ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 452 ศึกตัดสินจิวหมัวจื้
ตอนที่ 452 ศึกตัดสินจิวหมัวจื้อ
เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมของเซี่ยเยียนเค่อ จิวหมัวจื้อกลับไม่เก็บมาใส่ใจเลยสักนิด และยิ่งไม่เห็นคู่ต่อสู้ที่ฝีมือด้อยกว่าเขาเยอะอยู่ในสายตาด้วย
กลับเห็นราชครูท่านนี้ยกมุมปากอมยิ้มแล้วใช้มือขวาดีดเบาๆ หนึ่งทีราวกับปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
แปะ!
จากนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังขึ้นอีก หินที่เซี่ยเยียนเค่อยิงออกมาเบาๆ พร้อมเสียงฝ่าลมแตกกลางอากาศ กลายเป็นผงหินสลายหายไปกับสายลม
นี่ก็คือหนึ่งในเจ็ดสิบสองสุดยอดทักษะของเส้าหลิน…ดรรชนีเด็ดบุปผา!
การโจมตีแรกของทั้งสองคนมองเผินๆ เหมือนเสมอกัน แต่ความจริงแล้วคนหนึ่งรวบรวมพลังแล้วจู่โจม ส่วนอีกคนรับมือได้อย่างเยือกเย็น คนที่มีดวงตาแจ่มแจ้งต่างมองออกถึงความแตกต่าง
พลังฝีมือของเซี่ยเยียนเค่อด้อยกว่าจิวหมัวจื้อไม่ใช่แค่จุดสองจุด ถ้าสู้กันแบบตัวต่อตัว จิวหมัวจื้อมั่นใจว่าจับเขากดพื้นแล้วบดขยี้ซ้ำไปซ้ำมาได้เลย!
แม้เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะรู้สึกแย่กับเซี่ยเยียนเค่อสุดๆ แต่กลับไม่ใจดำถึงขั้นปล่อยให้เขาไปสู้กับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างจิวหมัวจื้อตามลำพัง
เมื่อเซี่ยเยียนเค่อโจมตีด้วย ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ จิวหมัวจื้อใช้ ‘ดรรชนีเด็ดบุปผา’ แก้เคล็ดวิชาเงียบๆ ส่วนต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเหยียนชิ่งและหลวงจีนคิ้วเหลืองก็ลงมือตามมาติดๆ ต่างคนต่างใช้ทักษะที่ตัวเองถนัดทำให้จิวหมัวจื้อตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของยอดฝีมือ
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงในฐานะที่เป็นผู้เล่นเพียงหนึ่งเดียวของทีมที่เข้าร่วมการต่อสู้ เขากลับไม่รีบร้อนลงมือ ถอยไปข้างหลังหนึ่งจั้งแทน จากนั้นงอนิ้วมือซ้าย มือขวาถือกระบี่ เริ่มใช้การอนุมานจากเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’
เมื่อเริ่มเปิดใช้งานไท้ซัวเป็นไฉน ในสถานการณ์ส่วนใหญ่จะแยกออกว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองเป็น BOSS โหมดปกติหรือโหมดภารกิจที่ถูกลดทอนความสามารถ
ซึ่งเมื่อจิวหมัวจื้อถูกเยี่ยเว่ยหมิงกระตุ้นด้วย ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ก็ยิงปราณดรรชนีมาทางเขาสิบกว่าสายทันที บีบจนเขาต้องหยุดอนุมานเพื่อหลบหลีกก่อน เท่านี้ก็อธิบายได้แล้วว่าตอนนี้จิวหมัวจื้อเป็นเพียง BOSS เวอร์ชั่นถูกตอนโหมดภารกิจเท่านั้น
แต่ถึงแม้จะเป็นเวอร์ชั่นถูกตอน ฝีมือของเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่าหมดปกติเท่าไรนัก
อย่างไรเสียนี่ก็เป็นศึกตะลุมบอนที่มี NPC หลายคนร่วมต่อสู้พร้อมกัน ตอนที่ระบบตั้งค่าเลเวล BOSS ในโหมดภารกิจ ก็ต้องคำนึงถึงความสมดุลของพลังต่อสู้ระหว่างสองฝ่าย
จะให้ปรับศักยภาพของจิวหมัวจื้อให้อ่อนแอว่าต้วนเจิ้งฉุนตอนที่ NPC ทั้งสองต่อสู้กันก็ไม่ได้
ถ้ากำหนดอย่างนั้นจริงๆ ก็ไม่ใช่การลดระดับความยากของภารกิจให้ผู้เล่นแบบธรรมดาแล้ว นั่นคือการทำลายคาแรกเตอร์ตัวละครต่างหาก!
