ผมคือนักบุญหญิงที่เป่ายิ้งฉุบมาเกิดใหม่ครับ - ตอนที่ 22
“ต้องขออภัคที่เราทำให้การประชุมต้องหยุดกลางคัน”
ราชินีภูตินั้นใจเย็นลงและกลับเข้าสู่โหมดปกติของเธอแล้ว อาการตาบวมนั้นก็ถูกเบลรักษาให้เรียบร้อย ตอนนี้เธอได้กลับมาเป็นราชินีภูติที่สง่างามคนเดิมแล้ว
“แล้วเจ้ากำลังถือขวดอะไรอยู่นะ ราชาเอลฟ์”
“ไม่มีอะไรหรอกแอน ก็แค่น้ำดื่ม”
ราชาเอลฟ์พยามบ่ายเบี่ยง มีเพียงผู้ปกครองทั้ง7ที่รู้ว่านั้นคือน้ำตาของราชินีภูติที่จะนำไปใช้ทำเป็นยาปลุกเซ็กในเร็วๆนี้ หากราชินีภูติรู้เธอเองก็ต้องเสียใจที่หลั้งน้ำตาแน่นอน
“เอาเถอะ เราเองก็ไม่อยากรู้หรอก แล้วจะเริ่มการประชุมต่อเลยรึเปล่า มีใครต้องการจะพูดอะไรอีกไหม”
“ข้ามีเรื่องเกี่ยวกับคู่หมั้นของลูกชายของข้านะ”
ราชาแห่งแกรนเทลเอ่ยปากขึ้นหลังจากเงียบมานาน เขาเป็นราชาที่ดูสง่างามแม้จะดูอายุเยอะแล้วก็ตาม
“อีกแล้วเหรอ เทส ข้าว่าเจ้าให้ลูกชายเจ้าตัดใจจากยัยหนูนั้นไปเถอะ ถึงแม้มันจะมีพลังเวทเยอะกว่าข้าก็จริงและมีคุณสมบัติแห่งแสงแต่การใช้เวทมนต์ได้แย่ยิ่งกว่าเด็กน้อยซะอีก แถมยังมีปัญหาด้านการเขียนอีกทั้งๆที่โตแล้วแท้ๆ ข้าไม่รู้ว่าทำไมศาสนจักรถึงส่งยัยเด็กนั้นมาที่โรงเรียนของข้า หรือต้องการให้โรงเรียนของข้าที่สร้างมามากกว่า300ปีต้องเสื่อมเสียกัน”
“ข้าเองก็แค่ทำตามสัญญาที่ร่วมเซ็นไว้ว่าจะสนับสนุนผู้มีคุณสมบัติเท่านั้น ข้าไม่ต้องการให้ท่านต้องเสื่อมเสียหรอก”
“จะจริงเร้อ? ข้ารู้สึกว่าเจ้าจะเกลียดพวกแม่มดอย่างข้ามากเลยนี้น่า เจ้าบาทหลวง”
“แม้ข้าอาจจะเกลียดพวกแม่มดอย่างท่านก็จริงแต่สวรรค์เองก็ไม่ต้องการความขัดแย้ง น่าเสียที่แม้สวรรค์จะประทานความสามารถให้เธออย่างเต็มเปี่ยม แต่กลับไม่สามารถดึงมาใช้ได้ แม้ข้าพยามจะหาประโยชน์ให้เธอมีประโยชน์ในการเสริมสายเลือดของผู้กล้าให้รุ่งเรืองขึ้น แต่นางกลับหนีไปซะได้ ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจซะจริง”
“พูดได้ดีเหมือนนี้!! นี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราเห็นตรงกันนะเจ้าบาทหลวง แม้เธอจะไร้ประโยชน์ในฐานะผู้ใช้เวทมนต์แต่ก็ยังมีประโยชน์ในฐานะผู้หญิงสินะ โฮะๆๆๆ”
เบลหัวเราะออกมาด้วยเสียงแหลมสูงที่เหมือนเด็กๆของเธอ ในฐานะผู้ใช้เวทมนต์สายเลือดคือสิ่งสำคัญท่าหากมีสายเลือดที่ทรงพลังโอกาสที่จะเกิดผู้ใช้เวทมนต์ที่แข็งแกร่งก็จะเพิ่มขึ้น และหนึ่งในคนที่ผลักดันแนวคิดนี้อย่างหนักมาตลอดก็คือเบลนั้นเอง
“เรื่องนั้นมันยังไงก็ได้!! แต่ข้าจำเป็นต้องพานางกลับมาให้ได้!!!”
