ผมถูกแฟนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กนอกใจและถูกไส่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นห่วงผมกลับเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน - ตอนที่ 118 ความภาคภูมิของหัวหน้าชมรมที่พังทลาย
- Home
- ผมถูกแฟนที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กนอกใจและถูกไส่ร้าย แต่ถึงอย่างนั้น คนที่เป็นห่วงผมกลับเป็นสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน
- ตอนที่ 118 ความภาคภูมิของหัวหน้าชมรมที่พังทลาย
—มุมมองหัวหน้าชมรม—
ฉันตามอาโอโนะคุงเข้าไปในร้านคาเฟ่
ที่นั่งในร้านค่อนข้างว่าง ฉันจึงเลือกที่นั่งใกล้เขาเพื่อฟังบทสนทนาโดยไม่ให้เขารู้ตัว พร้อมสั่งแซนด์วิชกับกาแฟดำมา แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะกินมันลงหรือเปล่าในสภาพจิตใจแบบนี้
สักพัก มีชายหนุ่มรูปร่างผอม ใส่แว่น เดินเข้ามานั่งที่โต๊ะของอาโอโนะคุง น่าจะอายุประมาณ 20 ต้นๆ เขาสั่งกาแฟเย็นเพียงแก้วเดียว และเริ่มพูดอย่างตื่นเต้น
“ขอโทษที่ทำให้รอนะครับ คุณอาโอโนะ ผมชื่อโนกิ เป็นบรรณาธิการจากสำนักพิมพ์ ○○ วันนี้ต้องขอบคุณมากๆ ที่สละเวลามาพบผม แต่บอกตรงๆ ว่าไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณเป็นนักเรียนมัธยมปลาย แถมยังเขียนผลงานได้ขนาดนั้นอีก ผมประทับใจจริงๆ”
ชายหนุ่มในชุดสูทพูดอย่างกระตือรือร้น ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นการประชุมงานกับบรรณาธิการ ซึ่งดูท่าจะประทับใจในตัวเขามาก
“ไม่ครับ ผมต่างหากที่มาถึงก่อนเวลานัดเอง”
“โธ่ ขอโทษจริงๆ ครับ ผมตื่นเต้นจนอดใจไม่ไหว อยากมาพบคุณให้เร็วที่สุดแท้ๆ สุดท้ายกลับมาสายเสียเอง น่าอายจริงๆ”
จากท่าทีที่บรรณาธิการให้เกียรติขนาดนี้ ทำให้ฉันเห็นได้ชัดว่าเขาให้ความสำคัญกับอาโอโนะคุงมาก
“ผมก็รู้สึกประหม่าเหมือนกันครับ”
“ใช่เลย ฮ่าๆ แต่ผมในฐานะผู้ใหญ่ต้องควบคุมตัวเองให้ดีกว่านี้สินะ จริงๆ ผมยังเป็นคนที่อายุน้อยในกองบรรณาธิการ แต่ต้องบอกเลยว่าเรื่องที่คุณเขียนไว้นั้นสร้างความประทับใจให้กับทีมงานทุกคนมาก โดยเฉพาะหัวหน้าบรรณาธิการ เขาชื่นชมมากเลยล่ะครับ งานเขียนของคุณมันทั้งสดใหม่ อ่อนเยาว์ และสามารถดึงอารมณ์ผู้อ่านให้ทั้งร้องไห้และยิ้มได้ในเวลาเดียวกัน บอกตรงๆ ว่าไม่ค่อยเจองานแบบนี้บนเว็บที่เน้นแฟนตาซีต่างโลกเลย แต่คุณทำให้งานแนวเล็กๆ แบบนี้ขึ้นติดอันดับสูงสุดได้ แสดงว่าคุณคือเพชรเม็ดงามที่หายากมาก ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับคุณ”
คำพูดเหล่านั้นฟังดูเหมือนคำเยินยอที่ทำให้ฟันสั่น ฉันนั่งนิ่ง ไม่แม้แต่จะแตะอาหารที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ
“มันเป็นแค่โชคดีของผมเองครับ”
แม้อาโอโนะคุงจะปฏิเสธด้วยความถ่อมตัว แต่สำหรับฉันมันกลับฟังดูเหมือนคำพูดที่เย้ยหยัน
“ไม่เลยครับ คุณอาโอโนะ คุณมีแฟนๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่เพราะโชค แต่เพราะฝีมือของคุณ ส่วนงานเขียนของคนอื่นที่พยายามเลียนแบบคุณก็ยังไม่สามารถดึงดูดคนได้ เช่น งานของนักเขียนที่ใช้นามปากกาว่า ‘ทาจิบานะ’ ผลงานของเขามีการเขียนที่ดีนะครับ อาจจะลื่นไหลกว่าคุณด้วยซ้ำ แต่เนื้อหายังขาดความเป็นเอกลักษณ์ เลยกลายเป็นแค่สำเนาที่ด้อยคุณภาพ”
หัวใจฉันหล่นวูบ นั่นคือนิยายที่ฉันเพิ่งอัปโหลดไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน
“แต่ต้องบอกตรงๆ เลยนะครับ คุณอาโอโนะ งานของคุณมีความโดดเด่นมากจนไม่มีใครเลียนแบบได้เลย”
คำพูดของบรรณาธิการเปรียบเหมือนดาบที่แทงลึกลงไปในใจของฉัน ฉันถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ “สำเนาที่ด้อยคุณภาพ”
ความอับอายแล่นเข้ามาในอกจนฉันรู้สึกอยากร้องไห้ ที่ผ่านมา ฉันพยายามทำทุกอย่างเพื่อบดขยี้เขา แต่ตอนนี้กลับเห็นความต่างระหว่างฉันกับเขาที่กว้างเกินจะทดแทนได้
“ขอบคุณมากครับ”
อาโอโนะคุงตอบอย่างเขินอาย
“อีกเรื่องครับ เกี่ยวกับงานเขียนที่คุณส่งมาเพื่อรวมเล่ม ผมกับหัวหน้าบรรณาธิการตกลงกันว่าอยากให้คุณเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ แต่ไม่ใช่แค่นั้น เราอยากทำหนังสือที่รวบรวมเฉพาะงานของคุณแยกออกมาต่างหาก มันจะเป็นโปรเจกต์ที่พิเศษมากสำหรับเรา”
ประโยคนั้นเหมือนคำพิพากษาที่ตอกย้ำความพ่ายแพ้ของฉัน
ความจริงที่ว่าเขามีพรสวรรค์เหนือกว่าฉันอย่างไม่มีข้อโต้แย้งมันทำให้ฉันรู้สึกสิ้นหวัง
ฉันเริ่มคิดแผนการบางอย่าง เช่น การใส่ร้ายสำนักพิมพ์ หรือพยายามบ่อนทำลายเขา แต่ทันใดนั้น ฉันก็รู้สึกตัวว่าฉันตกต่ำขนาดไหน ความคิดเหล่านั้นแสดงให้เห็นว่าฉันยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว
ฉันกัดแซนด์วิชที่เค็มเพราะน้ำตาของตัวเองอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะรีบจ่ายเงินและออกจากร้านอย่างเงียบๆ
สิ่งที่ฉันไม่รู้เลยในตอนนั้นคือ การตัดสินใจนี้จะนำฉันไปสู่ความพินาศที่ไม่อาจหวนคืนได้