ผมตื่นขึ้นมาควบคุมยานอวกาศที่แข็งแกร่งที่สุด ผมเลยเป็นทหารรับจ้างอวกาศ — I Woke Up Piloting the Strongest Starship, so I Became a Space Mercenary - ตอนที่ 325 เดทกับคูกิ
มันเป็นสองสามวันตั้งแต่ทีน่าและวิสเกรอ์เข้ามาเป็นลูกเรือของกลุ่มแปลก
เอ๋? อะไรเกิดขึ้นหลังเราคุย? เรากินอาหารและผมถูกบังคับให้ดื่มเหล้าโดยทั้งสองเพราะเราฉลลอง
เมื่อผมกลับมามีสติ สามเราอยู่ใน 『พื้นที่พัก』 ใกล้ร้านอาหาร
อืม นั่นส่วนหนึ่งที่ผมจำได้
แม้อย่างนั้น สองสาวร้ายต้องได้รับการลงโทษบ้าง และดังนั้นเอง ผม ‘สั่งสอน’ พวกเธอนานอยู่
“เรามีอะไรสำคัญต้องทำมั้ยวันนี้?”
หลังจากกินข้าวเช้ากับทุกคนและแต่งตัวดี ผมเรียกหาเมย์
“เราได้รับการติดต่อมาจากร้านเกราะพิเศษ มันดูเหมือนเกราะพลังจักรกลเสร็จแล้วค่ะนายท่าน”
“ถ้าอย่างนั้น เราต้องไปรับมันวันนี้สินะ”
มีมี่ผู้ได้ยินเมย์รายงาน พูดไปยิ้มไป
สามวันที่ผ่านมานี้ผมพาเอลม่า, เมย์, และมีมี่ไปเดทเรียงลำดับตามนั้น พูดอีกอย่าง เมื่อวานเป็นรอบมีมี่ เรากินข้าวข้างนอก, เดินด้วยกัน, ดูพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ, และแค่จีบกันเป็นส่วนใหญ่ นั่นทำไมมีมี่อยู่ในอารมณ์ดีวันนี้”
“งั้นมันรอบคูกิจังวันนี้ถูกมั้ย?”
“หนูเหรอ?”
คูกิตอบสนองคำพูดทีน่าและมีสีหน้าตกใจยกหูสุนัขจิ้งจอก
“ถูกแล้ว บอสเดทเราเรียงกันมันเลยได้ตาเธอแล้วล่ะ”
“สุดท้ายเธอเป็นคนสุดท้าย แต่เพราะเราต้องยุติธรรมกับอะไรแบบนี้ล่ะนะ”
เอลม่าพูดต่อจากทีน่า เมย์ไร้สีหน้าเหมือนเคย ทำให้อ่านความรู้สึกเธอยาก แต่ถ้าเธอคัดค้าน เธอจะพูดออกมาตรงๆแล้ว และเพราะเธอไม่คัดค้าน มันดูเหมือนเธอไม่มีปัญหากับมัน วิสเกอร์กับมีมี่พยักหน้า เลยไม่มีใครคัดค้านการเดทกับยูกิ
“หนูเข้าใจ งั้นหนูจะไปด้วยกับท่านวันนี้ท่านลอร์ดของหนู”
“ใช่ ไปสนุกกัน”
ผมตอบคูกิและชำเลืองเอลม่าเร็วๆ เอลม่าพยักหน้าตอบ ผมชำเลืองทางเมย์ต่อ และเธอก็พยักหน้ากลับมาเหมือนกัน สำหรับตอนนี้ หลังจากอยู่ด้วยกันนานแล้ว มันดูเหมือนสาวๆตัดสินใจว่าคูกิไม่อันตราย ผมจะไม่พูดว่าพวกเธอสรุปกันเร็วไป แต่ผมยังต้องมีมาตรการเหมาะสมกันไว้ก่อน
สำหรับตอนนี้ ผมบอกตัวเองว่าให้พยายามมากที่สุดเพื่่อไม่ไปเกี่ยวกับปัญหาระหว่างเราไปเดท
ผมแต่งตัวปรกติของผม – แจ็คเก็ทหนา ปืนเลเซอร์ที่ไว้วางใจ และดาบ – แล้วออกจากโรงแรมกับคูกิ
“อย่างแรก ไปร้านเกราะเพื่อรับของที่สั่งเถอะ”
“ได้ค่ะท่านลอร์ด ถึงยังไง มันไม่เป็นไรที่ไม่เรียกเมย์มาช่วยถือเหรอคะ?”