ราชาแกรนเทลพูดออกมาเสียงดังปกติเขาเป็นคนที่สงบมาก แม้แต่ราชินีแม่มดเองก็ยังรู้สึกแปลกใจ
“ทำไมเจ้าถึงดูใจร้อนนักละเทส? ถ้าแค่ผู้หญิงที่มีคุณสมบัติแสงและมีพลังเวทมหาศาลละก็หนึ่งในสายเลือดของข้าเองก็มีอยู่คนหนึ่ง หากเจ้าสนใจละก็ข้ายินดียกให้ก็ได้ แค่แลกกับการแบ่งบุตรที่เกิดมาจาก2คนนั้นก็พอ แน่นอนว่าข้าจะไม่เอาบุตรคนแรกของเจ้าไปหรอก สบายใจได้”
“ไม่ใช่หรอกท่านเบลข้าไม่ได้ต้องการคุณสมบัติแห่งแสงและพลังเวทขนาดนั้นหรอก”
“แล้วจะมีเหตุผลอะไรอีกละที่เจ้าต้องการจากยัยหนูนั้นละ สิ่งมีค่าที่สุดที่ข้าเห็นจากเธอนั้นก็มีเพียงแค่นั้นแหละ”
“ลูกชายข้าต้องการเธอ..”
“คิดว่าข้ารู้จักตระกูลเจ้ามานานแค่ไหนกัน พวกเจ้าก็เหมือนๆกันหมด รู้ไหมว่ามันคืออะไร?”
“……”
เบลพูดพร้อมจ้องไปที่ตาของเขา ราชาแห่งแกรนเทลก็เงียบอยู่
“พวกเจ้ามันโกหกได้ห่วยแตกยังไงละ?”
ราชาแห่งแกรนเทลหลบสายตาของเบลด้วยความละอายใจ
“เทสบอกข้ามายัยหนูนั้นมีอะไร? ตอบมาซะ ข้าไม่ชอบถูกทำเหมือนคนโง่หรอกนะ”
“….”
“ไม่จำเป็นต้องหนักใจเทส พวกเราทั้ง9อาณาจักรเป็นมิตรกันมานานบอกมาเถอะ ยังไงข้าก็อยู่ข้างเจ้ามานานไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร”
“ก็ได้…ยังไงสักวันก็ต้องบอกทุกคนอยู่ดี..”
ราชาแกรนเทลสูดหายใจเข้าลึกๆ ตอนนี้ ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องบอกความลับของเขาแล้ว
“เด็กคนนั้นคือนักบุญครับ..”
“””””””!!!!!!?”””””””
เหล่าผู้ปกครองนั้นต่างตื่นตกใจเป็นอย่างมาก นี้คือเรื่องที่เกินคาดสุดๆ
“เรื่องนั้นจริงเหรอเทส!! ยัยหนูนั้นคือนักบุญจริงๆเหรอ!!!”
ผู้ที่ดูตื่นตระหนกก็คือราชินีแม่มดและเวทมนต์เธอลุกขึ้นยืนและเดินไปเขย่าตัวของราชาแห่งแกรนเทลด้วยความใจร้อน
“จากที่ลูกชายข้าเล่า..แม้นางจะไม่มีความสามารถทางด้านเวทมนต์ แต่กลับมีความสามารถการใช้เวทมนต์รักษาได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ..เพียงแค่ใช้Healก็สามารถรักษาบาดแผลสาหัสให้หายดี ภายในเวลาอันสั้นได้..นั้นคือคุณสมบัติของนักบุญ”
“ไม่ผิดแน่!! นังนั้นมันเป็นนักบุญ ข้าจะตามหามันแล้วฆ่ามันทิ้งซะ!!”
