ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 390 การประลองปรุงยา
บทที่ 390 การประลองปรุงยา
เพียงชั่วพริบตา ร่างของหลูอันที่อยู่ในลานประลองก็ค่อยๆหดหายไปจนเหลือเพียงแต่ผิวหนัง
ท้ายที่สุดแม้แต่ผิวหนังที่หลงเหลือก็ยังถูกบางสิ่งทะลวงออกมา หมาล่าเนื้อปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของหลูอันนั้นหายไปนานแล้ว สิ่งที่ออกมานั้นก็คืองูพิษปีศาจที่เป็นหุ่นเชิดโลหิตของหลี่ฉิง
เมื่อเห็นงูพิษปีศาจของตนอิ่มหนำ หลี่ฉิงที่เห็นย่อมสุขใจ
หากไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นล่ะก็ ภายในสองวันนี้ หุ่นเชิดโลหิตของเขาจะยกระดับขึ้นไปอีกหนึ่งระดับขั้น
และนี่ทำให้การประลองระหว่างศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตของสองสำนักได้สิ้นสุดลง
เจิ้งฮูเชิงเองก็ทำท่าราวกับยินดียิ่งในผลการประลองรอบนี้ และเขาไม่กล่าวถึงเรื่องของเหลิ่งเซิ่งเลยแม้แต่น้อย
“เหอเหอเหอ ไม่สนุกเลยสักนิด การที่การประลองหุ่นเชิดโลหิตจบเร็วขนาดนี้ทำให้ข้านั้นราวกับยังไม่ได้ดูอะไรเลยจริงๆ”
“พี่ฉี ในการประลองครั้งนี้พี่ท่านควรจะพอมีศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตนอกจากศิษย์สองคนนี้อยู่นี่นา”
ผอ.ฉีก็พยักหน้ารับและเผยรอยยิ้มออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า ที่พี่เจิ้งพูดออกมานั้นมันก็ถูก แต่น่าเสียดายนั้น ด้วยทรัพยากรบ่มเพาะของสำนักข้า รวมถึงคนที่พอจะมีประสบการณ์พอที่จะสู้ได้นั้น ทุกคนที่เหลือล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คู่มือของศิษย์แผนกหุ่นเชิดโลหิตแผนกของท่านเลยสักนิด”
“เอาอย่างนี้สิ ข้าว่าเราลองดูการประลองอีกสามแผนกดีกว่านา”
ผอ.ฉีย่อมเข้าใจเป็นอย่างดีว่านอกจากแผนกหุ่นเชิดโลหิตแล้ว สำนักเต๋าดาวตกไม่ได้ใส่ใจในการดูการแข่งของศิษย์แผนกอื่นแต่อย่างใด
แต่เขากลับนึกไม่ถึงว่าเจิ้งฮูเชิงนั้นกลับแสดงออกมาว่าอยากจะดูอย่างหนัก “ก็นั่นแหละที่ข้าหมายถึง ผู้อาวุโสฉิน นี่มันถึงเวลาของแผนกปรุงยาแล้วไม่ใช่รึ รีบๆประกาศเร็วๆเข้าสิ”
สำนักเต๋าใต้บาดาลนั้นมีแผนกปรุงยาเป็นจุดแข็งมาโดยตลอด แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ดูราวกับจะบอกว่าสำนักของตนนั้นมีสิทธิ์ชนะ นี่ก็อดทำให้ผอ.ฉีตะขิดตะขวงใจขึ้นมาไม่ได้
แต่เขาเองก็มั่นใจในความสามารถของศิษย์สำนักตนอยู่แล้ว ผอ.ฉีจะสะกดข่มความรู้สึกนี้ในใจก่อนจะพยักหน้าส่งสัญญาณให้กับฉินหมิง
ฉินหมิงที่เห็นก็เข้าใจเป็นอย่างดี จึงได้เอ่ยชื่อศิษย์ในแผนกปรุงยาที่ต้องการประลองให้เตรียมตัว
ในการประลองครั้งนี้ มีศิษย์ภายในต้องการลงแข่งหกคน ประกอบด้วยศิษย์ภายในรุ่นปีก่อนหน้าและหยานเสวี่ยและเม่ยซิน
แต่เดิม เฉินเฉียงก็คิดจะลงแข่งในฐานะศิษย์แผนกปรุงยาเช่นเดียวกัน แต่เพื่อที่จะให้ได้รับตำแหน่งตัวแทนสำนัก เขาจึงไม่มีทางเลือกทำได้เพียงลงแข่งในนามแผนกวิชายุทธ
การแข่งขันแผนกปรุงยาก็แข่งกันง่ายๆ เป็นการแย่งการปรุงยาระหว่างคนสองคน