“หมายความว่ายังไง?”
“ไม่ใช่เกราะมันหนักเหรอ? หนูคิดว่ามันจะถือกลับลำบาก”
คูกิแสดงสีหน้าลำบบากใจตอนเดินอยู่ข้างผม อา เข้าใจล่ะ หมายถึงอย่างนั้นนี่เอง
“โคโลนีนี้มีระบบส่งของมีประสิทธิภาพ เราเลยไม่ต้องขนของหนักเอง เธอคุ้นกับรถรางที่ไปทั่วโคโลนีถูกมั้ย? พื้นฐานแล้วมันมีรถแบบนั้นเล็กๆในร้าน และนั่นทำให้ส่งของตรงจากโกดังถึงที่อยู่ลูกค้าได้”
“อ๋อ…… งั้นทำไมเราต้อง– อ๊ะ เข้าใจแล้ว ท่านจะลองก่อนรับ”
“ถูกต้อง อืม พวกเขาเอาขนาดและข้อมูลการเคลื่อนไหวฉันไปแล้วอย่างถูกต้องอยู่ดี ฉันเลยไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไรจริงๆจังๆ”
เราคุยกันแบบนั้นจนเรามาถึงสถานีรถรางและขึ้นรถรางด้วยกัน เครือข่ายรถรางกระจายอยู่ในโคโลนีอย่างกว้างขวาง คนเลยไม่รู้สึกว่ามันไม่สะดวกเมื่อไปจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่ง แต่ระยะทางระหว่างสถานียังไกลอยู่
การเดินทางระยะไกลเกิดขึ้นด้วยรถราง และระหว่างเราเดินไปสถานี ผมสังเกตพาหนะเหมือนรถยนต์ หรือมันดูเหมือนรถแบบเดียวกับที่กองทัพ, นักดับเพลิง, และรถโรงพยาบาลฉุกเฉินใช้
“ท-ท่านลอร์ด นั่นจั๊กจี๋”
“หืม? โอ้ ขอโทษขอโทษ”
ข้างในรถรางมันคนแน่น สุดท้ายผมเลยอยู่ใกล้กับคูกิมาก และมันดูเหมือนลมหายใจผมโดนหูสัตว์บนหัวคูกิตรงๆ ผมคิดว่าหูเธอสะบัดมากกว่าปรกติ มันเป็นอย่างนั้นนี่เอง เอ่อ มันไม่เหมือนว่าผมหายใจตื่นเต้นเหมือนพวกบ้ากามรู้เปล่า ผมหายใจธรรมดา ผมไม่ได้มีเจตนาจะแอบซ่อน มันอุบัติเหตุอย่างบริสุทธิ์ใจ
หลังจากเหตุการอย่างนั้น ในที่สุดเราก็มาถึงจุดลงของเราและออกจากรถราง จากนั้นเริ่มเดินไปร้านเกราะ
“ชินกับวิถีชีวิตที่นี่ยังล่ะ?”
“ค่ะเพราะทุกคน หนูอยากขอบคุณแบบไหนก็ได้”
“เข้าใจแล้ว อืม ยานเราจะส่งมาในไม่กี่วันแล้ว เธอเลยต้องชินกับอะไรใหม่ๆอีกแล้ว หรือนั่นเป็นเมื่อเธอจะได้รับประสบการณ์วิถีชีวิตประจำวันธรรมดาของเรา เธอเลยต้องชินกับมันด้วย”
“ค่ะ หนูจะทำเต็มที่เพื่อให้ทุกคนเชื่อใจเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
ผมพยักหน้าตอบคูกิที่ตั้งใจ แต่ในใจยิ้มอย่างขมขื่น
มันดูเหมือนตัวคูกิเองก็รู้ว่ายังไม่ได้เป็นที่เชื่อใจ อืม แต่ผมว่านั่นคาดไว้แล้ว
“เอ่อ ขอโทษนะคูกิ”
“ไม่ค่ะไม่ อย่าขอโทษค่ะท่านลอร์ด เราชินกับปัญหาที่คนประเทศอื่นไม่เข้าใจภารกิจเราบ่อย และเราบิดเบือนกฎวิญญาณได้ด้วย นั่นเลยยิ่งทำให้คนตีตัวออกห่างไม่เชื่อใจเข้าไปอีก”
“กฎวิญญาณ นั่นพูดถึงเวทมนตร์หรือพลังวิญญาณเหรอ?”