ตอนนี้แววตาของเธอเต็มด้วยความโกรธพลังเวทของเธอจนพลังเวทของเธอทะลักออกมาจากร่างกายเล็กๆของเธอจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า
“ใจเย็นสิเบล แม้เด็กนั้นจะเป็นนักบุญก็จริงแต่นั้นมันก็ไม่ใช่คนที่เจ้าควรจะไปแค้นนะ”
“แอน!! เจ้าก็รู้ว่านักบุญมันทำอะไรกับข้า!!! มันทำให้เกล็นทรยศข้า!! มันทำให้ข้าต้องฆ่าลูกชายของตัวเอง คนที่เป็นดั้งดวงใจของข้า!!! เป็นเพราะมัน!! มันเป็นความผิดของพวกนักบุญทั้งหมด!!! ต่อให้ผ่านมา300ปีความแค้นนี้ก็ไม่เคยจางหายไป!! คราวนี้ข้าจะทำให้มันทรมาณยิ่งกว่าตาย!! ไม่งั้นข้าคงอยู่ไม่สุขแน่!!”
“เบล…”
ตอนนี้ราชินีแห่งแม่มดหลั้งน้ำตาออกมาด้วยความแค้น แม้แต่ราชินีภูติที่สนินกับเธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้มากนัก
“ถ้าเป็นอย่างงั้นจริงทางเราเองก็คงต้องเป็นศัตรูกันกันสิ ท่านราชินีแม่มด”
“เจ้าคิดจะปกป้องมันรึไงเจ้าบาทหลวง!!! เจ้าคิดว่าจะสามารถปกป้องมันจากข้าได้งั้นเหรอ!!! เจ้าลืมไปแล้วรึไงว่าข้าเป็นใคร!!”
“แม้ไม่อาจปกป้องได้แต่หากเป็นความประสงค์ของสวรรค์พวกเราก็ยินดีทำต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
“งั้นเจ้าก็แลกชีวิตกับมันตรงนี้เลยละกัน!!!”
“พอได้แล้ว!!!!!”
ราชาแห่งแกรนเทลตะโกนขึ้นทั้งสองจึงหันมาจับจ้องที่ราชาแห่งแกรนเทลแทน
“เทสเจ้าก็คิดจะปกป้องมันงั้นเหรอ!!! มันสำคัญอะไรกับเจ้านักหนากัน!! ท่าต้องการคนที่มีพลังรักษาสูงข้ายินดียกให้เจ้าโดยไม่มีเงื่อนไขเลย!! ข้าขอแค่ให้ข้าจัดการมันได้ก็พอ!!”
“ข้าก็ไม่อยากทำ..แต่ลูกชายข้าได้มีความสำพันธ์ลึกซึ้งกับนางไปแล้ว..”
“จะ..เจ้า..ว่าไง..นะ!!”
ราชินีแห่งแม่มดตกใจเป็นอย่างมากจนเข่าแทบจะทรุดลงไปกับพื้น เมื่อได้ยินว่าสองคนนั้นมีความสัมพันธ์ถึงขั้นนั้นไปแล้ว และเธอรู้ดีว่ามันหมายความว่าอย่างไร
“บุตรคนแรกของแกรนเทลทุกคนจะมีพลังของผู้กล้าและความสามารถในด้านต่างๆสูง และจะเป็นผู้ที่สืบทอดบัลลังก์ และผู้ที่ให้กำเนิดบุตรคนแรกเองก็จะเป็นราชินีของแกรนเทล อย่างงี้นี้เองนี้คือความประสงค์ของพระเจ้าที่ต้องการจะปกป้องเธอจากราชินีแม่มดสินะ”
“ใช่แล้วละท่านบิชอปและตอนนั้นที่ลูกชายข้าทำกับนางนั้นคือครั้งแรกของทั้ง 2 ซึ่งตามปกติของตระกูลเราแล้วเธอจะต้องท้องแน่นอน บางทีตอนนี้นางอาจจะเลี้ยงทายาทของข้าอยู่ก็ได้”
ราชาแห่งแกรนเทลพูดด้วยความหนักใจเป็นอย่างมาก ตระกูลของราชาจะต้องมีทายาทนั้นคือกฏของแกรนเทล
“อีนังนั้น!!! มันจะปั่นหัวของข้าไปถึงเมื่อไหร่!!”
ตูม!!!
