ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก - บทที่ 380 เทียบเคียง
“หลังจากนั้น ยามที่กองกำลังเทียนเว่ยกลับมาจากทะเลแดนใต้ พร้อมกับข่าวการหายไปของพี่ พี่รู้รึเปล่าว่าข้านั้นโศกเศร้าเพียงใดในตอนนั้น”
“ภายหลัง พี่ได้กลับมาปรากฏตัวในงานประลองสี่สำนักได้ราวกับปาฏิหาริย์ แถมยังช่วยชีวิตข้าเอาไว้อีกครั้งอีก”
“ในตอนนั้น ข้ารู้สึกจริงๆนะว่าพี่ใหญ่เฉินเฉียงเป็นเทพอารักษ์คอยคุ้มครองชีวิตข้า”
“ตราบใดที่มีพี่อยู่ ข้าย่อมไม่ต้องพบเจออันตรายใดๆ”
“หลังจากติดตามพี่ไปในเขตแดนจักรพรรดิ พี่ใหญ่ เฉินเฉียงก็ยังคงช่วยข้าไว้ และยินยอมที่จะเผยตัวเองทั้งๆที่เสี่ยงอันตราย”
“หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่น ข้าได้ตัดสินใจไปแล้วว่าข้านั้นจะไม่แต่งงานกับคนนอกจากพี่ใหญ่เฉินเฉียงเพียงผู้เดียว”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ น้ำตาของฉิงเชินก็ได้หลั่งไหลออกมา
เมื่อเห็นฉากนี้ เฉินเฉียงเองยังรู้สึกไม่อาจเอื้อมที่จะทำสิ่งใด ทำได้เพียงกุมมือของฉิงเชินไว้แน่นๆเท่านั้น
“ฮี่ฮี่ฮี่ สวรรค์นี่ก็เหมือนกับจะเล่นตลกกับข้านะ ข้าเกิดมาในครอบครัวที่ดีพร้อม ไหนจะมอบร่างกระจ่างจิตให้ข้า ที่ทำให้แม้แต่คนทั่วไปก็ยังยกย่องสรรเสริญข้าโดยที่ยังไม่ได้ทำสิ่งใดเป็นชิ้นเป็นอัน”
“แต่ก็คงอย่างที่เขาว่ากันว่าโชคชะตาจะรักษาสมดุล คงเป็นไปไม่ได้เลยที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าได้มานั้นจะสวยงามได้ดั่งใจนึกโดยที่ไม่มีสิ่งใดที่ต้องแลกเปลี่ยนไป ซึ่งข้าเองก็เฝ้าถามตนเองมาโดยตลอดว่าข้านั้นแต่งแลกเปลี่ยนสิ่งใดไปกับสิ่งที่ได้รับมา”
“และเพียงแค่คิดว่าจะได้มีความสุขไปชั่วชีวิต ข้าก็ต้องพบเรื่องที่น่าสะพรึงที่ข้าไม่คิดจะอยากรับรู้มาก่อนในชีวิต”
“ข้านั้นทำอะไรไม่ถูกจริงๆเมื่อได้ยินว่าพี่นั้นบอกออกมาว่าพ่อของข้าทำร้ายลุงเฉิน”
“ข้ายังคิดอยู่เลยนะว่ามันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะว่าพ่อของข้านั้นพร่ำบอกข้าเสมอมาว่าลุงเฉินนั้นมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตท่านมาตั้งแต่ข้ายังตัวเล็กตัวน้อย”
“ไม่เพียงเท่านั้น ท่านยังป่าวประกาศเรื่องนี้ให้รับรู้กันทั่วในตึกจอมพลเหมันต์จันทราเสียอีก”
“ที่แย่ไปกว่านั้นคือตอนที่พี่สาวหยานเสวี่ยได้ชี้หน้ากล่าวหาท่านพ่อในงานวันแต่งงานของข้า ข้ายังคิดว่าพี่สาวหยานเสวี่ยอิจฉาข้าที่ได้แต่งงานกับท่าน เธอจึงกุเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อขัดขวางการครองคู่ของสองเรา”
“แต่มีอยู่หนหนึ่งที่พ่อของข้าละเมอเรื่องนี้ออกมา ทำให้ข้าไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง แม้มันจะเป็นความจริงที่โหดร้ายขนาดไหนก็ตาม”
“ใช่ ตอนนั้นข้ารับรู้อยู่ก่อนแล้วว่าพ่อของข้าทำร้ายลุงเฉิน และมีเพียงวิธีการนั้นเท่านั้นที่จะทำให้เขารอดชีวิตมาได้”
ฉิงเชินได้ก้มหน้าของตนพร้อมสีหน้าที่เจ็บปวด จนทำให้น้ำตาของเธอหยดลงบนชายกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ประดุจหิมะของเธอ
“ถึงจะรู้แบบนั้น แต่ข้าก็ยังงี่เง่าพอที่จะคิดว่าตราบใดที่พี่เฉินเฉียงนั้นสามารถแต่งงานกับข้าได้ ความแค้นของคนรุ่นก่อนจะสามารถเจือจางลงบ้าง”