ดังนั้นจิวหมัวจื้อที่อยู่โหมดภารกิจ แม้จะถูกทำให้อ่อนแอลงมากแล้ว แต่ต้วนเจิ้งหมิง ต้วนเหยียนชิ่งและหลวงจีนคิ้วเหลืองก็อยู่ในโหมดภารกิจเหมือนกัน พวกเขาก็ถูกปรับให้อ่อนแอลงในระดับที่สอดคล้องกันเช่นกัน
บางทีคนเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโหมดภารกิจ ก็มีเพียงเซี่ยเยียนเค่อที่เยี่ยเว่ยหมิงเรียกออกมาร่วมต่อสู้ในฐานะสัตว์เลี้ยง
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ พลังต่อสู้ที่เซี่ยเยียนเค่อแสดงออกมาก็พอๆ กับสหายร่วมรบอีกสามคนอยู่ดี จากจุดนี้จะเห็นได้ว่า หากพูดถึงศักยภาพที่แท้จริง เขาก็ยังอ่อนด้อยกว่ายอดฝีมือสามคนนั้นโดยสมบูรณ์
ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือที่ถนัด ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เหมือนกัน แต่พลังฝีมือของเซี่ยเยียนเค่อด้อยกว่าหวงเย่าซือไม่ใช่แค่หนึ่งขั้นแน่นอน!
ถ้าเรียกหวงเย่าซือออกมา เกรงว่าต่อให้เขาคนเดียวก็สู้กับจิวหมัวจื้อได้อย่างสูสี ถึงขั้นตัดสินแพ้ชนะไม่ได้ด้วยซ้ำ สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ทำอย่างนั้น หนึ่งเป็นเพราะตัดใจใช้ไพ่ลับรักษาชีวิตที่มีค่าที่สุดอย่าง ‘ประกาศิตกระบี่บุปผาโรย’ ไม่ลง บวกกับนิสัยหยิ่งยโสของหวงเย่าซือ ต่อให้เรียกออกมาก็ควบคุมไม่ได้ง่ายๆ อยู่ดี
อย่างน้อยถ้าเยี่ยเว่ยหมิงกล้าให้หวงเย่าซือเข้าร่วมต่อสู้ในนามสัตว์เลี้ยง มารเฒ่าหวงจะต้องซ้อมเขาสาหัสคาที่ก่อนแน่นอน จากนั้นก็ไล่ฆ่าเขาสามวันสามคืนอีก
เซี่ยเยียนเค่อในฐานะจอมยุทธ์ที่รักษาสัจจะอันดับหนึ่งในใต้หล้า หลังจากจบเรื่องคงไม่ล้างแค้นอะไรเขาหรอก…มั้ง?
แล้วก็เป็นไปตามนั้น การต่อสู้แบบสี่ต่อหนึ่ง แต่เยี่ยเว่ยหมิงดันทำให้กลายเป็นการต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่งแล้ว
ในการต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่งนี้ ไม่น่าเชื่อเยี่ยเว่ยหมิงจะได้สร้างผลงานให้ทีมไม่น้อยไปกว่ายอดฝีมืออีกสี่คนเลย!
อาศัยแค่สุดยอดทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เขาคนเดียวก็รับพลังทำลายล้างจากจิวหมัวจื้อได้เกือบหนึ่งในสามส่วนแล้ว และเพื่อความปลอดภัย เขาก็ยืนก็ไกลจากใจกลางสนามต่อสู้หลักอยู่ตลอด จิวหมัวจื้อที่ถูกสี่ยอดฝีมือล้อมโจมตีแม้จะอยากพุ่งมาเอาชีวิตเขา แต่ก็ปลีกตัวออกมาไม่ได้เลย
ทำได้เพียงยิงพลังดรรชนีที่ปล่อยผ่านอากาศได้อย่างดรรชนีเด็ดบุปผา ดรรชนีใบตาลและดรรชนีกัลป์ไร้ลักษณ์ออกมาต่อต้านสี่ยอดฝีมือเท่านั้น แต่สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงที่เพิ่มเลเวล ‘ชั่วอึดใจหมื่นลี้’ จนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ควันหลงจากการต่อสู้แบบนี้ ทำได้แค่รบกวนการคำนวณเลขของเขา แต่ยังไม่พอให้สร้างภัยคุกคามถึงชีวิตต่อเขาได้
พันหมื่นวาจาสรุปได้สั้นๆ ว่า
ขอบคุณ ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ จากสหายรักอวิ๋นจงเฮ่อ!
ขอบคุณ ‘รวมบทกวีของจื้อหมัว’ จากสหายรักอวิ๋นจงเฮ่อ!
