ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 389 หุ่นเชิดโลหิตกลืนกิน
บทที่ 389 หุ่นเชิดโลหิตกลืนกิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดีมาก ทำได้ดีมาก เหลิ่งเซิ่ง”
“กี่ปีกันแล้วนะเนี่ย ในที่สุด สำนักเต๋าของเราก็อยู่เหนือสำนักเต๋าดาวตกได้ ทำได้ดีจริงๆ”
ในทันทีที่เหลินเซิ่งเดินมาถึงจุดพักผู้แข่งขัน ศิษย์ภายในสำนักเต๋าใต้บาดาลต่างก็ส่งเสียงเชียร์กันอย่างดังลั่น
แม้แต่ศิษย์ในแผนกหุ่นเชิดโลหิตที่กระจัดกระจายตัวอยู่ก็ยังกู่ร้องออกมาด้วยความดีใจ
เทียบกับเสียงเชียร์ของสำนักเต๋าใต้บาดาลแล้ว ทางด้านสำนักเต๋าดาวตกนั้นกลับสงบนิ่งอย่างบอกไม่ถูก
ไม่เพียงพวกเขาจะไม่ได้โศกเศร้ากับหลิวเสี่ยวฟานที่ตกตายไปแล้ว ส่วนใหญ่ยังจ้องมองไปที่เหลิ่งเซิ่งอย่างดูแคลน
“ฮึ่ม ยอมจ่ายความรุ่งโรจน์และอนาคตของตนเพื่อชนะเนี่ยนะ มันเรียกว่าชัยชนะได้ยังไงกันวะ”
“หน้าไม่อาย ช่างน่ารังเกียจจนเหลือจะเอ่ย”
เมื่อพูดจบ หลี่ฉิงก็ได้เดินออกจากที่พักของผู้ลงแข่ง
บนที่นั่งของผู้ทรงเกียรติ ผอ.ฉีและเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเต๋าใต้บาดาลไม่ได้แสดงท่าทียินดียินร้ายแต่อย่างใด แต่ใจของพวกเขานั้นกลับคิดไปต่างๆนานาโดยไม่อาจพูดออกมาได้
“พี่เจิ้ง ในตอนนี้การต่อสู้ของเหลิงเซิ่งได้จบลงแล้ว ให้ท่านเป็นตัดสินใจเรื่องของเขาแล้วกัน”
กับเรื่องนี้ ไม่ว่ามองยังไงก็ตาม สำนักเต๋าใต้บาดาลเป็นฝ่ายผิดอย่างเต็มประตู หากว่าพวกเขาไม่แสดงออกถึงความบริสุทธิ์ใจแล้ว พวกเขาคงไม่อาจจะทำให้สำนักเต๋าดาวตกรามือไปได้ และนี่จะทำให้การปะทะกันระหว่างศิษย์สองสำนักรุนแรงเกินไป และนั่นจะไม่เป็นผลดีกับทั้งสองฝ่าย
นี่จึงทำให้ผอ.ฉีตัดสินใจมอบเรื่องของเหลิ่งเซิ่งให้อีกฝั่งเป็นผู้ตัดสินใจแม้จะไม่อยากก็ตาม
เจิ้งฮูเชิงสบถออกมาแต่ก็ไม่ได้ตัดสินใจออกมาแต่อย่างใด เขาพูดออกมาราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่โต “พี่ฉี ไม่ใช่ว่าการต่อสู้ยังเหลืออีกรอบไม่ใช่รึไง เดี๋ยวค่อยว่ากันหลังจากนี้”
ในลานประลอง ด้วยชัยชนะของเหลิ่งเซิ่งนี้ทำให้หัวใจของหลูอันที่ตื่นตระหนกกลับสงบขึ้นมาบ้าง
เขาเองก็ได้ยินชื่อของหลี่ฉิงมานานแล้ว หากจะให้กล่าวตามตรงก็คือเขาคือดาวรุ่งที่มีชื่อเสียงของสำนักเต๋าดาวตก และเป็นผู้บ่มเพาะที่มีความสามารถที่มากล้นบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต
บอกได้เลยว่าเป็นการจับคู่ที่ผิดจนไม่รู้จะผิดยังไงแล้ว ตอนนี้ชะตาของเขานี้ย่ำแย่กว่าคู่ของเหลิ่งเซิ่งมากนัก
แต่เหลิ่งเซิ่งที่ที่พึ่งจะได้รับชัยชนะมานั้น ในความเป็นจริงแล้วเขานั้นแข็งแกร่งน้อยกว่าเขาอยู่นิดหน่อย นี่จึงทำให้เขานั้นมีความมั่นใจมากขึ้นมาอีกเล็กน้อย
หลังฉินหมิงได้ประกาศให้เริ่มการประลอง หลี่ฉิงได้มองหลูอันอย่างดูแคลนแล้วพูดออกมา “หลูอันสินะ ไอ้การที่เหลิ่งเซิ่งจากสำนักเจ้านั้นชนะด้วยวิธีการที่ยากจะยอมรับได้ก็ตาม”
