ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 383 ด้วยความรัก
บทที่ 383 ด้วยความรัก
“มันน่าขำนักรึไง”
เมื่อหัวทุกคนหัวเราะอย่างหนักหน่วง กัวเหลียงก็ได้ขมวดคิ้วแล้วตวาดออกมา ก่อนที่จะเริ่มตบแก้มของตนเองประหนึ่งให้ตัวเองกล้าพูดออกมา
“เจ้ารู้รึเปล่าคนที่นางไปคบหาด้วยอยู่ตอนนี้เป็นใคร ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนะเว้ย”
“ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตเลยนะ”
“พวกเจ้ารู้รึเปล่ามันหมายความว่ายังไง”
“หากพวกเจ้าไม่ได้ระวังตัว สามารถจะตกตายในทันทีเลยนะเว้ย”
เมื่อกัวเหลียงพูดออกมาด้วยความโกรธของตนแล้ว เขาได้ปาดน้ำตาพร้อมกับนั่งลงไปอย่างหมดเรี่ยวแรงจะพูดอีก
ในทันทีที่กัวเหลียงพูดจบลง เฉินเฉียงและคนอื่นๆต่างก็เงียบปากของตน ในตอนนี้ทุกคนต่างก็มองกัวเหลียงด้วยสายตาที่ชื่นชมในตัวของเขา
สิ่งนี้หรือคือที่หนี่เฟิงบอกว่าเป็นการก้าวก่ายในชีวิตคู่
ทุกคนในที่นี่ต่างรู้ดีว่าอะไรคือผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตนับแต่พวกเขาได้เหยียบย่างเข้ามาในโลกปีศาจแห่งนี้
หากพูดถึงผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตล่ะก็ คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่หาคู่ครองไม่ได้ในสำนักเต๋าของตน
หากจะมีคนที่พอจะยอมแต่งงานด้วยได้ ก็คือบุตรสาวของผู้มีสถานะทางตระกูลที่ยากจนเท่านั้นที่จะยอมแต่งกับคนพวกนี้
หรือจะให้ว่ากันตรงๆจะเป็นการขายลูกสาวเสียยิ่งกว่าการแต่งงานจะถูกต้องกว่า
ถึงแม้ตัวผู้บ่มเพาะบนเส้นทางสายนี้จะไม่ต้องเกรงกลัวที่จะถูกดูดกลืนโดยบอลเลือดปีศาจ แต่กับคนเช่นนี้ ใครจะสามารถการันตีได้ว่าพวกเขาจะไม่แปรเปลี่ยนผู้หญิงของตนให้กลายเป็นหุ่นเชิดโลหิตกัน
เพียงแค่การสัมผัสเพียงเล็กน้อยจากหุ่นเชิดโลหิตของพวกมัน ผู้หญิงของพวกมันจะตกตายกลายเป็นอาหารของหุ่นเชิดโลหิต และยังส่งเสริมให้ผู้บ่มเพาะบนเส้นทางนี้ ยกระดับการบ่มเพาะขึ้นไปอีก
ช่างเป็นเรื่องที่โหดร้ายนัก
แม้แต่หญิงสาวจากตระกูลธรรมดายังไม่อยากจะข้องแวะเพราะเรื่องนี้ แต่หนี่เฟิงที่เป็นราชาขุนพลกับเสนอตัวไปให้พวกมันถึงที่
สิ่งที่กัวเหลียงทำนั้นไม่ใช่ความหึงหวงแต่อย่างใด แต่เป็นความห่วงใยที่พยายามปกป้องชีวิตของหนี่เฟิงอย่างที่สุด
คนที่เป็นคู่รักกันจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นคนถิ่นฐานไหนก็สมควรจะทำเช่นนี้
กับบางคู่นั้นอาจจะแสดงออกด้วยเงินทองหรือสิ่งของ
และนี่ก็คือการแสดงความรักอย่างลึกสุดใจของกัวเหลียงที่มีต่อหนี่เฟิง
ในตอนนี้ไม่มีใครที่จะกล้าบอกว่ากัวเหลียงนั้นทำตัวอ่อนแอเมื่ออยู่ต่อหน้าหนี่เฟิงอีกต่อไป พวกเขายังมองว่ามันเป็นคำที่ไม่ถูกต้องเสียด้วยซ้ำ
แต่หน้าคนที่เขารัก ชายผู้ที่ไม่ยึดติดในหน้าตาของตนเอง ชายที่ยอมทำตัวเป็นตัวตลกต่อหน้าคนที่รัก ชายผู้นั้นย่อมทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ตนรักนั้นมีความสุข
สำหรับคนเหล่านี้ ความอ่อนแอต่อหน้าคนที่รัก คำดูถูกถากถางจากผู้คนล้วนแล้วแต่ไร้ความหมาย
