ผมถูกแฟนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กนอกใจและถูกไส่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นห่วงผมกลับเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 198 ในสวน
หลังจากหนังจบ พวกเรายังคงจับมือกันแน่น ไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยมืออีกต่อไป
แรก ๆ อาจจะยังเขินอาย แต่ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่การจับมือกันกลายเป็นเรื่องธรรมดาของเรา
เราสองคนเดินเล่นในสวนที่เป็นฉากหนึ่งในหนังซึ่งอยู่ใกล้โรงภาพยนตร์ วันนี้อากาศแจ่มใส ต่างจากในหนังที่มีแต่ฝน คนมากมายจึงมาที่นี่เพื่อเดินเล่น
“ธรรมชาติกลางเมืองมันให้ความรู้สึกแปลกดีนะคะ ออกไปนอกสวนก็มีแต่ตึกเต็มไปหมด แต่ที่นี่กลับเหมือนถูกตัดขาดจากเวลา”
เรานั่งที่ม้านั่งในสวน ซึ่งเป็นฉากหนึ่งในหนัง พร้อมพูดคุยกัน
“ฉันดีใจนะคะ ที่รุ่นพี่จับมือตอบกลับมา”
เธอพูดพลางยกมือที่จับกันอยู่ขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อยด้วยความเขิน เช่นเดียวกับฉัน
“ก็ฉันอยากจับนี่”
ฉันตอบอย่างตรงไปตรงมา เธอจึงยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม “รุ่นพี่นี่นะ…” เธอพูดเสียงเบา ความเขินอายทำให้เธอดูน่ารักจนฉันเผลอยิ้มออกมา
“คราวหน้าเราไปปิกนิกกันดีไหม?”
เมื่อฉันพูด เธอตอบกลับด้วยเสียงสดใส “ค่ะ!”
“แต่ฉันไม่กล้าทำข้าวกล่องให้รุ่นพี่เลยค่ะ เพราะอาหารที่บ้านรุ่นพี่มีเชฟมืออาชีพทำให้นี่คะ”
“เหรอ? ฉันนึกว่าอิจิโจซังทำได้ทุกอย่างเสียอีก”
“อย่าพูดเหมือนคนอื่นเลยค่ะ มันกดดันนะคะ ฉันถนัดแค่พวกอาหารบ้าน ๆ อย่างพวกต้ม ๆ แค่นั้นค่ะ แต่รุ่นพี่ที่กินอาหารฝีมือเชฟทุกวัน ฉันว่ามันยากนะคะที่จะทำให้รุ่นพี่ประทับใจ อีกอย่าง รุ่นพี่เองก็ทำอาหารได้ใช่ไหมล่ะ คุณแม่ของรุ่นพี่เคยพูดไว้นี่คะ”
“อืม พอทำได้บ้างแหละ เพราะพ่อแม่ฉันทำงานทั้งคู่ เลยต้องหัดทำเองบ้าง แต่เทียบกับพี่ชายฉันไม่ได้เลย ของฉันมันเหมือนเล่นสนุกมากกว่า”
ถึงอย่างนั้น พี่ชายก็ยังชอบกินอาหารง่าย ๆ อย่างข้าวผัดหรือยากิโซบะที่ฉันทำให้
“ดูสิคะ รุ่นพี่ทำอาหารได้จริง ๆ ด้วย”
“แต่ถ้าเป็นอาหารที่อิจิโจซังทำให้ฉัน ฉันมั่นใจเลยว่าต้องซึ้งจนน้ำตาไหลแน่ ๆ”
“รุ่นพี่นี่ชอบพูดอะไรแปลก ๆ นะคะ” เธอหัวเราะอย่างอ่อนโยน
“งั้นฉันทำข้าวกล่องมาแลกกับเธอ เราสลับกับกินกันดีไหม?”
“ก็น่าสนุกดีนะคะ” เธอตอบกลับเหมือนเด็กที่ไม่อยากแพ้
“ตกลงตามนั้นนะ”
พวกเราสัญญากัน
“รุ่นพี่คะ ถ้าฉันทำข้าวกล่องมา รุ่นพี่ช่วยทำตามคำขอของฉันได้ไหม?”
เธอพูดด้วยท่าทางเขินอายเหมือนสัตว์เล็ก ๆ ต่างจากความมั่นใจในแบบปกติของเธอ
“ขออะไรเหรอ?”
ไม่ว่าอะไร ฉันก็พร้อมรับฟัง ฉันจ้องตาเธออย่างตั้งใจ
“คือว่า… ขอแค่ตอนเดินไปคาเฟ่ได้ไหมคะ?”
เธอพูดอ้อม ๆ ไม่ตรงประเด็นเหมือนทุกที ดูท่าว่าจะเกร็งไม่น้อย
“อืม ได้สิ”
“ช่วยจับนิ้วก้อยฉันไว้ได้ไหมคะ?”
คำขอที่น่ารักทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นใจ
ปกติฉันจะตอบตกลงทันทีแล้วปล่อยให้เธอจัดการความรู้สึกตัวเอง แต่ครั้งนี้ ฉันอยากแกล้งเธอเล็กน้อย
“ได้สิ”
“เอ๊ะ!? งั้น ขอเวลาเตรียมใจหน่อยค่ะ…”
“แต่เธอเป็นคนพูดขึ้นมาเองไม่ใช่เหรอ?”
ฉันปล่อยมือเธอแล้วจับใหม่แบบประสานนิ้ว
เธออึ้งเล็กน้อย ก่อนจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“ขะ ขอบคุณค่ะ…”
เธอหน้าแดงขึ้นอีก
“แบบนี้ดีไหม?”
“ค่ะ…”
ถึงแม้จะเขินจนตัวสั่น แต่เธอก็จับมือฉันแน่น เหมือนไม่อยากปล่อย
“ไปกันเถอะ”
เราค่อย ๆ เดินไปที่คาเฟ่ โดยที่ฉันปรับจังหวะการเดินให้เข้ากับเธอ
“ขอบคุณเสมอนะคะ รุ่นพี่”
“หืม?”
“พี่ปรับจังหวะเดินให้ฉันทุกครั้งเลยใช่ไหมคะ?”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงเขินอายโดยไม่มองหน้าฉัน
“ใช่”
บรรยากาศทำให้ฉันเองก็เขินเหมือนกัน
“รู้ไหมคะ? แม่ฉันเคยบอกว่าผู้ชายที่ปรับจังหวะเดินให้ผู้หญิงในเดท จะเป็นคนรักครอบครัวในอนาคต เพราะงั้นอย่าปล่อยเขาไปเด็ดขาด”
ฉันโดนโต้กลับอย่างจัง ทำเอาเขินไปไม่เป็น
แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ตัวว่าพูดอะไรออกมา บางทีตอนเธอทบทวนคำพูดของตัวเองทีหลัง เธอคงจะอายยิ่งกว่านี้
เพราะสิ่งที่เธอพูด มันเหมือนเป็นคำสัญญาว่าเธอจะอยู่เคียงข้างฉันตลอดไป