ผมย้อนอดีตมาเปลี่ยนชะตายุค 80 (นิยายแปล) - ตอนที่ 106 :ขอแบบเป็น ไม่เอาแบบตาย
ตอนที่ 106 :ขอแบบเป็น ไม่เอาแบบตาย
“มาๆๆ ทุกคนลองชิมกุ้งนึ่งก่อน ! ”
ตอนนี้ทุกคนต่างกำลังกินกุ้งอบน้ำมัน แต่ยังไม่มีใครแตะกุ้งนึ่งเลย เจียงเสี่ยวไป๋จึงเชิญชวนพวกเขาให้ลองชิม
“ได้ เดี๋ยวพ่อจะลองชิม ! ”
เจียงไห่หยางเพิ่งกินกุ้งอบน้ำมันเสร็จ เขาเลียน้ำมันบนนิ้วแล้ว ก็หยิบกุ้งนึ่งขึ่นมาหนึ่งตัว แล้วเริ่มกินเหมือนตอนกินกุ้งอบน้ำมัน
พอกัดไปคำนึง
“แหวะ ! ”
เขาหันหน้าไปพ่นกุ้งที่แกะเปลือกแล้วทิ้งลงพื้น พลางพูดด้วยสีหน้าเหยเก “ให้พ่อกินอะไรเนี่ย ทำไมไม่มีรสชาติอะไรเลย ! ”
เมื่อเทียบกับกุ้งอบน้ำมัน กุ้งนึ่งถือว่ารสชาติจืดไปเลย
โดยเฉพาะหลังจากที่เพิ่งกินกุ้งอบน้ำมันมาใหม่ๆ ถ้าไม่กินกับน้ำจิ้มก็ไม่ต่างอะไรจากการเคี้ยวขี้ผึ้ง
มันเป็นความรู้สึกราวกับว่าคุณเพิ่งกินแตงโมไป แล้วไปกินลูกพลัมต่อในทันที
ลูกพลัมที่ไม่เปรี้ยวในตอนแรกจะให้ความรู้สึกเปรี้ยวมากเช่นกัน
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อน เขาหยิบกระดาษชำระมาเช็ดมือ แล้วหยิบกุ้งนึ่งขึ้นมาหนึ่งตัว “พ่อ กุ้งนึ่งต้องกินกับน้ำจิ้มถึงจะอร่อย”
พูดแล้ว เขาก็สาธิตวิธีกินให้ดู
เจียงไห่หยางดูแล้วก็หยิบกุ้งนึ่งที่เหลือมาจิ้มซอสสูตรลับในถ้วยใบเล็กกิน
เอ๊ะ !
รสชาติแตกต่างไปเลย
แม้ว่ารสชาติจะไม่หอมเข้มข้นเท่ากุ้งอบน้ำมัน แต่ก็ถือว่าเป็นรสชาติพิเศษเช่นกัน
“พอได้ ! ”
เจียงไห่หยางพึมพำคำเดียว เขากินกุ้งนึ่งเสร็จก็ไม่ได้หยิบมากินต่อ
เพราะเขาชอบกินกุ้งอบน้ำมันมากกว่า
ให้มันได้อย่างนี้สิ !