“ค่ะ มีวิธีเรียกมันอยู่เยอะ แต่รากมันหลักๆเหมือนกัน มันเป็นท่าที่ให้คนนึงบิดเบือนกฎของโลกนี้ด้วยคลื่นจิต มีวิธีใช้ท่าอยู่เยอะเช่นควบคุมธาตุเหมือนไฟ, สายฟ้า, และแบบนั้น พร้อมกับแทรกแซงจิตใจและวิญญาณ ในประเทศเราวิชาควบคุมเวลา, อวกาศ, และชะตาถูกพิจารณาว่าเป็นท่าขั้นสูง”
“เอ่อ ไม่ใช่นั่นหมายถึงเมื่อฉันฝึกกับเธอเสร็จ ฉันจะเป็นคนอันตรายสุดๆที่ควบคุมกาลอวกาศและชะตาเหรอ?”
เมื่อผมแสดงความกังวล คูกิมองผมแล้วยิ้ม
“ใช่ค่ะ และนั่นทำไมคนแบบหนูจำเป็น ภารกิจเราคือเพื่อสนับสนุนตัวตนอย่างท่านและบางครั้งเป็นครูกับผู้นำทาง ทุกอย่างมันเพื่อรักษาสันติและสมดุลของโลกไว้”
“เข้าใจแล้ว…… ถ้าอย่างนั้น ขึ้นอยู่กับตีความมันยังไง จริงๆแล้วนั่นฟังดูเหมือนพวกเธอพร้อมกำจัดคนเหมือนฉันถ้าเธอตัดสินแล้วว่าฉันจะทำโลกเสียสมดุลสินะ”
“หนูอยู่ที่นี่แล้วดังนั้นบางอย่างแบบนั้นจะไม่เข้ามา ตราบใดที่หนูอยู่ข้างท่านหนูจะไม่ให้ท่านเดินเส้นทางนั้น ท่านลอร์ด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
คูกิจับแขนเสื้อผมและเงยขึ้นมามองหน้า พร้อมดวงตาที่เต็มไปด้วยเจตนา
มืม เข้าใจแล้ว เธอจริงจัง
ไม่ว่าภารกิจเธอจะเรื่องจริงหรือแค่ลมปด ตัวคูกิเองเชื่อเต็มที่
นั่นจึงทำให้สาวคนนี้มุ่งมั่นมาก……? ไม่สิ เธอบอกเรานานมาแล้วว่าเธอมุ่งมั่นที่จะทำให้ภารกิจที่เธอและผู้คนของประเทศให้เธอมาตั้งแต่เกิดให้สำเร็จ
พูดตรงๆ ผมไม่ได้เข้าไปอยู่เป็นส่วนหนึ่งกับอะไรเหมือนศาสนามาก
ดังนั้น ผมคิดว่ามันจะเป็นไม่ได้ที่จะเข้าใจเธอ แต่ผมสามารถยอมรับตัวคนที่เธอเป็นได้ ผมจะแค่เชื่อที่เหลือเมื่อผมได้รับประสบการณ์เอง
“มันจะยากที่จะทำทันที แต่ฉันจะทำเต็มที่เพื่อจะพยายามและเชื่อเธอ คูกิ ฉันจะพยายามที่สุด”
“ขอบคุณมากๆค่ะ ได้โปรดดูด้วยตาตัวเองว่าหนูไว้ใจได้จริงหรือไม่ ส่วนกลับกันตัวหนูจะทำเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เชื่อใจเต็มอกและไม่ทรยศความคิดนั้น”
ทันทีเมื่อเธอพูดคำเหล่านั้น หูคูกิเด้งขึ้นกระทันหัน หยุดเดิน และดมอากาศ คิ้วเธอขมวดเข้าด้วยกันขณะเธอแสดงสีหน้าไม่สบายตัว
“มีอะไรเหรอ?”
“……หนูรู้สึกถึงตัวตนชั่วร้าย พร้อมด้วยกลิ่นเลือด”
“……เอ๋?”
แต่ร้านเกราะแค่อยู่มุมถนนนี้เอง ……เรื่องมีปัญหาอีกแล้วเหรอ?
ให้ผมพักบ้างได้ไหมล่ะเนี่ย!?
แปลโดย: wayuwayu
tipme : tipme.in.th/wayuwayutl
patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu
ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ด้วยการช่วยเหลือของท่านจะทำให้แปลต่อไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณครับ
ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: http://linktr.ee/wayuwayu