจมาพร้อมแล้ว
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจมากที่ตนเองได้เงินโบนัส 100 หยวน
เขาไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะได้โบนัสเยอะขนาดนี้
ช่วงนี้นับตั้งแต่ซื้อบ้านหลังนี้มา ทำความสะอาด ไปจนถึงปรับปรุงและตกแต่งภายในร้าน ล้วนเป็นหน้าที่เขาคอยคุมงานทั้งหมด เขาแทบจะไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย
ทว่าในตอนนี้ เขารู้สึกว่าความลำบากและความเหนื่อยที่เขาทุ่มเทไปนั้นมันคุ้มค่าแล้ว
“ขอบคุณผู้จัดการหลิน ! ”
ถานชิงซานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต่อไปนี้ผมจะพยายามให้มากกว่านี้”
“ต้องขอบคุณพี่ชิงซานเช่นกัน ! ” หลินเจียอินกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “หากไม่มีพี่ชิงซานคอยคุมงานที่ร้านทั้งกลางวันและกลางคืน ร้านของเราคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเปิดทำการได้ พี่ชิงซานถือเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของร้านใหม่นี้”
ถานชิงซานพูดอย่างถ่อมตัวว่า “นั่นเป็นสิ่งที่ผมควรทำ”
ส่วนหวังผิงและเฝิงเยี่ยนหง รวมถึงหลินเจียอิน ทั้งสามคนต่างได้โบนัสคนละ 20 หยวนเหมือนกับพนักงานคนอื่น ทว่าทั้งสามต่างก็ดีใจมากเช่นกัน
ที่ทั้งสามดีใจนั้น ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินโบนัส แต่เป็นเพราะกิจการของร้านที่ขายดิบขายดีขนาดนี้ต่างหาก
“พี่สะใภ้ ในเมื่อให้เงินโบนัสกับทุกคนแล้ว ทำไมถึงไม่ให้โบนัสกับพี่เสี่ยวไป๋บ้างล่ะ ? ”
กระทั่งพนักงานแยกย้ายไปทำงานของตนแล้ว เฝิงเยี่ยนหงถึงได้เอ่ยถามออกมา
หลินเจียอินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาเหมือนคนไม่สนใจเรื่องเงินเท่าไหร่ ต่อให้ฉันให้เงินเขา เขาก็เอามาให้ฉันอยู่ดี ดังนั้นให้กับไม่ให้ไม่ต่างกันเลย”
เฝิงเยี่ยนหงเม้มปากหัวเราะ “พี่สะใภ้ พี่เสี่ยวไป๋เขาดีกับพี่มากเลยนะ ! ”
“งั้นหรือ ? ก็ปกตินะ ! ”
หลินเจียอินยิ้มอย่างมีความสุข แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังแสร้งทำเป็นพูดแบบไม่ใส่ใจ
“ฮั่นแหน่ แอบมีความสุขอยู่คนเดียวล่ะสิ ! ”
เฝิงเยี่ยนหงแกล้งแซว
หลินเจียอินเดินออกไปแล้ว เฝิงเยี่ยนหงก็ยิ้มหวานแล้วเดินเข้าไปอิงแอบหวังผิง
หวังผิงรีบเบี่ยงตัวหลบ แล้วพูดเสียงแผ่วว่า “คุณทำอะไร พวกเรารีบไปเรียกเสี่ยวกังกลับบ้านกันเถอะ วันนี้ผมเหนื่อยจนสายตัวแทบขาดแล้ว”
“อืม กลับบ้านกัน ! ”
เฝิงเยี่ยนหงตอบรับ แต่มือหยกของเธอกลับยื่นไปตรงหน้าหวังผิง แล้วพูดเสียงอ้อนว่า “คุณน่าจะเข้าใจนะ ! ”
หวังผิงอยากจะบอกเหลือเกินว่า ‘ผมไม่เข้าใจจริง ๆ ’ แต่สุดท้ายเขาก็ยังถอนหายใจและวางธนบัตรสิบหยวนสองใบลงในมือของเฝิงเยี่ยนหงอย่างเชื่อฟัง
“เมียเป็นคนดูแลเรื่องเงินของครอบครัว”
“เงินทั้งหมดของผมเป็นของเมียแล้ว ! ”
แม้ปากจะพูดออกไปอย่างเชื่อฟัง แต่ในใจกลับด่าเจียงเสี่ยวไป๋ไปไกลแล้ว
“เจียงเสี่ยวไป๋ นายทำให้ฉันซวยไปด้วย ! ”
ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเจียงเสี่ยวไป๋ทั้งนั้น ทำไมเขาต้องพูดว่าผู้ชายต้องยกเงินทั้งหมดให้ผู้หญิงที่ตัวเองรักที่สุด ดูสิ ทำให้เฝิงเยี่ยนหงเลียนแบบแล้ว
……
“ฮัดเช้ย ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ที่กำลังสอนเจียงชานและหวังกังเล่นหมากรุกที่หลังร้านอร่อยสามมื้อถึงกับจามเสียงดัง
“ป่าป๊า ใครกำลังคิดถึงป่าป๊ากันนะ ! ”
เจียงชานพูดพลางหัวเราะคิกคัก
“นอกจากลูกสาวตัวน้อยของพ่อแล้ว ใครจะยังคิดถึงพ่อได้อีก ! ” เจียงเสี่ยวไป๋ตอบกลับอย่างอ่อนโยน
“ไม่แน่อาจจะเป็นหม่าม๊าก็ได้นะ ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ได้ยินแบบนั้นดีใจมาก
แต่จะว่าไป มันอาจจะไม่ใช่ก็ได้
เพราะไม่แน่ว่าอาจเป็นเจ้าหวังผิงกำลังบ่นด่าอะไรฉันอยู่แน่นอน !