เบลทุบพื้นด้วยความโกรธแค้นด้วยแค้นเล็กๆของเธอ แต่ตอนนี้ด้วยอารมที่ไม่มั่นคงของเธอทำให้พลังเวทนั้นกำลังประถุไปทั้วร่างกาย ทำให้พื้นที่เธอทุบนั้นเกิดการกระเบิดต่อให้ยังไม่ใช่เวทมนต์ก็ตาม
“ข้าเกลียดมัน!! ข้าเกลียดมัน!! ข้าเกลียดมัน!!! ข้าเกลียดมัน!!! ข้าเกลียดมานนนนนนนนนนน!!!!”
ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!! ตูม!!!
เบลทุบพื้นต่อเนื่องด้วยและร้องตะโกนอย่างบ้าคลั้งเพื่อระบายความแค้น บัดนี้ไม่เธอไม่เหลือคราบราชินีผู้น่าเกรงขามแล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นเพียงคนคลั้งเท่านั้น
“หยุดเถอะนะเบล เจ้าเป็นคนที่มีสติกว่านี้–“
“สติเรอะแอน? เจ้าดูสิ่งมันทำสิ!! รอบที่แล้วมันล่อลวงลูกข้า ทีนี้มันยังกล้ากลับมาล่อลวงสายเลือดผู้กล้าอีก!!! มันคิดจะทำให้ข้าทรมาณทั้งเป็น!!! จิตใจข้ามันก็แตกสลายไปนานแล้วแอน!! ตั้งวันที่ข้า–“
“เราขอร้องละ!!”
ราชินีภูติพูดทั้งน้ำตาออกมาให้กับเพื่อนของเธอ เธอทนเห็นไม่ได้ที่เพื่อนรักของตัวเองต้องจมกับความแค้นมากเกินไป
“ช่วยหยุดทีเถอะนะ..เบล..เราไม่อยากเห็นเจ้าในสภาพแบบนี้เลย”
เบลที่เห็นเพื่อนของเธอเจ็บปวดจึงค่อยๆ สงบสติอารมลง และกลับมานั้งที่ตัวเองอย่างช้าๆ ข้างๆ ราชาคนแคระเขาไม่ได้พูดอะไรกับเบลแม้แต่น้อย เพราะเข้าใจสถานะของราชินีแม่มดดี
“พวกเราแม่มด…ยินดีให้การช่วยเหลือ..แกรนเทลในการตามหาทายาทผู้กล้า..และนักบุญ”
“ขอขอบคุณมาก..ท่านย่า”
แม้เธอจะพูดอย่างไม่เต็มใจแต่เธอก็เข้าใจธรรมเนียมดียิ่งกว่าใคร แม้ตอนนี้อารมของเธอยังคงแปรปรวนอยู่แต่เธอนั้นยังคงพอรู้ว่าตัวเองควรทำอะไร
“อย่างงี้นี้เองข้าเข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้แล้วละ ก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงต้องการเด็กสาวคนนั้นขนาดนั้น แม้ทางเราอาจจะช่วยอะไรมากเหมือนท่านเบลแต่ก็จะทำเท่าที่จะทำได้ละกัน แล้วเจ้าละราชินีปลา? เห็นนั้งเงียบมาตลอดเลยนะ”
แกลหันไปถามหญิงสาวที่แต่งตัวน้อยชิ้นที่สุดในที่แห่งนี้ ชื่อของเธอคือเรียศ ราชินีแห่งท้องทะเลและน้ำ ผู้ปกครองอาณาจักร พิววอเทอร์ ผู้ซึ่งชอบการค้าขายซะยิ่งกว่าใคร เธอมีรูปร่างที่งดงามสมกับเป็นเผ่าในตำนานและมีน้ำเสียงที่ไพเราะ ประเทศที่เธอบริหารอยู่นั้นติดอยู่กับทะเลให้เธอจึงตัดสินใจที่จะสร้างเมืองท่าขึ้นเพื่อค้าขายกับทวีปอื่นและเธอเองก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากจนขยายอาณาเขตขึ้นมาบนบกได้
“ขะ..ขอ..น้ำ..ตัวมัน..หะ..แห้ง..หมด…แล้ว..”
