ผมถูกแฟนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กนอกใจและถูกไส่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นห่วงผมกลับเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 205 ข้อแก้ตัว
—มุมมองของหัวหน้าชมรม ทาจิบานะ—
ฉันพยายามคิดหาข้อแก้ตัวอย่างสุดชีวิต
ในห้องขังเย็นยะเยือก ที่มีคนจับตามองฉันตลอดเวลา
ฉันเริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองจะเสียสติ แต่ฉันไม่มีทางหนีไปจากสถานการณ์นี้ได้ ถ้าฉันไม่เอาตัวรอดจากตรงนี้ให้ได้ ชีวิตฉันคงจบสิ้นลงแน่นอน
ฉันต้องทำอะไรสักอย่าง
ฉันต้องการข้อแก้ตัวที่จะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ฉลาดเป็นกรดคนนั้นต้องเงียบลง
“ฉันต้องทำให้ได้ ฉันต้องหาทางออกให้ได้”
ฉันพึมพำกับตัวเอง แต่ผู้คุมที่ได้ยินกลับเตือนฉันให้ “เงียบหน่อย”
ฉันได้แต่พยักหน้าอย่างเชื่องช้าเหมือนซอมบี้
—————
“ว่าไง ทาจิบานะซัง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม? หรือว่านอนคิดแต่ข้อแก้ตัวจนหลับไม่ลง?”
เขาพูดพร้อมกับยิ้มอย่างคนที่ตั้งใจจะยั่วโมโห
อย่าไปตามเกมของเขาเด็ดขาด
ฉันรู้สึกเหมือนเขาจะควบคุมจังหวะของการสนทนาเอาไว้ได้เสมอ
“คุณทำแบบนี้ได้ยังไง? จับผิดคนทั้งที่ยังไม่มีหลักฐานแน่นอน คุณรู้จักหลักการ ‘ข้อสงสัยต้องไม่ถูกลงโทษ’ ไหมคะ?”
“อ๋อ ผมรู้อยู่แล้ว ผมเป็นข้าราชการใช่ไหม? แน่นอนว่าผ่านการสอบกฎหมายมาอย่างดี”
ไม่ไหวแล้ว ถ้าฉันเผลอพูดอะไรผิดพลาดไป เขาจะใช้จุดนั้นโจมตีทันที
ฉันพยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นลง
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยปฏิบัติต่อฉันด้วยหลักการนั้นด้วยสิคะ”
“ได้เลย ผมกำลังทำการสืบสวนอย่างเป็นกลางและมีเหตุผลอยู่ และผลลัพธ์ที่ได้ก็นำไปสู่ข้อสรุปที่ว่า คุณกำลังโกหก”
“หรือว่านี่เป็นความเข้าใจผิดจากมุมมองของคุณเอง?”
“อาจจะใช่นะ งั้นเรามาเริ่มกันต่อเลยดีไหม?”
และแล้ว การต่อสู้ครั้งใหม่ก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
“ขอถามนะ เรื่องการโจมตีอิเคโนบุ เอริซัง คุณเป็นคนปลุกปั่นให้มัตสึดะซังและสมาชิกชมรมฟุตบอลทำเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ทุกอย่างเป็นการกระทำของมัตสึดะซังเอง”
“งั้นเหรอ แต่กล้องวงจรปิดที่ผมพูดถึงเมื่อวาน ตรวจสอบเสร็จแล้วนะ รอบสวนสาธารณะที่มัตสึดะซังและสมาชิกชมรมฟุตบอลเจอกัน มีภาพเด็กผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายคุณมากเลยนะ นี่คือภาพนั้น”
มาแล้วสินะ
แต่ฉันเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้ไว้แล้ว
“นั่นไม่ใช่ฉันค่ะ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ เสื้อผ้าก็เป็นแบบที่คนทั่วไปซื้อได้ง่ายๆ ที่ร้านขายของทั่วไป ใบหน้าก็ไม่ชัดเจนพอ แบบนี้มันฟังดูเหมือนข้อกล่าวหาลอยๆ เลยนะคะ”
ฉันตั้งใจใส่เสื้อผ้าธรรมดาที่ซื้อมาจากร้านแถวบ้าน และยังใส่หน้ากากเพื่อปกปิดตัวตน นี่ควรจะทำให้เขาไม่มีหลักฐานเพียงพอ
“อ๋อ ใช่ครับ คุณพูดถูก แต่คุณนี่เก่งมากนะครับ”
ฉันหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว เขากำลังล่อให้ฉันพูดอะไรออกไปหรือเปล่า?