“เฮ้ออออ ข้านั้นคิดตื้นไปจริงๆ หากพี่ใหญ่ฉินเฉียงสามารถสลายความแค้นของคนรุ่นก่อนได้เพียงเพราะข้า แล้วพี่จะใช่คนที่ข้าชื่นชอบได้อย่างไร”
“เพียงแต่…เพียง…พี่ใหญ่เฉินเฉียง หากเปลี่ยนเป็นข้าแทนที่ท่านแล้วทำเพียงแค่ทำลายการบ่มเพาะของพ่อข้า ข้าเองจะทำเช่นท่านได้รึเปล่าก็ยังไม่รู้เลย”
“ฉิงเชิน….ข้าขอโทษ” เมื่อเห็นท่าทางของเว่ยฉิงเชินและดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เฉินเฉียงอยากจะพูดอะไรออกมาอยู่มากมาย แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงพูดออกมาสองคำ
เว่ยฉิงเชินส่ายใบหน้าที่เศร้าสร้อยไปมา “พี่ใหญ่ เฉินเฉียง ข้าไม่โทษท่านหรอก”
“เพียงแต่ในตอนนั้นเรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมากจนข้าไม่อาจตั้งตัวได้ทัน”
“แต่ในช่วงหนึ่งปีมานี้ อาจด้วยเพราะการบ่มเพาะของท่านพ่อข้าถูกทำลายไปแล้ว ทำให้ท่าทางและอุปนิสัยของท่านได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาทำตัวราวกับยอมรับความตายที่ต้องเผชิญในมาช้าแล้วด้วยซ้ำ”
“ข้าเชื่อว่าต่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่เป็นเช่นนี้ ท่านก็พอใจมากแล้ว”
“แต่ในฐานะที่ข้าเป็นลูกสาว หากจะให้ข้าทำเป็นไม่สนใจท่าน ข้าเองก็คงไม่อาจทำได้”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เว่ยฉิงเชินได้หันหน้ามาหาเฉินเฉียงพลางกะพริบตาที่กลมโตสวยใสปริบๆ แล้วถามออกมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง พี่สาวหยานเสวี่ย….นาง…เป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อออออ” เฉินเฉียงถึงกับต้องคิดไปไกลในทันที เขาไม่คิดว่าฉิงเชินอยู่ๆจะถามถึงเรื่องของหยานเสวี่ยแบบนี้ หลังนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง เขาก็ได้เกาจมูกพลางพยักหน้าออกมา “อื้ม ก็ดีอยู่ ตอนที่เราอยู่ในโลกปีศาจ พวกข้าได้ใช้ชีวิตอยู่ในสำนักเต๋าแห่งหนึ่งด้วยกันอยู่”
“ถ้าอย่างนั้นพี่สาวหยานเสวี่ยรู้รึเปล่าว่าท่านกลับมาเนี่ย”
“รู้สิ เธอรู้ว่าข้ากลับมาเพื่อมาพบเจ้าด้วยซ้ำ”
“มาพบข้า” เมื่อฉิงเชินได้ยินแบบนี้ก็ได้มองเฉินเฉียงพร้อมกับยิ้มละไมออกมา
“พี่ใหญ่เฉินเฉียง ท่านต้องเอาใจใส่พี่สาวหยานเสวี่ยให้ดีนา นางเองก็ช่วยชีวิตท่านมาหลายครั้งหลายหน ไม่ว่ายังไงพี่สาวหยานเสวี่ยก็เป็นผู้หญิงที่ดีแน่นอน”
เมื่อพูดจบ เว่ยฉิงเชินก็ค่อยๆแกะมือของเฉินเฉียงออกอย่างช้าๆ ก่อนที่จะสวมกอดไปที่แขนของเฉินเฉียงแล้วหันไปมองยังม่านหมอกสีแดง พร้อมกับกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ที่ปลิวไสวต้องลม
ด้วยรอยยิ้มนี้ ดูเหมือนว่าเว่ยฉิงเชินจะอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่จะถูหัวของเธอไปมาบนแขนของเฉินเฉียงแล้วถามออกมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง ข้าสวยรึเปล่า”
“สวยสิ เจ้าสวยงามเสมอในทุกๆครั้งที่ได้พบเจอ”
เฉินเฉียงยืนยืดอกพูดออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉิงเชินหยุดหัวของเธอก่อนจะก้มลงมองชุดสีขาวที่กำลังสวมอยู่บนร่าง ก่อนที่จะถอนลมหายใจประหนึ่งดั่งเซ็งในอารมณ์ “เฮ้อออ ตั้งนานแล้วที่ข้าไม่ได้สวมชุดนี้ ดูเหมือนว่านับจากนี้ข้าคงไม่ได้สวมมันอีกแล้วล่ะ”
“ฉิงเชิน ข้า….”