เธอพูดด้วยเสียงที่แหบเหมือนกับคนเป็นหวัด เนื่องจากเธอต้องแปลงกายมาเป็นร่างมนุษย์เพื่อเดินสองขาและการเดินทางทำให้เธอต้องห่างทะเล การขยับหรือการพูดทุกครั้งจะทำให้เธอสูญเสียน้ำในร่างกายเร็วขึ้นเธอจึงหลีกเลี่ยงการกระทำนั้นให้มากที่สุด ทุกครั้งที่เริ่มประชุมเธอจะทำให้ตัวเปียกโชกที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สุดท้ายการประชุมที่ยาวนานในครั้งนี้ก็ทำให้เธอทนไม่ไหว
“ราชินีเงือกแห้งไปแล้วแหะ แบบนี้ใครจะมีน้ำบางละเนี้ย”แกล
“เราคิดว่าใช้น้ำที่ดูน่าสกสัยในมือของราชาเอลฟ์ดีกว่านะ ดูท่าทางจะเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์มากด้วย”ภูต
“เดี๋ยวๆ มันมันของข้านะ!!”เอลฟ์
ราชินีภูตกระชากขวดน้ำอันเล็กๆ ที่อยู่ในมือราชาเอลฟ์และสาดไปที่ไปราชินีแห่งทะเลทันที
“อร๊างงงงงง~”
“ม่าย~ ยาสมรรถภาพทางเพศของข้า~”
“เอ๋!! นี้มันยาปลุกกำหนัดงั้นเหรอ!!! นี้เจ้าถืออะไรเข้ามาในวังกันแน่เนี้ย!! สกปรกที่สุด!!”
ราชาเอลฟ์ควาญครางออกมา ส่วนราชินีภูติเองก็ปาขวดนั้นทิ้งไปไกลๆ เพราะเข้าใจว่ามันเป็นยาปลุกเซ็กจริงๆ โดยที่ไม่รู้ว่านั้นคือน้ำตาของตัวเองเลยสักนึด
“พี่สาวคืนชีพแล้วจ้า~ สมแล้วที่เป็นน้ำตาของน้องสาวที่แสนน่ารักของฉัน!! กลับมาชุ่มชื่นได้แบบเต็มเปี่ยมเลย!!”
“อย่ามากอดเรานะราชินีเงือก!!! แม้เราจะมีต้นกำเนิดเดียวกันแต่เราไม่เคยนับเจ้าเป็นเครือญาติเรานะ!!”
ราชินีภูตพยามผลักราชินีเงือกที่เข้ามากอกตัวเอง
“อีกแล้วอ่า~ แอนนี้ละก็ปากแข็งจังนะ ทั้งๆที่ตอนพึ่งเกิดมาใหม่ๆ ก็ยังเรียกฉันว่าพี่สาวแล้วก็ตามฉันไม่หยุดเลยแท้ๆ ถึงขนาดตามมาในน้ำจนจมน้ำเลยนะ ตอนนั้นลำบากแทบแย่กว่าจะเอาน้ำออกจากตัวแอนได้เนี้ย น่าคิดถึงจริงๆ น้า~ แอนที่ตัวเล็กๆและเดินตามฉันต้อยๆเนี้ย”
“ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น!! แต่ตอนนี้เราคือมารดาแห่งภูตินะ!!”
“นี้ๆ รู้อะไรไหมแกล หนูแอนของฉันนะฉี่รดที่นอนจนถึงอายุ300ปีเลยนะ สุดยอดใช่ไหมละ ทั้งๆที่ตอนนั้นก็โตเต็มวัยแท้ๆแต่กลับฉี่รดที่นอนได้นะ”
“อืมๆ ช่างน่าแปลกจริงๆ ขนาดข้าเองตั้งแต่จำความได้ก็ไม่เคยฉี่รดที่นอนเลย ช่างเป็นเรื่องน่าแปลกจริงๆที่ราชินีภูติฉี่รดที่นอนจนกระทั้งโตได้เนี้ย”
“ใช้ม้า~!! น่ารักสุดๆเลยละตอนที่พูดว่า’นะ..นี้นะคือพลังเวทอันมหาศาลที่ไหลมาจากเราที่เป็นมารดาแห่งภูติยามนิทราไงละ..นะ..นี้ไม่ใช่ของเสียที่ออกมาจากร่างกายอย่างฉี่หรอกนะ!!!’ ตอนนั้นยังไม่ลืมเลยละ ความน่ารักของหนูแอนตัวน้อยของฉันนะ!!”