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหน้าอย่างหมดคำจะพูด “มา ชานชานลองกินดูสิลูก”
หลังจากปอกเปลือกให้แล้ว เขาก็เอากุ้งนึ่งจิ้มน้ำจิ้มแล้วป้อนเจียงชาน
“อร่อยไหม ? ”
“อร่อยค่ะ ! ”
“อร่อยก็กินเยอะ ๆ ”
“แต่หนูชอบกุ้งอบน้ำมันมากกว่า เพราะมันทั้งเผ็ดและหอม ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ถึงกับประคองหน้าผากตัวเอง
กุ้งนึ่งที่น่าสงสาร แม้แต่ลูกสาวของเขายังไม่ชอบกิน
“เมียจ๋า คุณลองกินสักตัวสิ”
เจียงเสี่ยวไป๋จนปัญญาจึงเปลี่ยนเป้าหมาย
ระหว่างที่พูด เขาหยิบมาหนึ่งตัวและเตรียมจะปอกเปลือกกุ้งให้ภรรยาของเขา
“ฉันทำเอง ! ”
หลินเจียอินรีบเช็ดมือด้วยกระดาษชำระแล้วหยิบกุ้งนึ่งมา
ลุงใหญ่ พ่อ แม่ น้องชายและน้องสาวของเขาอยู่กันครบ เธอไม่กล้าให้เจียงเสี่ยวไป๋ปอกเปลือกกุ้งให้เธอต่อหน้าทุกคนหรอก
อยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษกับภรรยา แต่ไม่สำเร็จ
เจียงเสี่ยวไป๋รู้สึกเซ็ง
แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังกินกุ้ง แต่ไม่มีใครแตะเบียร์เลยสักคน
เขาจึงชักชวนอีกครั้ง “กินกุ้งอบน้ำมันไปพร้อมกับจิบเบียร์จะช่วยลดความเลี่ยนจากน้ำมัน และคลายความเผ็ดลงได้ มาดื่มกันเถอะ”
ตรงหน้าของเจียงไห่เทียน เจียงไห่หยาง เจียงเสี่ยวเฟิง และหวังซิ่วจวี๋ล้วนมีขวดเบียร์ตั้งอยู่
เบียร์ไม่เป็นที่นิยมในยุคสมัยนี้
แต่ละครัวเรือนนิยมดื่มเหล้าขาวในจอกมากกว่า จอกหนึ่งใส่ได้ไม่เยอะ จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ดื่มเบียร์
เจียงเสี่ยวไป๋จึงเปิดขวดให้ทุกคน แล้วยกขวดเบียร์กระดกดื่มให้ดูก่อน
ทุกคนยื่นมือที่เยิ้มไปด้วยคราบน้ำมันออกมาจับขวดเบียร์แล้วกระดกดื่มดัง “เอิ้ก ๆ ๆ ”
เบียร์เย็น ๆ ที่แช่อยู่ในบ่อน้ำเย็นสดชื่นมาก
“เอิ้ก……”
เจียงเสี่ยวเฟิงเรอเบียร์ออกมา “ชื่นใจ ! ”
เจียงไห่เทียนยังพูดอีกว่า “กินกุ้งอบน้ำมันกับเบียร์แล้วสดชื่นจริง ๆ ! ”
มีเพียงเจียงไห่หยางเท่านั้นที่ทำหน้าเหยเย “อร่อยตรงไหน รสชาติเหมือนฉี่แมว” แล้วเขาก็หันไปพูดกับเจียงเสี่ยวไป๋ว่า “ไปเอาเหล้าเหมาไถของลูกมาขวดนึง พ่อจะดื่มกับลุงใหญ่เสียหน่อย”
เจียงไห่เทียนรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องหรอก ดื่มเบียร์ก็ดีเหมือนกัน”
เจียงไห่หยางยังคงไม่ยอม เขาคิดว่าเบียร์ไม่อร่อย เจียงเสี่ยวไป๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปนำเหล้าเหมาไถออกมาหนึ่งขวด
หลินเจียอินลองกัดกุ้งนึ่งชิมคำเล็ก ๆ น้ำจิ้มสูตรลับของเขาช่วยกระตุ้นความหอมของเนื้อกุ้งเครย์ฟิชได้เป็นอย่างดี เนื้อกุ้งสดใหม่ นุ่มเด้ง เข้ากับรสชาติดั้งเดิมที่ออกเค็มเล็กน้อย
“อร่อยมาก ! ”
ดวงตาของเธอเป็นประกายขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอตกหลุมรักมันทันที
มื้อนี้กินกันไวมาก กุ้งเครย์ฟิชสี่หม้อใหญ่ที่ไม่ว่าจะถูกนำมารังสรรค์เมนูนึ่งหรืออบน้ำมันล้วนไม่เหลือ
แม้แต่ก้ามกุ้งที่หักไว้ในกะละมังยังถูกหยิบออกมากินจนเกลี้ยง