“แต่ส่วนหนึ่งนั้นเป็นเพราะมันผู้นั้นไม่ได้พบเจอกับข้าผู้นี้”
“หากว่าเจ้ามีหุ่นเชิดซากศพเช่นกัน เจ้าก็ใช้ออกมาได้เลยเพื่อว่าหลี่ฉิงผู้นี้จะได้รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมาบ้าง”
หลูอันที่รู้ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายอยู่แล้วก็ไม่ได้คิดบ้าทำตามคำพูดของอีกฝ่าย เขาเองก็ทำเพียงแค่ส่งสัตว์ปีศาจของตนออกมาเท่านั้น
ระดับของสัตว์ปีศาจของหลูอันนั้นไม่ได้ด้อยกว่าเหลิ่งเซิ่งแต่อย่างใด แต่รูปลักษณ์ของมันนั้นมีลักษณะคล้ายหมาล่าเนื้อ
สัตว์ปีศาจระดับสองหรือเหนือกว่านั้น มีเพียงศิษย์ภายในเท่านั้นที่คู่ควรกับพวกมัน
ด้วยการที่แผนกหุ่นเชิดโลหิตของสำนักเต๋าใต้บาดาลนั้นไม่เคยชนะเลิศในการประลองเลยสักครั้ง นี่จึงทำให้ตามปกติแล้ว พวกเขาใช้เพียงสัตว์ปีศาจระดับหนึ่งในการคัดเลือกศิษย์เข้าแผนกภายในของตน
สัตว์ปีศาจที่มีระดับต่ำกว่าระดับสี่ล้วนแล้วถูกนำมาใช้ในการเป็นหุ่นเชิดโลหิตของผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิต ส่วนระดับที่เหนือกว่าสี่เฉกเช่นตัวที่เฉินเฉียงได้พบเป็นตัวแรกใจหุบเขาฟานหยินนั้น เจ้าตัวนั้นเองก็สมควรจะอยู่ในระดับห้าเป็นอย่างน้อย หรือระดับหกเป็นอย่างมาก พวกมันล้วนแล้วแต่มีสติปัญญา แม้จะไม่สูงมาก แต่พวกมันเองก็ไม่ยอมศิโรราบต่อมนุษย์อย่างแน่นอน
สำหรับกรณีของหลูอันที่เป็นสัตว์วิญญาณระดับสองนั้น แม้ว่าหลี่ฉิงจะทำเหมือนไม่เห็นหลูอันอยู่ในสายตามาก่อน แต่เมื่อเห็นสัตว์ปีศาจของหลูอัน เขาเองก็อดที่จะแสดงสายตาอิจฉาตาร้อนขึ้นมาไม่ได้
แต่หากเขาสามารถกลืนกินร่างของไอ้หมานี่ สัตว์ปีศาจของเขาย่อมขึ้นไปอยู่ระดับสามได้เป็นอย่างน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อคิดได้แบบนี้ หลี่ฉิงจึงได้กดไปที่หน้าอกของตน ก่อนที่สัตว์ปีศาจที่มีร่างคล้ายงูพิษจะพุ่งออกมา และพุ่งตรงเข้าหาหลูอันด้วยความเร็วปานประกายแสง
ก่อนหน้านี้ตอนที่เฉินเฉียงจะเข้าร่วมกับสำนักเต๋าใต้บาดาล เขาเองก็เคยเห็นหลี่ฉิงใช้งูพิษปีศาจนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง นี่ทำให้เขารู้ดีว่าถึงแม้งูพิษตัวนี้จะดูอ่อนด้อยกว่างูยักษ์ของหลิวเสี่ยวฟาน แต่ความเร็วของพวกมันนั้นช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง
และอย่างที่เขาคิดไว้ ในทันทีที่งูพิษปีศาจพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย มันตรงเจ้าไปหาหมาล่าเนื้อปีศาจในทันที
ถึงแม้หมาล่าเนื้อปีศาจตนนี้จะไม่มีดวงตาอยู่บนใบหน้า แต่จมูกของมันกลับรับสัมผัสได้อย่างสูงล้ำ ในทันทีที่มันได้รับรู้ว่างูพิษปีศาจได้พุ่งตรงเข้ามา มันก็รีบอ้าปากกว้างของมันออกมาในทันที
อย่างไรก็ตาม แม้งูพิษตัวนี้จะอยู่กลางอากาศ แต่มันกลับบิดตัวหลบปากที่อ้ากว้างของหมาล่าเนื้อปีศาจไปได้ และใช้ความเร็วของมันรัดพันเข้ากับร่างของหมาล่าเนื้อปีศาจตนนี้
“อ่ะวู้…..”