“อืม..น่ารักจริงๆอย่างที่เจ้าว่าจริงๆด้วย ข้าเองหากเป็นไปได้ก็อยากมีลูกที่น่ารักเหมือนราชินีภูติจัง ชีวิตความเป็นพ่อของข้า คงจะมีความสุขน่าดู”
“เรื่องนั้นฉันเองก็เห็นด้วยนะ ท่ามีลูกที่เหมือนหนูแอนตัวน้อยเองก็ไม่เลวเหมือนกัน…อ๊า~..คิดถึงสมัยนั้นจังน้า~”
ราชินีแห่งท้องทะเลกับแกลพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเกี่ยวกับอดีตราชินีภูติ ส่วนราชินีพูดอันอายจนหน้าแดงและไม่อาจพูดอะไรได้แก้มของเธอป่องออกมา สำหรับเธอเรื่องนั้นเธอไม่อยากให้อื่นรู้เลยสักนึด
“อึก…ฮือ~…พี่สาว..กับไอ้เด็กมังกร…บ้าที่สุดดดด!!!”
ราชินีภูตินั้นวิ่งพร้อมกับร้องไห้วิ่งออกไปจากห้องประชุมด้วยความอับอายเป็นอย่างมาก
“ราชินีภูติเองก็วิ่งหนีไปแล้วจะรู้ได้ไงละเนี้ย ว่าจะเอาด้วยไหม”
“ท่าเป็นแอนละก็เอาด้วยแน่นอนจ๊ะ ตราบใดที่หนูเบลเอาด้วย เธอก็เอาด้วยแหละจ๊ะ”
“ทำไมท่านมั้นใจนักละราชินีเงือก?”
“ก็หนูเบลนะเป็นเพื่อนคนแรกของแอนนี้น่า แอนนะเป็นเด็กขี้เหงาจะตาย ไม่ยอมปล่อยเพื่อนคนแรกของเธอไปง่ายๆ หรอก”
“ก็คงงั้นละมั้ง..”
เขาหยักไหล่ตอบเล็กน้อยด้วยท่าทีสบายๆ
“แต่ว่าน้า~ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีเธอกับราชาราชสีห์ที่มาแกล้งหนูแอนของฉันจนร้องไห้เลยนี้น่า~”
“อึก!!”
ราชินีภูติจับไหล่ของเขาและบีบจนแน่น แม้เธอจะเป็นเงือกแต่ก็ถือว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งพอสมควร
“เดี๋ยวสิราชินีเงือกข้าไม่เกี่ยวซักหน่อย!!”
“ตายจริง~ พูดอะไรกันก็ท่านราชาราชสีห์ร่วมหัวกับแกลเมินแอนจนร้องไห้นี้น่า หรือว่าฉันเข้าใจอะไรผิดไปรึเปล่าเอ๋ย~ “
“เจ็บๆๆๆ กระดูกข้าจะแตกแล้ว!!”
แม้เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะของเธอพร้อมกับยิ้มหวาน แต่แรงที่บีบไหล่แกลนั้นกลับเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนเจ้าตัวร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เลิกเล่นแค่นี้เถอะ ราชินีเงือก สรุปท่านจะเอาด้วยหรือไม่?”บิชอป
“แหม~ ท่าแอนเอาด้วยฉันก็ต้องเอาด้วยแน่นอนสิ ท่านบิชอป แล้วคนอื่นๆละ”
“ข้าเอาตัวละกัน..แม้จะไม่สนใจก็เถอะ”
ราชาคนแคระตอบรับ
“แม้จะช่วยอะไรไม่ได้เพราะประเทศข้าเป็นประเทศปิด แต่ท่าคนที่ลักลอบเข้ามาในเขตแดนของเราแต ถ้าจับคนที่มีลักษณะใกล้เคียงจะส่งตัวมาให้”
ราชาเอลฟ์ตอบรับเช่นกัน
“ข้าด้วยเอาด้วยแม้จะตรวจสอบยากเพราะข้ากำลังวุ่นกับภูตดำก็เถอะ”
ราชาสรรพ์สัตว์ก็เอาด้วยเช่นกัน
“ข้าซึ่งเจ้าในน้ำใจของพวกท่านมากจริงๆ บุญคุณนี้ข้าจะลืมเลยจริงๆ”
ราชาแห่งแกรนเทลนั้นก้มหัวของคุณ ด้วยความซาบซึ่งใจและจากนั้นการประชุมก็เสร็จสิ้นต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับประเทศของตนเองเพื่อไปทำหน้าที่ตามเดิมการประชุมในครั้งนี้ได้จบทางเป็นทางการแล้ว
.