และเพื่อให้ถูกรบกวนจากบุคคลภายนอก การประลองแต่ละคู่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ที่มีกำแพงเขตแดนล้อมรอบไว้
หลังจากสำนักเต๋าใต้บาดาลเลือกศิษย์ที่จะลงแข่ง สำนักเต๋าดาวตกก็ได้ส่งศิษย์ของตนมาหกคน
ที่ผ่านมา สำนักดาวตกส่งตนในแผนกปรุงยาได้เพียงสี่คนเท่านั้น แต่ในครั้งนี้กลับสามารถส่งคนเข้ามาเพิ่มได้
ดูเหมือนว่าสำนักเต๋าดาวตกนั้นจะเตรียมตัวเรื่องนี้มาเป็นอย่างดีจริงๆ
ศิษย์ทั้งหกจากสองสำนักเต๋า แบ่งออกเป็นชายสี่ หญิงสอง แต่การประลองเช่นนี้ย่อมไม่แบ่งแยกชายหญิง เพราะตัวตัดสินนั้นเป็นการใช้คุณภาพของยาที่ปรุงได้นั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น เม่ยซิน เธอได้เลือกปรุงยากำจัดพิษ และสำนักเต๋าดาวตกเองก็ส่งศิษย์ออกมาปรุงยาที่อยู่ในระดับเดียวกันแต่คนละชนิดกันได้
เมื่อเห็นว่าคู่แข่งของตนนั้นเลอโฉมจนเย้ายวนใจ ศิษย์สำนักเต๋าดาวตกที่มีชื่อว่าโฮวเจิ้นก็รู้สึกตาปรือพร้อมกับนึกครึ้มใจในความโชคดีของตน
ส่วนอีกคู่หนึ่งนั้น ศิษย์ที่แข่งกับหยานเสวี่ยเองก็เป็นผู้ชายเช่นเดียวกัน และเขาก็เลือกปรุงยาเม็ดฟื้นฟูเช่นเดียวกับเธอ
หลังจากจับคู่กันแล้ว ศิษย์ผู้ลงแข่งทั้งหกคู่ต่างก็เริ่มลงมือ
ภายในเขตแดนลานประลอง โต๊ะปรุงยาของทั้งสองฝั่งนั้นประกอบด้วยเตาปรุงยาสองเตาและสมุนไพรตัวยาต่างๆที่ถูกเตรียมไว้แค่เพียงอย่างละหนึ่งชุด
กล่าวได้ว่าศิษย์แต่ละคนนั้นมีโอกาสเพียงหนึ่งครั้ง
หากมีสิ่งใดเกิดขึ้น พวกเขาทำได้เพียงโทษตนเองที่โชคไม่ดีเท่านั้น
-ผอ. ศิษย์ผู้ชายสี่คนนั้นไม่น่ากังวลแต่อย่างใด-
-แต่ศิษย์หญิงที่พึ่งจะเข้าไปศิษย์ภายในนั่นจะมีโอกาสชนะพวกนั้นงั้นรึนั่น-
หลิวฉิงหยุนที่นั่งอยู่ข้างผอ.ฉีได้เอ่ยปากถามออกมา นั่นก็เพราะเขาเองก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าสำนักดาวตกนั้นเตรียมตัวมาดี จึงอดไม่ได้ที่จะเป็นกังวลและถามออกไปผ่านเสียงทางจิตวิญญาณ
รอยยิ้มของผอ.ฉียังไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดเมื่อได้ยิน ก่อนจะตอบผ่านทางจิตวิญญาณกลับไป -เฉินเฉียงเองที่ยอมสัญญากับเราเพราะมั่นใจว่าหยานเสวี่ยนั้นจะชนะในการประลองปรุงยาไม่ใช่รึไงล่ะ-
-หากว่าเด็กนั่นมั่นใจว่านางนั้นมีความสามารถพอที่จะได้รับการคัดเลือก ข้าเชื่อว่าหยานเสวี่ยนั้นย่อมไม่มีปัญหาในการแข่งขัน-
-ส่วนเม่ยซินนั้น…..-
-เอาน่า ต่อให้ชนะเพียงห้าในหกก็ยังถือว่าฝั่งเราชนะอยู่ดีนั่นแล-
-แถมข้ายังได้ยินมาจากผู้อาวุโสซุนเต๋าอีกนะว่าศิษย์หญิงที่ชื่อเม่ยซินนั่นขยันขันแข็งหมั่นเพียรฝึกฝนอย่างหนักเพื่อทดแทนทักษะที่จำกัดของเธอ แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดนั่นก็คือนางนั้นมีความกล้าพอที่จะลงประลองด้วยตนเอง-
-กลับผู้ที่มีความกล้าหาญพอที่จะลงประลองในงานใหญ่เช่นนี้ ต่อให้นางแพ้ก็หาได้สลักสำคัญไม่-
-ถึงแม้ผลการแข่งมันจะสำคัญ แต่กับศิษย์ที่การเผชิญหน้าต่อความพ่ายแพ้กับศิษย์ที่กลัวเกินกว่าจะพ่ายแพ้ได้นั้น ศิษย์แบบไหนที่ดีกว่าเจ้าก็น่าจะรู้-
ไม่นาน ศิษย์ทั้งหกก็ได้เริ่มแบ่งสมุนไพรปรุงยากัน พร้อมกับเตาปรุงยาตรงหน้าก็ได้ถูกจุดขึ้น และนี่ถือได้ว่าเป็นการเริ่มการประลองแล้ว