เมื่อหมาล่าเนื้อปีศาจตนนี้รู้ว่าร่างของมันถูกรัดพัน มันใช้หัวอันใหญ่ยักษ์ของมันสอดส่ายไปทั่วร่างเพื่อหาว่าตรงไหนบ้างที่มันพอที่จะกัดร่างของงูพิษปีศาจไปได้
คิดไม่ถึงว่าทั่วทั้งร่างของงูพิษปีศาจตนนี้มีชั้นหนังที่ไหลลื่น แม้มันจะถูกหมาล่าเนื้อปีศาจตนนี้กัดลงไปแต่ก็ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด
หมาล่าเนื้อปีศาจนั้น เมื่อรู้ว่าตนเองไม่อาจจะทำอะไรได้แล้ว ขาทั้งสี่ของมันก็ตะเกียกตะกายไปทั่วพื้นเพื่อจะหาอะไรก็ได้ที่ทำให้มันสลัดหลุดไปจากสถานการณ์ของมันได้ แต่มันก็หาได้พบเจอสิ่งใดที่จะช่วยมันให้หลุดรอดออกไปได้ไม่
เมื่อเห็นหุ่นเชิดโลหิตของตนในตอนนี้ ทั่วทั้งร่างเริ่มเหือดแห้งจนราวกับตะเกียบ หลูอันก็เริ่มร้อนรนในทันที
หากหุ่นเชิดโลหิตของตนได้ตายลงไป เขานั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากการรอคอยความตายเพียงเท่านั้น
และนี่ทำให้หลูอันเริ่มเคลื่อนไหว
แต่เขาเองก็ลืมไปว่าการกระทำของตนนั้น มันเป็นความผิดอย่างมหันต์
การต่อสู้ระหว่างผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนั้น หากตัวผู้บ่มเพาะเข้าไปมีส่วนร่วม นั่นจะทำให้ชีวิตของคนผู้นั้นตกเป็นเป้าของสัตว์ปีศาจของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดาย และสามารถเสียชีวิตได้ในทันที
เมื่อเห็นฉากนี้ ผอ.ฉีและผู้อาวุโสคนอื่นของสำนักต่างก็ถอนลมหายใจออกมา พวกเขาไม่ได้มีความคิดที่จะดูอีกต่อไป
“มันจบแล้ว หลูอันเสร็จแน่นอน” หลิวฉิงหยุนส่ายหัวไปมาพลางถอดถอนลมหายใจ
อย่างที่คิด ตอนที่หลูอันพุ่งตรงไปยังสัตว์ปีศาจทั้งสองตน หลี่ฉิงก็ยิ้มร่าออกมาในทันใด
เร็วเกินกว่าจะคิดได้
เพียงหลูอันได้ไปยืนอยู่ตรงหน้าหมาล่าเนื้อปีศาจ ตอนที่เขาหยิบกริชขึ้นมาในมือเพื่อที่จะพยายามขับไล่งูปีศาจให้ออกไปนั้น เขาก็พบว่างูปีศาจที่กำลังรัดพันหุ่นเชิดโลหิตของตนนั้นชูหัวขึ้นมา ก่อนที่จะหมุนวนหัวของมันจนหมุนติ้วราวกับสว่านไฟฟ้าที่ทรงพลังพุ่งเข้าไปในปากของหลูอัน
ด้วยการที่สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมากขนิดที่ว่าหลูอันเองก็ยังไม่ได้ร้องออกมาเลยสักกระผีกเดียว ไม่จนกระทั่งหางของงูตนนี้พุ่งเข้าไปในปากของเขาจนหมดสิ้น
หลูอันได้ล้วงเข้าไปในคอของตนอย่างร้อนรนราวกับต้องการดึงมันออกมา
แต่มันก็สายเกินไปแล้ว
ในทันทีที่งูตัวนี้เข้าไปในร่างของหลูอัน มันก็ทำตัวราวกับปลาที่ได้กลับไปในมหาสมุทร มันได้ทะลวงชอนไชอวัยวะภายในของหลูอัน จนทำให้เลือดจำนวนมากไหลออกมาจากร่างของเขาอย่างไม่ขาดสาย
ยิ่งได้กลิ่นเลือด งูพิษปีศาจก็ยิ่งพลุ่งพล่าน
เฉกเช่นเดียวกับหมาล่าเนื้อปีศาจของหลูอันที่พึ่งจะหลุดจากการรัดพันของงูพิษปีศาจ มันเองก็ดูบ้าคลั่งขึ้นมาเมื่อได้กลิ่นเลือดของเจ้าของของมัน
ไม่นาน กลิ่นเลือดก็เริ่มตลบอบอวล
ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาที่ราวกับจะอ้อนวอน หมาล่าเนื้อปีศาจที่หลูอันได้ชุบเลี้ยงมานั้นเริ่มกัดกินร่างของนายมันเอง
มันเป็นสถานการณ์ที่ยากยิ่งจะเกิดขึ้นได้
โดยปกติแล้ว ตราบใดที่นายของมันไม่ตาย หุ่นเชิดโลหิตจะไม่กัดกินเจ้านายของมันโดยง่าย
แต่ในครั้งนี้ ด้วยการที่ร่างของนายมันนั้นกำลังบาดเจ็บโดยงูพิษปีศาจที่ได้เข้าไปในร่างของนายมัน