……
สนามต่อสู้แบบห้าต่อหนึ่งเข้าสู่ช่วงที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน เกรงว่าภายในเวลาสั้นๆ นี้คงตัดสินแพ้ชนะได้ยาก
อีกฝั่งหนึ่ง ในทีมของฝั่งหุบเขาว่านเจี๋ยกลับมีเงาร่างที่คุ้นเคยสามร่างปรากฎขึ้น เป็นเชิญร่ำสุรา เมฆเคลื่อนเดียวดายและข้ากำลังหาของ
หลังจากปรากฏตัว ทั้งสามก็ไม่ได้เข้าร่วมศึกตัดสินแบบห้าต่อหนึ่งที่สนามหลัก เชิญร่ำสุรากำลังกระซิบกระซาบอยู่ข้างหูจงว่านโฉวที่หน้าตาเหมือนม้าสองสามประโยค
จากนั้น ทั้งสนามรบก็เริ่มวุ่นวายเพราะการยุยงของเขา
จงว่านโฉวเริ่มใช้คำพูดเสียดสีว่าคนของสกุลต้วนต้าหลี่ไร้ยางอาย ลูกชายและลูกสาวทำเรื่องที่ขัดต่อศีลธรรม
เตาไป๋เฟิ่งยืนขึ้นด่าจงว่านโฉวว่าเจ้าเล่ห์อำมหิต ถือโอกาสด่าฉินหงเหมียนว่าเป็นสตรีที่จิตใจโลเลเหมือนดอกหยาง
ฉินหงเหมียนลงมือเพราะโมโห ส่วนเตาไป๋เฟิ่งเผชิญหน้าอย่างห้าวหาญ
จากนั้นต้วนเจิ้งฉุนก็เข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ถูกฉินหงเหมียนเตะก้นไปหนึ่งที จึงทำตัวอ่อนแอเรียกคะแนนสงสารเสียเลย ผู้หญิงสองคนเริ่มถามไถ่ต้วนเจิ้งฉุนที่ ‘เจ็บตัว’ ด้วยความเป็นห่วงเป็นใยทันที
จงว่านโฉวโมโหสุดๆ ด่าต้วนเจิ้งฉุนว่า ไอ้แก่หน้าขาว ไร้ยางอาย จากนั้นก็ยกดาบฟัน
ต้วนเจิ้งฉุนบอกว่า ราษฎรต่ำต้อยของต้าหลี่อย่างเจ้า ไม่สิทธิ์คุยกับองค์ชายอย่างข้าด้วยซ้ำ
จากนั้นเพื่อที่จะปกป้องสามี (คนรักเก่า) เตาไป๋เฟิ่งกับฉินหงเหมียนก็ลงมือกับจงว่านโฉวพร้อมกัน…
ชั่วขณะนั้นเหตุการณ์ชุลมุนสุดขีด
บางทีขอเพียงเป็นที่ที่ต้วนเจิ้งฉุนปรากฏตัว จากเดิมที่เป็นละครแนวความแค้นในยุทธภพอยู่ดีๆ แต่ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นละครคุณธรรมแนวครอบครัวในธีมชุดโบราณได้เหมือนกัน
ต้องบอกเลยว่า เขาคือคนที่มีความสามารถคนหนึ่งเช่นกัน!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตกอยู่ในสภาพวุ่นวายตามที่ตัวเองต้องการแล้ว ในที่สุดเชิญร่ำสุราก็หาโอกาสได้ ร่างของเขากลายเป็นเงาเลือนรางสายหนึ่ง แทงกระบี่ลงมาในแนวเฉียง แทงไปยังจุดอ่อนของปาเทียนสือ แต่อีกฝ่ายกระโดดหลบไปข้างหลังทัน
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!…
กระบี่แรกของเชิญร่ำสุราเพิ่งจะแทงพลาด เตรียมจะใช้ท่าไม้ตายของ ‘เคล็ดกระบี่พิชิตมาร’ ร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมอีกสองคนสังหารปาเทียนสือในคราเดียว แต่จู่ๆ เงาร่างทางฝั่งซ้ายก็ยิงเมล็ดโพธิ์ออกมาสิบกว่าเม็ด บีบให้เขาต้องหลบและหยุดไล่โจมตี
ตอนนี้เอง เชิญร่ำสุรากลับเห็นเงาคนแวบมาตรงหน้า เงาร่างสีเขียวอ่อนของซานเย่ว์มาขวางระหว่างเขากับปาเทียนสือแล้ว นางยิ้มเล็กน้อยพร้อมบอกว่า “เหมือนที่อาหมิงคาดไว้ไม่มีผิด เป้าหมายแรกของพวกเจ้าต้องเป็นปาซือคงแน่ๆ”