“ก่อนหน้านี้จับมาน้อยไปหน่อย ! ”
เจียงไห่เทียนพูดด้วยท่าทีราวกับยังไม่หายอยาก
เจียงเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ลุงใหญ่ไปจับมาเพิ่มสิ เดี๋ยวตอนบ่ายผมจะทำให้กินอีก”
“ได้เลย ! ”
เจียงไห่เทียนตอบรับอย่างไว
เจียงไห่หยางพูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ฉันจะไปจับพร้อมกับเสี่ยวเฟิงเหมือนกัน”
เขาเองก็ชอบเมนูนี้เช่นกัน เมื่อครู่นี้ยังกินไม่หนำใจเลย
เจียงเสี่ยวไป๋ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ลุงใหญ่กับพ่อไปบอกให้คนในหมู่บ้านไปจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายให้ผมก็ได้”
เจียงไห่หยางได้ยินแบบนั้นก็โพล่งออกมา “ลูกจะกินเยอะขนาดที่ให้คนในหมู่บ้านไปจับมันมาขายให้ลูกเลยอย่างนั้นหรือ”
ต่อให้กุ้งเครย์ฟิชจะอร่อยแค่ไหน แต่หากคนนับร้อยคนในหมู่บ้านต่างไปจับมาขายให้ล่ะก็ คิดว่าวันหนึ่งคงจับได้ไม่ต่ำกว่า 1,000 ชั่งแน่นอน
จะกินอย่างไรไหว
แต่ดวงตาคู่สวยของหลินเจียอินกลับเปล่งประกาย เธอถามเขาด้วยความตื่นเต้นว่า “ความหมายของคุณก็คือ คุณจะรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชไปขายที่ร้านใช่ไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้ารับ
อืม ภรรยาของฉันเป็นคนฉลาด แค่ครู่เดียวก็รู้ได้แล้วว่าเขาจะขายกุ้งเครย์ฟิช
“กุ้งเครย์ฟิชอร่อยขนาดนี้ จะต้องขายดีแน่นอน” หลินเจียอินพูดอย่างตื่นเต้น
ในเวลานี้ เจียงไห่หยางเพิ่งนึกได้เช่นกัน เขาตบต้นขาของตัวเองดังป้าบ “ใช่แล้ว ขนาดผัดมันฝรั่งของลูกยังขายได้ กุ้งเครย์ฟิชอร่อยขนาดนี้จะต้องขายได้แน่นอน ทำไมฉันถึงคิดไม่ได้กันนะ ! ”
“ใช่สิ ต้องขายดีแน่นอน ! ” เจียงไห่เทียนยังพูดซ้ำ ๆ
แต่แล้วเขาก็ถามต่ออีกว่า “งั้นจะรับซื้อชั่งละเท่าไรกันล่ะ ? ”
เจียงเสี่ยวเฟิงที่อยู่ข้างกันพูดแทรกขึ้นมาว่า “เมื่อก่อนไม่มีใครกินของพวกนี้ ไม่ว่าจะนาแปลงไหนล้วนมีทั้งนั้น แถมพวกมันยังทำลายพืชพันธุ์ของชาวบ้านเสียหายด้วย พี่รองก็รับซื้อราคาชั่งละ 5 หลีเหมือนมันฝรั่งลูกเล็กสิ ทุกคนจะต้องยินดีขายให้พี่รองอย่างแน่นอน”
เจียงไห่เทียนและเจียงไห่หยางต่างพยักหน้าเห็นด้วย
เจียงเสี่ยวไป๋กลับโบกมือปัดแล้วพูดว่า “ลุงใหญ่ ผมจะรับซื้อชั่งละ 3 เหมา”
อะไรนะ ?
ห๊ะ !
เจียงไห่เทียนและคนอื่นต่างตกตะลึง
“รับซื้อราคาชั่งละ 3 เหมา อะไรมันจะราคาสูงขนาดนั้น ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงอุทานและลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น
ด้วยราคาที่สูงขนาดนี้ เขาแทบจะทนรอไม่ไหวที่จะออกไปจับกุ้งเครย์ฟิชในตอนนี้เลย อย่างน้อยคืนนี้ก็น่าจะจับมาได้หลายชั่ง คงได้เงินอย่างน้อย 10-20 หยวนแหละ
เจียงไห่เทียนพูดเช่นกัน “หลานรับซื้อราคาสูงไปไหม ? ”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ แล้วพูดว่า “ลุงใหญ่ ลุุงเป็นลุงใหญ่ของผม และยังเป็นผู้ใหญ่บ้านของเจียงวาน การที่คนในเจียงวานได้มีชีวิตความป็นอยู่ที่ดีขึ้นจะต้องเป็นความหวังของคุณลุงเช่นกัน”