.
.
.
“ท่านราชินีจะวิ่งหนีมาจากการประชุมไม่ได้นะคะ”
พิกซี่ตัวน้อยบินตามราชินีภูติที่หยุดร้องไห้และกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องประชุมอีกครั้ง
“ไม่ใช่ความผิดของเราซะหน่อย!! มันเป็นความผิดของพวกนั้นต่างหากที่ชอบมาล้อเล่นกับเราต่างหาก!!”
“ค่าๆ เข้าใจแล้วเป็นเพราะท่านราชินีเงือกกับท่านราชาแห่งลาสสินะคะ เข้าใจแล้วคะ”
“ท่าทีแบบนั้นหมายความว่าไง!! ข้าเป็นราชินีและมารดาของเจ้านะ!!”
พิกซี่ตัวน้อยแทบกุมขมับเธอปวดหัวกับนิสัยแบบเด็กๆของราชินีตัวเอง แม้เธอจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดภูตทุกตัวก็จริงแต่เนื่องจากเธอนั้นไม่ค่อยจะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่นมากเท่าที่ควรและได้รับการปกป้องจากบริวาณและราชินีแห่งท้องทะเลมาตลอด ทำให้เติบโตมาแบบค่อนข้างไร้เดียงสาและใสซื่อมากพอสมควรจะเรียกว่าสาวน้อยบริสุทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่แปลก
แม้เธอจะทำหน้าที่ได้ดีในฐานะราชินีแต่หากโดนจับจุดอ่อนได้แล้วละก็จะแสดงตัวตนดั้งเดิมที่เป็นเด็กๆ ออกมาทันที
“ก็เพราะแบบนั้นไงคะ ข้าถึงได้เตือนท่าน ฟังนะคะ ท่านเป็นหน้าตาของพวกเรานะคะ มีที่ไหนบ้างที่หน้าตาของประเทศร้องไห้และหนีออกมาเพราะถูกกลั้นแกล้งเพียงเล็กน้อยจากคนอายุน้อยกว่านะ”
“อุก..แต่ว่า..”
“ไม่มีแต่คะ ท่าท่านยังทำตัวแบบนี้อีก ฉันจะงดเวลาของว่างของท่านแล้วนะคะ!!”
“โหดร้าย!! นั้นมันโหดร้ายเกินไปแล้ว!! ของว่างนั้นเปรียบดั้งชีวิตของเราเลยนะ!!”
“มีผู้นำที่ไหนเอาชีวิตไปวัดคุณค่ากับขนมและชากันคะ!!! ช่วยทำตัวให้สมกับเป็นราชินีหน่อยสิคะ!! ไม่งั้นฉันจะพาเผ่าพันธ์ของพวกเราหนีจากท่านไปเลยคอยดู!!!”
เธอตะโคกใส่ราชินีของตัวเองด้วยความหงุดหงิด
“อึก…ไม่เอา..นะ..อึก”
“เอ๋”
ราชินีแห่งภูติบ่อน้ำตาเริ่มแตกอีกครั้งพร้อมกับจับกระโปรงของพิกซี่ตัวน้อยไว้ พิกซี่ตัวน้อยเริ่มร้อนรนเพราะเผลอพูดคำพูดต้องห้ามออกไป
“ล้อเล่นคะๆ ฉันพูดพูดล้อเล่นเฉยๆคะ!!”
“อึก..จริงนะ..”