เฉินเฉียงได้มองกลับไปที่เว่ยฉิงเชินในทันที แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาจึงไม่สามารถจะพูดสิ่งใดออกไปได้ ทำได้เพียงเงียบงันและมองเว่ยฉิงเชินได้เพียงแค่ทำตาปริบๆ
เว่ยฉิงเชินนั้นไม่ได้สนใจท่าทางของเฉินเฉียงในตอนนี้ แต่กลับถามออกมาอย่างมีความสุข “พี่ใหญ่เฉินเฉียง ระดับการบ่มเพาะของพี่ไปถึงไหนแล้วน่ะ”
“เอ้อ แค่ระดับราชาขุนพลขั้นต้นน่ะ” เฉินเฉียงพูดออกมาตามตรง
“ฮี่ฮี่ฮี่ ถ้าอย่างนั้นท่านต้องพยายามอีกหน่อยนา ข้าในตอนนี้กลายเป็นราชาขุนพลขั้นสูงแล้วนะ”
“เอ้อ ใช่สิ พี่ใหญ่เฉินเฉียง ข้าขอเข้าไปดูโลกใบเล็กของท่านหน่อยได้รึเปล่า”
เฉินเฉียงพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเปิดช่องทางเข้าโลกใบเล็กของตนและพาเว่ยฉิงเชินเข้าไป
หลังจากเว่ยฉิงเชินเข้าไปในโลกใบเล็กของเฉินเฉียงแล้ว เธอก็ได้บินไปโดยรอบในทันที
โลกใบเล็กของเฉินเฉียงนั้นมีขนาดพื้นที่ประมาณหนึ่งพันตารางกิโลเมตรซึ่งใหญ่กว่าของราชาขุนพลขั้นสูงเสียอีก ส่วนใหญ่แล้วมันเป็นโลกใบเล็กของเฉินเทียนเว่ยที่เฉินเฉียงได้ดูดซับมา
และด้วยความเร็วของเว่ยฉิงเชินในตอนนี้ เพียงไม่นาน เธอก็ไปได้ทั่วทั้งโลกใบเล็กของเฉินเฉียง
แต่ก่อนที่จะสุดทางนั้น เว่ยฉิงเชินได้หยุดการบินลงเพราะได้เห็นหลุมศพสองหลุมที่ตั้งอยู่เคียงข้างกันที่จุดนี้
เฉินเฉียงเองที่ได้ส่งกระแสจิตของตนมาตามหลังฉิงเชินนั้น ย่อมรับรู้ได้ถึงการกระทำของเธอ
เว่ยฉิงเชินได้ยืนอยู่อย่างนิ่งเงียบที่หน้าหลุมศพของ เฉินเทียนเว่ย ก่อนที่จะยกชายกระโปรงขึ้นแล้วคุกเข่าลงไป
หลังจากผ่านไปสักพัก เธอก็ได้ยืนขึ้นและบินกลับมาที่ทางเข้า
“พี่ใหญ่เฉินเฉียง ให้ข้าออกไปได้แล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินเฉียงก็ได้เปิดทางเข้าโลกใบเล็กของตนแล้วปล่อยให้ฉิงเชินออกมา
หลังจากที่ออกมาแล้ว ฉิงเชินทำท่ายักคิ้วหลิ่วตาก่อนจะพูดออกมา “พี่ใหญ่เฉินเฉียง โลกใบเล็กของพี่ที่เป็นราชาขุนพลขั้นต้นทำไมมันใหญ่เกือบเท่ากับโลกใบเล็กของข้าที่อยู่ในระดับราชาขุนพลขั้นสูงเลย บอกมาดีกว่าว่าพี่น่ะอยู่ขั้นปลายแล้ว และถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทำไมเราไม่มาประมือกันสักหน่อยล่ะ”
เฉินเฉียงที่ได้ยินก็เผยรอยยิ้ม พร้อมกับสายตาที่น่าพิศวงออกมาจากในดวงตา
“เจ้าคิดจะประลองกับข้าจริงๆรึ”
“แหงสิ กลัวเหรอ”
“เหอเหอเหอ จะน่ากลัวได้ยังไงกัน เอาอย่างนี้ ข้าบอกได้เลยนะว่าต่อให้ข้ายืนอยู่เฉยๆ การโจมตีของเจ้านั้นไม่ว่าจะรูปแบบไหนรุนแรงเพียงใดก็ไม่อาจสัมผัสตัวข้าได้แม้แต่น้อย”
“ฮึ่มมมม ไม่จริง ข้าไม่เชื่อ” ฉิงเชินในตอนนี้เม้มปากขึ้นมาในทันที ก่อนที่จะยกหมัดน้อยๆของเธอขึ้นมา
“หากไม่เชื่อก็เข้ามาลองดูได้นะ”
“ฮึ ข้าต้องลองอยู่แล้ว”
เมื่อพูดจบ ฉิงเชินก็ปล่อยหมัดหนึ่งพุ่งตรงไปยิงเฉินเฉียง