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“ผมแค่ทึ่งน่ะครับ ที่คุณมองไกลขนาดนี้แล้วยังบอกได้ว่าเสื้อผ้านั้นเป็นแบบที่หาซื้อได้ทั่วไปที่ร้านขายของ มันต้องคนที่คุ้นเคยกับมันจริงๆ ถึงจะรู้ หรือว่า…เพราะคุณเป็นคนใส่มันเองล่ะ?”
“ก็แค่บังเอิญเห็นร้านขายเสื้อผ้าข้างบ้านขายเสื้อแบบเดียวกันก็เลยพูดไปค่ะ”
“โอ้ บังเอิญอีกแล้วเหรอ? บังเอิญจริงๆ นะเนี่ย”
ไอ้คนเจ้าเล่ห์นี่ เขาเล่นแง่กับทุกคำที่ฉันพูด
“ฉันไม่รู้จริงๆ เพราะมันคือความจริง”
“ครับๆ แต่ผมมีอีกเรื่องที่อยากถามนะ รองเท้าแตะที่ยึดมาได้จากบ้านคุณ มีเศษใบไม้ติดอยู่เล็กน้อย มันเป็นพืชชนิดพิเศษที่พบได้แค่บริเวณสวนสาธารณะนั้น คุณจำได้ไหมว่ามันมาอยู่ในรองเท้าของคุณได้ยังไง?”
แย่แล้ว ฉันเริ่มเหงื่อแตก
“ฉัน…ฉันอยู่ใกล้สวนสาธารณะ ไปที่นั่นบ้างก็ไม่แปลก”
“อ๋อ ใช่ครับ แต่ปกติใบไม้จะติดรองเท้าได้แค่ตอนที่เดินเข้าไปในพุ่มไม้ลึกๆ ไม่ใช่เหรอ? แต่คุณเป็นเด็กมัธยม จะไปซ่อนตัวในพุ่มไม้ทำไมกัน? หรือว่าคุณไปเล่นซ่อนแอบ?”
“ฉันบอกแล้วไงว่า ฉันไม่รู้เรื่อง!!”
“อย่าโกรธสิครับ ผมก็แค่ทำงานของผม เอาล่ะ ขอถามอีกคำถาม คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาการกลั่นแกล้งอาโอโนะ เออิจิคุง ใช่ไหม?”
ทำไมเขาถึงไม่ยอมเลิกถามสักที!
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปกลั่นแกล้งเออิจิคุงเลย”
ใช่ เหตุผลสำคัญมาก ถ้าเขาหาเหตุผลไม่ได้ ข้อกล่าวหาก็จะอ่อนลง
“อ๋อ เหตุผลเหรอ? ก็จริงนะ แต่ถึงไม่มีเหตุผล ถ้าหลักฐานแน่นหนาพอ มันก็ไม่มีผลอะไรอยู่ดี และแน่นอนว่าเราตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วล่ะ”
ฉันรู้สึกเหมือนทุกทางออกถูกปิดกั้นไปหมด
“คุณหมายความว่ายังไง?”
“อยากรู้เหรอ? แต่ถ้าคุณฟัง คุณอาจจะไม่มีทางหนีอีกต่อไปนะ”
เขายิ้มราวกับนักล่าที่ล่าเหยื่อจนติดกับแล้ว
TLN: คุณตำรวจชื่อไรนะ โยฮั—