“จริงสิคะ!! แหมใครจะไปทิ้งท่านลงได้นะคะ ฮ่าๆ”
“ไม่…เอานะ…อึก.ไม่อยาก.ถูกทิ้ง..อีกแล้ว..อึก”
“ท่านราชินี…”
สำหรับราชินีภูตินั้นสิ่งที่สะเทือนใจที่สุดคือการที่ภูติดำทอดทิ้งดินแดนไปและต่อมาก็ถูกกวาดล้าง แม้พิกซี่จะไม่ได้ใส่ใจอะไรมากมายเพราะพวกนั้นหายไปนานแล้ว แต่สำหรับราชินีผู้ให้กำเนิดนั้นเธอโศกเศร้าเป็นอย่างมาก ภูติทุกตัวในดินแดนรักราชินีและราชินีก็รักพวกเธอเช่นกัน แต่สำหรับผู้ที่ทำให้เกิดบาดแผลในใจราชินีอย่างภูติดำทำให้พวกเธอค่อนข้างจะเกลียดภูติดำพอสมควร
“ไม่เป็นไรนะคะ ท่านราชินี ฉันเองก็ยังอยู่ตรงนี้นะคะ ดูสิไม่ได้หนีไปไหนซักหน่อย”
พิกซี่น้อยบินวนรอบราชินีเพื่อพยามจะปลอบใจเธอให้หยุดร้องไห้
“อืม..จริงด้วยสินะ..เราคือมารดาแห่งภูติเพราะงั้นเราจะไม่ร้องไห้อีกแล้ว!!”
“ท่านราชินี”
ราชินีแสดงเจตนาอันมุ่งหมั้นแม้แต่พิกซี่เองก็รู้สึกได้และค่อนข้างจะประทับใจ อ่า~ในที่สุดก็เติบขึ้นอีกเล็กน้อยแล้วสินะคะ ท่านราชินี
พวกเธอเดินไปถึงห้องประชุมแล้ว เมื่อเปิดประตูเข้าไปอีกครั้งก็ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากราชินีแห่งเงือก ที่นั้งอยู่และจ้องราชินีภูตที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาอย่างไม่ลดสายตาในความมืด
“พี่…ไม่สิ..ราชินีเงือกทุกคนไปไหน เข้าห้องน้ำกันเหรอ?”
ราชินีภูติถามราชินีเงือกที่นั้งอยู่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ถึงกระนั้นราชินีเงือกเองก็ยังส่งยิ้มให้เหมือนเดิม
“แหม~ถามอะไรน่ารักจังนะหนูแอน ทุกคนเขาประชุมเสร็จและก็กลับไปหมดแล้วละจ๊ะ”
“แต่..แต่.เรา..ยัง..ไม่-“
“ก็แหม~ ใครจะไปรอแอนจังร้องไห้เสร็จละจ๊ะ เขาก็รีบทำเสร็จๆแล้วกลับบ้านกันแล้วละจ๊ะ หรือก็คือความเห็นของหนูแอนนะมันจะยังไงก็ได้ไงจ๊ะ”
“ทะ..ท่านราชินีเงือกพูดแรงไปแล้วนะคะ!!”
น้ำตาของราชินีภูติเริ่มบริ่มๆอีกครั้ง แย่ละท่าเป็นแบบนี้ละก็!!!
“เรานะ..คือมารดา..แห่ง..ภูติ..เรานะ..เรานะ…เราจะไม่..เราจะไม่….ร้อง..อึก…แง้~!! โดนทิ้งอีกแล้วง่า~!!!”
“อ่า~ เยี่ยมที่สุด!! หนูแอนของพี่สาวน่ารักมากตอนที่ร้องไห้จริงๆ!! พี่สาวชุ่มชื่นมากๆค่า~!!”
“แง้~!!!!!!!!!!”
ราชินีภูติแหกปากร้องไห้เหมือนเด็กๆ ในขณะที่ราชินีเงือกเองก็เข้าไปกอดราชินีภูติพร้อมกับหน้าไปถูไถไปที่แก้มที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ พิกซี่น้อยเองก็กลับมาปวดหัวอีกครั้งเธอแทบจะล้มทั้งบินไปเลย
ไหนบอกว่าจะไม่ร้องไห้ไงคะ ท่านราชินี.. แบบนี้ก็ยังไม่โตขึ้นเลยสักนึดเลยสิคะ!!!
“พี่สาว..หนูนะ..อุแง้~!!!!!!!!!”
“อร๊างงง~ เรียกอีก!! เรียกว่าพี่สาวอีกสิจ๊ะ”
“ช่วยหยุดเล่นกันซักทีเถอะค่า~”
พิกซี่น้อยตะโกนออกมาด้วยปากเล็กๆ ของเธอ ทั้งสองยังคงเล่นสนุกกันอย่างไม่หยุดเลยสักนึด