อย่างที่ผอ.ฉีและหลิวฉิงหยุนได้คิดเอาไว้ ศิษย์ชายสี่คนนั้นมีระดับสูงกว่าศิษย์สำนักเต๋าดาวตกอย่างไม่ต้องสงสัย
การปรุงยานั้นเป็นเรื่องของเทคนิค มันไม่เหมือนกับแผนหุ่นเชิดโลหิตที่มีแรงก็ใส่กันจนตายกันไปข้าง ศิษย์ที่ขึ้นมายืนตรงจุดนี้ล้วนแล้วแต่สั่งสมประสบการณ์มา พวกเขารู้ดีว่าสิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำในระหว่างการปรุงยา
และนี่เองทำให้ทุกคนเริ่มเพ่งความสนใจไปยังหยานเสวี่ยและเม่ยซิน
ยังไงซะเม่ยซินก็พึ่งจะเข้าร่วมเป็นศิษย์ภายในแผนกปรุงยาได้ไม่นาน หากนี่เป็นการแข่งที่ใช้ความใจร้อนและใจสู้ กับเรื่องนี้เธอเองก็คงชนะขาดไปแล้ว
แต่อีกฝ่ายเองก็เป็นศิษย์แผนกปรุงยาที่เคยมีประสบการณ์ลงแข่งมาแล้ว
ถึงแม้ว่าแผนกปรุงยาของสำนักเต๋าดาวตกจะอ่อนด้อยกว่าเล็กน้อย แต่โฮวเจิ้นผู้นี้ก็อยู่เป็นศิษย์ในของแผนกปรุงยามากว่าหนึ่งปีแล้ว
ด้วยเทคนิคที่มากล้นของเขานั้น บอกได้เลยว่าเขาสามารถปรุงยาระดับหนึ่ง ยาขจัดพิษได้อย่างไม่มีปัญหา
และยังมีช่องว่างอีกหนึ่งอย่างที่เม่ยซินก็รู้ดีแก่ใจ
ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะไม่ได้พึ่งจะหัดปรุงยาขจัดพิษเพียงแค่วันสองวันที่ผ่านมา แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ลงแข่งแบบนี้
มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอนั้นลนลานอย่างที่สุด
เมื่อเห็นฉากนี้ ผอ.ฉีและคนอื่นๆก็ไม่ได้คิดมากว่าความแม้แต่น้อย
นั่นก็เพราะศิษย์คนอื่นที่อยู่ในลานประลองนั้นทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม นอกจากหยานเสวี่ยและเม่ยซินแล้ว ศิษย์อีกสี่คนได้เริ่มขึ้นรูปเม็ดยาแล้ว
เมื่อเห็นผลจากศิษย์ฝั่งสำนักเต๋าดาวตกของตน เจิ้งฮูเชิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนลมหายใจออกมา แม้กระทั่งเขาจะได้เห็นแล้วว่าเม่ยซินนั้นตกอยู่ในสภาพประหม่าจนตื่นตระหนกก็ตาม
เขาเพียงแค่รู้สึกโชคดีที่ในปีนี้เขาส่งศิษย์ลงประลองไปหกคน
ตราบใดที่ศิษย์สำนักของเขาไม่ได้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ สำหรับพวกเขามันก็ถือว่าเป็นชัยชนะแล้ว
ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ โฮวเจิ้นสมควรจะสร้างความประหลาดใจให้เขาได้ล่ะนะ
แต่มันก็ยังไม่แน่นอนอยู่ดี เขาไม่ควรสรุปผลง่ายๆหากว่ามันยังไม่จบลงจริงๆ
ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเม่ยซินจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่ มันก็ได้เกิดสิ่งที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดขึ้นมา
อ่านตอนนี้แล้วถูกใจหรือเปล่า?
ถ้าถูกใจอย่าลืมส่งกำลังใจให้นักเขียนของคุณนะ
ส่งกำลังใจ 1 เหรียญทอง
ตอนต่อไป
บทที่ 391 ท้าทาย
ยอดเหรียญของคุณ
ไอคอนเหรียญทอง
74.00
ไอคอนเหรียญทอง
3 เหรียญทอง
โหมดอ่านต่อเนื่อง
ปิด
เมื่อเข้าสู่หน้าอ่านที่ถูกล็อกด้วยเหรียญระบบจะใช้เหรียญปลดล็อกตอนต่อไปโดยอัตโนมัติ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น
0 / 1000
สปอยล์