“ลุงรู้นโยบายของประเทศดีกว่าผม”
“ให้บางคนรวยก่อน แล้วค่อยกระจายความรวยสู่ส่วนรวม”
“ตอนนี้ผมทำธุรกิจมีรายได้จากในเมือง ถือว่าเป็นคนมีเงินแล้ว และเป็นคนที่เริ่มรวยก่อนด้วย”
“แต่การที่ผมจะรวยคนเดียวคงไม่มีประโยชน์อะไร หากคนในหมู่บ้านสามารถจับกุ้งเครย์ฟิชมาขายได้และทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นเรื่องดีแล้ว”
หลังจากพูดจบ ภายในลานก็เงียบเสียงลงทันที
ทุกคนต่างจ้องไปที่เจียงเสี่ยวไป๋ด้วยความทึ่ง
“หลาน……คิดแบบนี้จริงหรือ ? ”
เจียงไห่เทียนถามอย่างตื่นเต้น
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “เมื่อก่อนผมเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ ยังไม่มีเงินทุนอยู่ในมือมากนัก และตอนนั้นยังไม่มั่นใจว่ามันจะออกมาดีไหม ราคาของมันฝรั่งลูกเล็กจึงไม่สูงมาก”
“แต่ตอนนี้ผมมีเงินแล้ว”
“ธุรกิจเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นเล็กน้อย ผมจึงรับซื้อในราคาที่สูงได้”
เจียงไห่เทียนพยักหน้าและมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋อย่างชื่นชม
เจียงไห่หยางมองไปที่เจียงเสี่ยวไป๋เช่นกัน แต่เขาก็ยังกังวลเล็กน้อย จึงถามว่า: “ลูกมั่นใจใช่ไหมว่ารับซื้อในราคาที่สูงขนาดนี้แล้วลูกจะทำกำไรคืนได้ ? ”
“อย่าขายขาดทุนแล้วกัน เดี๋ยวจะไม่คุ้มทุน ! ”
เจียงเสี่ยวไป๋ยังไม่ทันพูด เจียงเสี่ยวเหลยที่นั่งอยู่ข้างกันก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดัง “ขนาดผัดมันฝรั่ง พี่รองยังขายได้ชามละตั้ง 4 เหมา กุ้งเครย์ฟิชที่อร่อยขนาดนี้อย่างน้อยน่าจะขายได้ชามละ 4 หยวนแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋หัวเราะ “ชามละ 4 หยวน นายก็กล้าคิดนะ นายซื้อไหมล่ะ ! ”
เจียงเสี่ยวเหลยพูดอย่างไม่ยอม “ผมซื้อแน่นอน”
เจียงเสี่ยวไป๋ส่ายหัวอย่างเอือมระอาและไม่สนใจน้องชายตัวดีอีก เขาหันไปพูดกับเจียงไห่หยางว่า “พ่อวางใจได้ ผมไม่ขาดทุนหรอก”
เจียงไห่หยางพยักหน้า แล้วพูดอีกว่า “ถ้ารู้ก็ดีแล้ว”
เจียงเสี่ยวไป๋คิดแล้ว จึงหันไปพูดกับเจียงเสี่ยวเฟิงว่า “เสี่ยวเฟิง ช่วยไปรับซื้อกุ้งเครย์ฟิชมาให้พี่หน่อย แต่ละวันไม่ต้องรับซื้อมากนัก แค่วันละประมาณ 200-300 ชั่งพอ แล้วในอนาคตค่อยเพิ่มปริมาณรับซื้อทีหลัง”
“ได้ ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงตอบรับ
เจียงไห่เทียนฟังแล้วจึงพูดว่า “ในเมื่อรับซื้อไม่มาก งั้นตอนแรกยังไม่ต้องบอกทุกครัวเรือนหรอก ไม่อย่างนั้นถ้าทุกคนจับมาขายให้หมด แล้วหลานไม่รับซื้อก็คงดูไม่ดี”
เจียงเสี่ยวไป๋พยักหน้า เพราะมันเป็นปัญหาจริง
หลังจากคิดแล้ว เขาจึงพูดว่า “ส่วนเรื่องที่ว่าจะให้ใครไปจับมาขาย เสี่ยวเฟิงจัดการเองได้เลยนะ จำไว้ว่าให้คนที่จับกุ้งเครย์ฟิชมาขายไปรอชั่งน้ำหนักที่ถนนลูกรังเวลา 6.00 น.”
พูดจบ เขายังเสริมอีกว่า “จับเป็นเท่านั้นนะ ไม่เอาแบบที่ตายแล้ว”
“เข้าใจแล้ว ! ”
เจียงเสี่ยวเฟิงเป็นคนไม่ชอบพูดมาก เขาตอบรับในทันที