ตราบใดที่คนรักของพวกเขามีความสุข เขาก็ยินดีที่จะทำ
นี่คือเส้นทางความรักที่เขาตัดสินใจ
เขาไม่ต้องการความเห็นอกเห็นใจของผู้คนในเรื่องนี้
แต่หากว่ามันต้องแลกกับชีวิตของเขา เขาก็ไม่มีท่าทีที่จะหวั่นเกรงหรือหลีกหนีแม้แต่น้อย
ต่อให้พวกเขาจะถูกมองว่าเป็นคนผิดหรือถูกดุด่าจากทุกคน เขาย่อมรู้ดีแก่ใจว่าเขาทำลงไปทำไม
และนี่คือความรักที่ไม่เหมือนใครของเฉินเฉียง
เมื่อกัวเหลียงพูดออกมา หนี่เฟิงเองก็มีท่าทีที่โอนอ่อนลงไปเล็กน้อย แต่เธอก็ยังยืนกรานในความคิดของตนเองและได้พูดปกป้องตนเองออกมา “ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเป็นห่วงข้าและต้องการให้ข้าปลอดภัย”
“แต่เจ้าลืมไปแล้วรึเปล่าว่าเรามาที่นี่เพื่ออะไร”
“พวกเรามีภารกิจที่ต้องทำ เราต้องสิบหาที่อยู่ของร่างของราชาจักรพรรดิทั้งสามอยู่อีกนะ”
“พวกเราจะต้องรู้เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจของที่นี่อีก”
“แล้วถ้าพวกเราไม่ไปข้องแวะกับพวกมันแล้วพวกเราจะรู้เรื่องของพวกมันได้ยังไง”
“ถึงจะต้องการสืบสวนแต่ก็ไม่ต้องเข้าไปคลุกคลีด้วยไม่ใช่รึไงกัน”
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าไอ้ตัวระยำตำบอนนั่นคิดอะไรวางแผนจะทำอะไรกับเจ้า”
“หากจะสืบเรื่องผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตน่ะ มันมีข้อมูลมากมายในสำนักให้เจ้าได้อ่าน”
“ส่วนไอ้เรื่องที่ต้องเข้าไปคลุกคลีนั่นน่ะ มันควรเป็นข้าทำไม่ใช่เจ้า”
“อย่าลืมว่าระดับการบ่มเพาะของข้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้านะ”
“เจ้า ฮึ่ม” หนี่เฟิงจ้องมองไปที่กัวเหลียงอย่างดูแคลนแล้วพูดออกมา “เจ้ายังมีหน้ามาพูดถึงเรื่องนี้อีกรึ หลายเดือนมานี้ขอบเขตเจตจำนงแห่งการต่อสู้ของเจ้านั้นน่ะพึ่งจะปล่อยออกมาได้แค่ฟุตเดียวไม่ใช่รึไงกัน”
เมื่อเริ่มเห็นทั้งสองค่อนแคะใส่กัน เฉินเฉียงก็ได้ยืนขึ้นแล้วยกมือขึ้นห้ามปราม “ศิษย์พี่หนี่ ศิษย์พี่กัว ท่านทั้งสองหยุดก่อนแล้วฟังที่ข้าพูดนะ”
เฉินเฉียงได้พูดออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่นพลางเดินผ่านทุกคนโดยรอบอย่างช้าๆ “ถึงแม้สิ่งที่ศิษย์พี่หนี่เฟิงพูดออกมานั้นจะถูกต้องก็จริง”
“ที่พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มาเที่ยวเล่นแต่มาทำภารกิจ”
“แถมภารกิจในครั้งนี้จะทำให้เราพบเจออันตรายได้ทุกเมื่ออีกด้วย”
“และนี่เองก็เป็นเหตุผลสำคัญอย่างที่สุดที่ข้าไม่อยากให้ทุกคนตามข้ามาที่นี่”
“บนโลกของเรานั้น ต่อให้เราต้องพบเจอการต่อสู้อยู่หลายครั้ง แต่พวกเราก็ยังทำความคุ้นเคยและหาวิธีรับมือศัตรูของพวกเราได้ ตราบใดที่พวกเราฝึกฝนบ่มเพาะอย่างหนัก ต่อให้สู้ไม่ไหวก็ยังหนีออกมาตั้งหลักได้”
“แต่ในโลกปีศาจนี้แตกต่างออกไป”
“ด้วยการที่ข้านั้นมีร่างกายที่พิเศษ ไม่ต้องใส่ใจกับการโจมตีของผู้บ่มเพาะเหล่านี้ แต่กับทุกคนสามารถถูกดูดเลือดจนตกตายร่างกายเหือดแห้งได้ทุกเมื่อเชื่อวัน”
“และด้วยเหตุนี้ ก่อนที่พวกเราจะแยกจากกันไป ข้าก็ได้เตือนทุกคนเอาไว้ว่าให้ระวังสัตว์ปีศาจและผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตไว้เป็นอย่างดี”
“นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำไมศิษย์พี่กัวและข้า ไม่เห็นด้วยกับวิธีการของศิษย์พี่หนี่เฟิงในการเข้าไปคลุกคลีกับพวกมันแบบนี้”
“ศิษย์พี่หนี่เฟิง ข้าต้องขอโทษท่านด้วยจริงๆ แต่ในฐานะที่ท่านเป็นสมาชิกกองกำลังเทียนเว่ย ท่านต้องทำตามคำสั่งข้าในเรื่องนี้และไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอีกไม่ว่าจะยังไงก็ตาม”
หนี่เฟิงได้ยืนขึ้นและเตรียมที่จะระบายความโกรธของตนออกมา แต่ถูกหยุดไว้ด้วยสายตาที่โกรธเคืองยิ่งกว่าของเฉินเฉียง
“ศิษย์พี่หนี่เฟิง หากท่านยังดื้อรั้น อย่าโทษข้าที่ต้องพาท่านกลับไปยังโลกของเราโดยไม่ได้อะไร”
กัวเหลียงที่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดตัดสินของเฉินเฉียงก็รีบพยักหน้ารับและกล่าวคำพูดที่อยุ่ในใจออกมา “ศิษย์น้อง ข้าขอขอบคุณเจ้ามากจริงๆ การมีเจ้าอยู่นี่คือความสุขชั่วชีวิตของข้ายิ่งนัก”
หลังจากนั้นเฉินเฉียงได้หันไปมองดูโดยรอบก่อนที่จะพูดกับกัวเหลียง “ศิษย์พี่กัว ในเมื่อท่านกับพี่หนี่อยู่กลุ่มเดียวกันแล้ว หากพี่หนี่เฟิงยังทำแบบนี้อีกในอนาคต ท่านเพียงส่งข้อความมาบอกข้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วไปได้ แล้วข้าจะรีบพานางกลับไปที่โลกของเรา”
“รับคำสั่ง” กัวเหลียงยืนตัวตรงแล้วตอบกลับอย่างแข็งขัน พลางส่งสายตาไปที่หนี่เฟิง
หนี่เฟิงเองเมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว นางก็ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตายอมรับการตัดสินของเฉินเฉียง อย่างไรก็ตาม เธอก็ได้ถามออกมา “ศิษย์น้อง แล้วเรื่องการสืบสวนเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตล่ะ”
“เรื่องนั้นข้าจัดการเอง แต่หากว่าพี่หนี่อยากรู้เรื่องเกี่ยวกับเรื่องนี้ติดตัวไว้ก็แค่ทำอย่างที่พี่กัวว่า หาอ่านตามหนังสือตำราของสำนักเต๋าก็พอ”
“คนอื่นๆก็เหมือนกัน หากอยากรู้เรื่องนี้มากขึ้น เพียงแค่ไปอ่านหนังสือตำราของแต่ละสำนักเท่านั้น”
“พวกเรามาที่นี่เพื่อสืบสวน ไม่ใช่มามีเรื่องให้ล้มตายอย่างไร้ค่า จะเสี่ยงชีวิตไปทำไมกัน”
“อีกไม่กี่เดือน พวกเราจะพบกันอีกครั้งที่ภาคกลาง และเมื่อถึงตอนนั้น พวกเราต้องหาโอกาสที่จะได้รับสมุนไพรหมุนเวียนเลือดมาให้ได้”
“ตราบใดที่พวกเราได้รับสมุนไพรหมุนเวียนเลือดมา หากว่าทุกคนจะคิดข้องเกี่ยวกับผู้บ่มเพาะบนเส้นทางหุ่นเชิดโลหิตอีกไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ข้าจะไม่ห้ามอีกตอ่ไป”
จางหยวนและพวกพยักหน้ารับ
หากนับจากคำพูดจากร่างวิญญาณของราชาจักรพรรดิทั้งสาม พวกเขาสามารถคงรูปร่างเอาไว้ได้อีกประมาณยี่สิบปีหรือน้อยกว่านั้น
ด้วยช่วงเวลานี้ พวกเขามีเวลามากพอที่จะสืบสวนเรื่องนี้ได้อย่างเต็มที่
แต่เพียงที่ทุกคนทำท่าราวกับเรื่องใหญ่ได้สงบลงจนเริ่มถอดถอนลมหายใจอย่างโล่งอก พวกเขาต่างก็นึกไม่ถึงว่าคำพูดของถัดไปของเฉินเฉียงนี้จะทำให้อารมณ์ของพวกเขาต้องกระเจิดกระเจิงอีกครั้ง